พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,190 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1177/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเลือกที่อยู่ของสามีและผลต่อการฟ้องหย่า
การเลือกที่อยู่ตามกฎหมายสามีเป็นผู้เลือก
สามีเลือกที่อยู่โดยจะไปอยู่กินที่บ้านของบิดามารดาของสามี ภรรยาไม่ยอมไปเอง ดังนี้ภรรยาจะมาฟ้องขอหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยา ย่อมไม่ได้.
สามีเลือกที่อยู่โดยจะไปอยู่กินที่บ้านของบิดามารดาของสามี ภรรยาไม่ยอมไปเอง ดังนี้ภรรยาจะมาฟ้องขอหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยา ย่อมไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1177/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลือกที่อยู่ของสามี และสิทธิในการฟ้องหย่า
การเลือกที่อยู่ตามกฎหมายสามีเป็นผู้เลือก
สามีเลือกที่อยู่โดยจะไปอยู่กินที่บ้านของบิดามารดาของสามี ภรรยาไม่ยอมไปเอง ดังนี้ภรรยาจะมาฟ้องขอหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยา ย่อมไม่ได้
สามีเลือกที่อยู่โดยจะไปอยู่กินที่บ้านของบิดามารดาของสามี ภรรยาไม่ยอมไปเอง ดังนี้ภรรยาจะมาฟ้องขอหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยา ย่อมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1175/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของพินัยกรรม: การลงวันเดือนปีและการรับรองของเจ้าพนักงาน
พินัยกรรม์เอกสารฝ่ายเมือง มีวันเดือนปีเขียนอยู่ตอนต้น ปลัดอำเภอผู้เขียนได้ลงนามแสดงเป็นผู้เขียนในตำแหน่งปลัดอำเภอในตอนท้าย และอ่านข้อความให้ฟังแล้ว ไม่จำเป็นต้องลงวันเดือนปีซ้ำอีก พินัยกรรม์ย่อมสมบูรณ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1175/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของพินัยกรรม: การลงวันเดือนปีและตำแหน่งเจ้าพนักงาน
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง มีวันเดือนปีเขียนอยู่ตอนต้นปลัดอำเภอผู้เขียนได้ลงนามแสดงเป็นผู้เขียนในตำแหน่งปลัดอำเภอในตอนท้าย และอ่านข้อความให้ฟังแล้ว ไม่จำเป็นต้องลงวันเดือนปีซ้ำอีก พินัยกรรมย่อมสมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1114/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการซื้อที่ดินของคนต่างด้าว: ต้องมีสนธิสัญญาและได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ หากไม่มีสัญญา สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ
พ.ร.บ.ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว 2486 มาตรา 5, 6 คนต่างด้าวจะเข้าถือกรรมสิทธิในที่ดินได้ ก็ต่อเมื่อมีสนธิสัญญาบัญญัติให้ไว้ และแม้จะมีสนธิสัญญาเช่นว่านั้นก็ตาม แต่การได้มาจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขและข้อกำหนด ทั้งต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย แต่ถ้าไม่มีสนธิสัญญาให้มีกรรมสิทธิในที่ดินได้ คนต่างด้าวนั้นก็ไม่มีสิทธิจะได้มาซึ่งที่ดินและแม้จะขออนุญาตต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ๆ ก็ไม่มีอำนาจอนุญาตได้.
โจทก์เป็นคนจีนทำสัญญาซื้อที่ดินจากจำเลย ในเวลาที่จะต้องโอนที่ดินตามสัญญานั้น ประเทศจีนยังไม่ได้ประกาศใช้สนธิสัญญากับประเทศไทย โจทก์จึงไม่มีทางได้กรรมสิทธิในที่ดินตามสัญญาได้ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยตกเป็นโมฆะตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 113 จำเลยไม่ใช่ฝ่ายผิดสัญญาและไม่ต้องชดใช้เบี้ยปรับ แต่จำเลยควรคืนมัดจำให้โจทก์.
(อ้างฎีกา 188/2492)
โจทก์เป็นคนจีนทำสัญญาซื้อที่ดินจากจำเลย ในเวลาที่จะต้องโอนที่ดินตามสัญญานั้น ประเทศจีนยังไม่ได้ประกาศใช้สนธิสัญญากับประเทศไทย โจทก์จึงไม่มีทางได้กรรมสิทธิในที่ดินตามสัญญาได้ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยตกเป็นโมฆะตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 113 จำเลยไม่ใช่ฝ่ายผิดสัญญาและไม่ต้องชดใช้เบี้ยปรับ แต่จำเลยควรคืนมัดจำให้โจทก์.
(อ้างฎีกา 188/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1114/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินของคนต่างด้าวตาม พ.ร.บ.ที่ดิน 2486 ต้องมีสนธิสัญญาคุ้มครองและได้รับอนุญาต
พ.ร.บ.ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว 2486 มาตรา 5,6 คนต่างด้าวจะเข้าถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ ก็ต่อเมื่อมีสนธิสัญญาบัญญัติให้ไว้ และแม้จะมีสนธิสัญญาเช่นว่านั้นก็ตาม แต่การได้มาจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขและข้อกำหนด ทั้งต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย แต่ถ้าไม่มีสนธิสัญญาให้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ คนต่างด้าวนั้นก็ไม่มีสิทธิจะได้มาซึ่งที่ดิน และแม้จะขออนุญาตต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีอำนาจอนุญาตได้
โจทก์เป็นคนจีนทำสัญญาซื้อที่ดินจากจำเลย ในเวลาที่จะต้องโอนที่ดินตามสัญญานั้น ประเทศจีนยังไม่ได้ประกาศใช้สนธิสัญญากับประเทศไทยโจทก์จึงไม่มีทางได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินตามสัญญาได้ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยตกเป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 จำเลยไม่ใช่ฝ่ายผิดสัญญาและไม่ต้องชดใช้เบี้ยปรับ แต่จำเลยควรคืนมัดจำให้โจทก์ (อ้างฎีกาที่ 188/2492)
โจทก์เป็นคนจีนทำสัญญาซื้อที่ดินจากจำเลย ในเวลาที่จะต้องโอนที่ดินตามสัญญานั้น ประเทศจีนยังไม่ได้ประกาศใช้สนธิสัญญากับประเทศไทยโจทก์จึงไม่มีทางได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินตามสัญญาได้ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยตกเป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 จำเลยไม่ใช่ฝ่ายผิดสัญญาและไม่ต้องชดใช้เบี้ยปรับ แต่จำเลยควรคืนมัดจำให้โจทก์ (อ้างฎีกาที่ 188/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1097/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่แจ้งปริมาณข้าวสารเกินเกณฑ์ที่กำหนด ทำให้ต้องริบข้าวสารทั้งหมด
จำเลยมีข้าวสาร 180 กิโลกรัม โดยไม่แจ้งปริมาณข้าวสารทั้งหมดเป็นจำนวนที่ต้องแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บ เมื่อจำเลยไม่แจ้ง ก็ต้องเป็นความผิดทั้งหมด ต้องริบข้าวสารทั้งหมด จะแยกเป็นส่วนไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1097/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่แจ้งปริมาณข้าวสารเกินเกณฑ์ที่กำหนดเป็นความผิดทั้งหมด ริบได้ทั้งจำนวน
จำเลยมีข้าวสาร 180 กิโลกรัมโดยไม่แจ้งปริมาณข้าวสารทั้งหมดเป็นจำนวนที่ต้องแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บ เมื่อจำเลยไม่แจ้ง ก็ต้องเป็นความผิดทั้งหมด ต้องริบข้าวสารทั้งหมด จะแยกเป็นส่วนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแบ่งสินสมรส และผลของพินัยกรรมเมื่อคู่สมรสถึงแก่กรรมก่อน
ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 185 เป็นเรื่องของการขยายเวลาคือถ้าสิทธิเรียกร้องจะขาดอายุความสั้นกว่า 1 ปี ก็ให้ขยายออกไป 1 ปี ส่วนที่กฎหมายกำหนดให้มีอายุความฟ้องร้องเกินกว่า 1 ปี ก็ต้องเป็นไปตามบทบัญญัตินั้น จะนำมาตรานี้มาใช้บังคับ โดยย่นเวลาให้สั้นเข้านั้นหาได้ไม่
โจทก์,จำเลยหย่าขาดกันโดยคำพิพากษาของศาล โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์อันเป็นส่วนสินสมรส เป็นคดีฟ้องเรียกทรัพย์สิน มีอายุความ 10 ปี ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 164.แม้บิดามารดาจะทำพินัยกรรม์ร่วมกันก็ดี แต่เมื่อบิดาตายก่อน พินัยกรรม์ก็มีผลบังคับฉะเพาะส่วนของบิดาเท่านั้น
เงินผลประโยชน์อันเกิดจากสินสมรสนั้น จำเลยซึ่งถูกฟ้องขอแบ่งจะหักไว้ได้ก็ฉะเพาะค่ารักษาทรัพย์สิน ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกัน ส่วนเงินค่ากินอยู่ของจำเลยและบุตรโจทก์จำเลยนั้นเป็นคนละประเภท จำเลยไม่ได้ฟ้องแย้ง ก็หักให้ไม่ได้.
โจทก์,จำเลยหย่าขาดกันโดยคำพิพากษาของศาล โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์อันเป็นส่วนสินสมรส เป็นคดีฟ้องเรียกทรัพย์สิน มีอายุความ 10 ปี ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 164.แม้บิดามารดาจะทำพินัยกรรม์ร่วมกันก็ดี แต่เมื่อบิดาตายก่อน พินัยกรรม์ก็มีผลบังคับฉะเพาะส่วนของบิดาเท่านั้น
เงินผลประโยชน์อันเกิดจากสินสมรสนั้น จำเลยซึ่งถูกฟ้องขอแบ่งจะหักไว้ได้ก็ฉะเพาะค่ารักษาทรัพย์สิน ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกัน ส่วนเงินค่ากินอยู่ของจำเลยและบุตรโจทก์จำเลยนั้นเป็นคนละประเภท จำเลยไม่ได้ฟ้องแย้ง ก็หักให้ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแบ่งสินสมรส, ผลพินัยกรรม, ค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูบุตร และการหักค่าใช้จ่าย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 185 เป็นเรื่องของการขยายเวลาคือถ้าสิทธิเรียกร้องจะขาดอายุความสั้นกว่า 1 ปีก็ให้ขยายออกไป 1 ปี ส่วนที่กฎหมายกำหนดให้มีอายุความฟ้องร้องเกินกว่า 1 ปี ก็ต้องเป็นไปตามบทบัญญัตินั้น จะนำมาตรานี้มาใช้บังคับ โดยย่นเวลาให้สั้นเข้ามานั้นหาได้ไม่
โจทก์จำเลยหย่าขาดกันโดยคำพิพากษาของศาล โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์อันเป็นส่วนสินสมรส เป็นคดีฟ้องเรียกทรัพย์สิน มีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
แม้บิดามารดาจะทำพินัยกรรมร่วมกันก็ดี แต่เมื่อบิดาตายก่อน พินัยกรรมก็มีผลบังคับเฉพาะส่วนของบิดาเท่านั้น
เงินผลประโยชน์อันเกิดจากสินสมรสนั้น จำเลยซึ่งถูกฟ้องขอแบ่งจะหักไว้ได้ก็เฉพาะค่ารักษาทรัพย์สิน ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกัน ส่วนเงินค่ากินอยู่ของจำเลยและบุตรโจทก์จำเลยนั้นเป็นคนละประเภท จำเลยไม่ได้ฟ้องแย้ง ก็หักให้ไม่ได้
โจทก์จำเลยหย่าขาดกันโดยคำพิพากษาของศาล โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์อันเป็นส่วนสินสมรส เป็นคดีฟ้องเรียกทรัพย์สิน มีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
แม้บิดามารดาจะทำพินัยกรรมร่วมกันก็ดี แต่เมื่อบิดาตายก่อน พินัยกรรมก็มีผลบังคับเฉพาะส่วนของบิดาเท่านั้น
เงินผลประโยชน์อันเกิดจากสินสมรสนั้น จำเลยซึ่งถูกฟ้องขอแบ่งจะหักไว้ได้ก็เฉพาะค่ารักษาทรัพย์สิน ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกัน ส่วนเงินค่ากินอยู่ของจำเลยและบุตรโจทก์จำเลยนั้นเป็นคนละประเภท จำเลยไม่ได้ฟ้องแย้ง ก็หักให้ไม่ได้