คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎหมายลักษณะอาญา ม. 304

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 173 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงขายที่ดินโดยหลอกลวง ชดใช้เงินให้ผู้เสียหาย และสิทธิในที่ดิน
จำเลยขายที่ดินให้ผู้เสียหายโดยนำชี้ที่ดินแปลงอื่นว่าเป็นที่ดินตามโฉนดที่ซื้อขายกัน ซึ่งความจริงที่ตามโฉนดมีราคาซื้อขายต่ำกว่าที่นำชี้มาก โจทก์จึงฟ้องหาว่าจำเลยฉ้อโกง และขอให้คืนหรือใช้เงินที่จำเลยรับไปคืนแก่ผู้เสียหาย เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องจำเลยก็ต้องคืนเงินให้ผู้เสียหาย ส่วนที่ดินนั้น จำเลยก็ต้องดำเนินการตามสิทธิของจำเลยต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 668/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยในคดีฉ้อโกงและปลอมแปลงเอกสาร ศาลฎีกาพิจารณาบทลงโทษที่เหมาะสมตามประมวลกฎหมายอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 306 (4) กฎหมายลักษณะอาญา ซึ่งเป็นความผิดฐานฉ้อโกง โดยใช้อุบายพิเศษ แต่ประมวลกฎหมายอาญา ได้ยกเลิกการใช้อุบายพิเศษในลักษณะเช่นนี้แล้ว ศาลจะลงโทษตาม มาตรา 306(4) ไม่ได้ และจะใช้ มาตรา 304 เป็นบทลงโทษก็ไม่ได้ เพราะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มีโทษเบากว่า ต้องใช้มาตรา 341 เป็นบทลงโทษ
หนังสือมอบอำนาจให้จัดการอย่างใดอย่างหนึ่งแทนเจ้าของที่ดินนั้น เป็นเอกสารที่บุคคลธรรมดาทำขึ้น จึงมิใช่เป็นหนังสือราชการหรือหนังสือซึ่งเป็นสำคัญแก่การตั้งกรรมสิทธิ์หรือเป็นหลักฐานแห่งการเปลี่ยนแก้หรือเลิกล้างโอนกรรมสิทธิแต่อย่างใด
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 มีอัตราโทษเบากว่ากฎหมายลักษณะ อาญา มาตรา 223

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 668/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษความผิดฉ้อโกงและปลอมแปลงเอกสาร: เลือกใช้บทลงโทษที่เหมาะสมตามประมวลกฎหมายอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 306(4)กฎหมายลักษณะอาญาซึ่งเป็นความผิดฐานฉ้อโกง โดยใช้อุบายพิเศษ แต่ประมวลกฎหมายอาญา ได้ยกเลิกการใช้อุบายพิเศษในลักษณะเช่นนี้แล้ว ศาลจะลงโทษตาม มาตรา 306(4) ไม่ได้ และจะใช้มาตรา 304 เป็นบทลงโทษก็ไม่ได้ เพราะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มีโทษเบากว่า ต้องใช้มาตรา341 เป็นบทลงโทษ
หนังสือมอบอำนาจให้จัดการอย่างใดอย่างหนึ่งแทนเจ้าของที่ดินนั้น เป็นเอกสารที่บุคคลธรรมดาทำขึ้น จึงมิใช่เป็นหนังสือราชการหรือหนังสือซึ่งเป็นสำคัญแก่การตั้งกรรมสิทธิ์หรือเป็นหลักฐานแห่งการเปลี่ยนแก้หรือเลิกล้างโอนกรรมสิทธิ์แต่อย่างใด
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 มีอัตราโทษเบากว่ากฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 223

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1529/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงเพื่อเอาทรัพย์ การแสดงเจตนาที่ไม่ชัดเจนไม่ถึงขั้นหลอกลวง
ฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่า จำเลยมาพูดหลอกลวงโจทก์โดยเจตนาทุจริตขอเอาหนังสือสัญญาขายฝากไปโดยหลอกลวงว่าจะเอาไปรักษาไว้ให้เพื่อความปลอดภัยในการสูญหาย เมื่อถึงกำหนดไถ่ถอนจะคืนให้และจะมาบอกให้ไปไถ่นั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งตามความใน มาตรา341 แห่งประมวลกฎหมายอาญา เพราะถ้อยคำของจำเลยดังที่โจทก์ระบุมาในฟ้องนั้นเป็นแต่เพียงมีความหมายว่าจะเอาไปเก็บไว้ให้เท่านั้น ถึงแม้จะเป็นความจริงดังโจทก์กล่าวหา ก็เอาผิดแก่จำเลยตามโจทก์ฟ้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1529/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฉ้อโกงต้องแสดงความเท็จหรือปกปิดความจริง การรับสัญญาขายฝากไว้เพื่อเก็บรักษาไม่ถือเป็นเจตนาฉ้อโกง
ฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่า จำเลยมาพูดหลอกลวงโจทก์โดยเจตนาทุจริตขอเอาหนังสือสัญญาขายฝากไปโดยหลอกลวงว่าจะเอาไปรักษาไว้ให้เพื่อความปลอดภัยในการสูญหาย เมื่อถึงกำหนดไถ่ถอนจะคืนให้และจะมาบอกให้ไปไถ่นั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งความตามใน ม.341 แห่งประมวลกฎหมายอาญา เพราะถ้อยคำของจำเลยดังที่โจทก์ระบุมาในฟ้องนั้นเป็นแต่เพียงมีความหมายว่าจะเอาไปเก็บไว้ให้เท่านั้น ถึงแม้จะเป็นความจริงดังโจทก์กล่าวหา ก็เอาผิดแก่จำเลยตามฟ้องไม่ได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341-1342/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจร้องทุกข์ในคดีฉ้อโกง: การมอบทรัพย์ตามคำหลอกลวงไม่ใช่ความผิดทางอาญา
การส่งมอบทรัพย์ให้ไปตามคำหลอกลวงของจำเลยที่ว่าจะช่วยให้เข้ารับราชการนั้น ไม่ใช่การกระทำอันมีความประสงค์ผิดกฎหมาย ผู้ส่งทรัพย์จึงเป็นผู้เสียหายที่จะร้องทุกข์ เพื่อให้อัยการฟ้องจำเลยฐานฉ้อโกงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341-1342/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจร้องทุกข์ในคดีฉ้อโกง: การมอบทรัพย์ตามคำหลอกลวงไม่เป็นความผิด
การส่งมอบทรัพย์ให้ไปตามคำหลอกลวงของจำเลยที่ว่าจะช่วยให้เข้ารับราชการนั้น ไม่ใช่การกระทำอันมีความประสงค์ผิดกฎหมาย ผู้ส่งทรัพย์จึงเป็นผู้เสียหายที่จะร้องทุกข์ เพื่อให้อัยการฟ้องจำเลยฐานฉ้อโกงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 278-279/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกง, ปลอมหนังสือ, การรวมกระทงโทษ และการบังคับคดีนอกฟ้อง: ข้อพิพาทเรื่องการหลอกลวงทางการค้าและการกำหนดโทษ
การรวมกระทงลงโทษ เมื่อรวมโทษทุกกระทงเข้าด้วยกันแล้วจะลงโทษเกินกว่าอัตราขั้นสูงได้
การที่จำเลยเขียนชื่อและประทับตราชื่อห้างร้านที่ไม่มีตัวจริงแต่เป็นห้างร้านที่สมมุตขึ้นและใช้ชื่อและประทับตราที่สมมุตขึ้นในการออกเช็คสั่งจ่ายหรือสลักหลังเช็คที่ไม่มีห้างร้านตัวจริง เป็นผิดฐานปลอมหนังสือทั้งฉบับ
เช็คเป็นใบสั่งให้จ่ายเงินตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา225(4)และ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา266(4) โดยอยู่ในลักษณะ 21ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
คำร้องขอแก้ฟ้องที่ศาลไม่ได้สอบถามคู่ความและมีคำสั่งอย่างไรนั้น ไม่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องแม้ศาลจะได้ส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายก็ตาม และศาลย่อมชี้ขาดคดีนอกฟ้องตามคำร้องที่ไม่ได้สอบถามและมีคำสั่งประการใดนี้ ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1357/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องฉ้อโกงที่ไม่จำเป็นต้องระบุเวลาทำผิด หากข้อเท็จจริงแสดงให้เห็นช่วงเวลาของการกระทำได้ชัดเจน
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานฉ้อโกงโดยกล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2496 จำเลยเอาที่ดินซึ่งอ้างว่าเป็นของจำเลยมาประกันเงินกู้โจทก์หลงเชื่อจึงให้จำเลยกู้เงินไปและจำเลยได้เขียนระบุที่ดินนั้นไว้ในสัญญากู้ด้วย ความจริงปรากฎต่อมาว่าที่ดินนั้นเป็นของผู้อื่น
สำหรับกรณีเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องระบุว่าเกิดเหตุเวลากลางวันหรือกลางคืน เพราะกิจการที่กล่าวอ้างในฟ้องเป็นเครื่องแสดงให้บังเกิดความหมายและเข้าใจได้แล้วซึ่งจำเลยเองก็มิได้ปฏิเสธความข้อนี้ และจำเลยยอมรับว่าได้ทำสัญญากู้ให้โจทก์ไว้จริงซึ่งหมายความทำกันในวันนั้น หากแต่โต้เถียงว่ามิได้หลอกลวงซึ่งเป็นข้อเท็จจริงส่วนหนึ่งจะเรียกว่าโจทก์ฟ้องเคลือบคลุม(เพราะไม่มีเวลาเกิดเหตุ) ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1357/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องอาญาฐานฉ้อโกง: ความครบถ้วนของฟ้องและการระบุเวลาที่กระทำผิด
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานฉ้อโกงโดยกล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2496 จำเลยเอาที่ดินซึ่งอ้างว่าเป็นของจำเลยมาประกันเงินกู้ โจทก์หลงเชื่อจึงให้จำเลยกู้เงินไป และจำเลยได้เขียนระบุที่ดินนั้นไว้ในสัญญากู้ด้วย ความจริงปรากฏต่อมาว่าที่ดินนั้นเป็นของผู้อื่น
สำหรับกรณีเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องระบุว่าเกิดเหตุเวลากลางวันหรือกลางคืน เพราะกิจการที่กล่าวอ้างในฟ้องเป็นเครื่องแสดงให้บังเกิดความหมายและเข้าใจได้แล้วซึ่งจำเลยเองก็มิได้ปฏิเสธความข้อนี้ และจำเลยยอมรับว่าได้ทำสัญญากู้ให้โจทก์ไว้จริงซึ่งหมายความทำกันในวันนั้น หากแต่โต้เถียงว่ามิได้หลอกลวงซึ่งเป็นข้อเท็จจริงส่วนหนึ่งจะเรียกว่าโจทก์ฟ้องเคลือบคลุม (เพราะไม่มีเวลาเกิดเหตุ)ไม่ได้
of 18