พบผลลัพธ์ทั้งหมด 491 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4451/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องแจ้งเปลี่ยนเจตนาการยึดถือ หากไม่แจ้งสิทธิครอบครองเดิมยังคงอยู่
เดิมจำเลยถูก ม. ฟ้องเป็นคดีแพ่งและยึดที่ดินมีหลักฐานน.ส.3 ของจำเลยออกขายทอดตลาด และ ม. เป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินทั้งแปลงรวมทั้งที่ดินพิพาทได้จากการขายทอดตลาด จำเลยซึ่งอยู่อาศัยในที่ดินดังกล่าวมาก่อนย่อมทราบดีว่า ม. ได้สิทธิครอบครองในที่ดินแล้ว การที่จำเลยอยู่อาศัยในที่ดินดังกล่าวต่อมาจึงเป็นการยึดถือที่ดินไว้แทน ม. เท่านั้น หาใช่ยึดถือเพื่อตนเองไม่หากจำเลยจะยึดถือเพื่อตนอย่างเป็นเจ้าของ ก็ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 คือบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะการยึดถือไปยัง ม. จำเลยจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ตาม มาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4451/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดถือครอบครองที่ดินหลังการซื้อขายทอดตลาด: การเปลี่ยนแปลงลักษณะการยึดถือเพื่อเป็นเจ้าของ
เดิมจำเลยถูก ม.ฟ้องเป็นคดีแพ่งและยึดที่ดินมีหลักฐาน น.ส.3ของจำเลยออกขายทอดตลาด และ ม.เป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินทั้งแปลงรวมทั้งที่ดินพิพาทได้จากการขายทอดตลาด จำเลยซึ่งอยู่อาศัยในที่ดินดังกล่าวมาก่อนย่อมทราบดีว่าม.ได้สิทธิครอบครองในที่ดินแล้ว การที่จำเลยอยู่อาศัยในที่ดินดังกล่าวต่อมาจึงเป็นการยึดถือที่ดินไว้แทน ม.เท่านั้น หาใช่ยึดถือเพื่อตนเองไม่ หากจำเลยจะยึดถือเพื่อตนอย่างเป็นเจ้าของ ก็ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1381 คือบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะการยึดถือไปยัง ม. จำเลยจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ตาม มาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4270/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดประเด็นผิดพลาดในคดีครอบครองที่ดิน ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท จำเลยเข้ามาปลูกบ้านอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิเจ้าของเดิม จำเลยให้การต่อสู้ว่า ที่ดินพิพาทไม่ใช่ของโจทก์แต่เป็นของจำเลย คดีจึงมีประเด็นที่โต้เถียงกันแต่เพียงว่าที่ดินพิพาทเป็นของฝ่ายใดเท่านั้น ไม่มีประเด็นเกี่ยวกับการครอบครองปรปักษ์เพราะการครอบครองปรปักษ์จะเกิดมีขึ้นได้ก็แต่ในที่ดินของผู้อื่นเท่านั้น ที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยได้ครอบครองที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้วหรือไม่ เป็นการกำหนดประเด็นไม่ถูกต้องตามคำฟ้องและคำให้การ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 และมาตรา 183 เป็นปัญหาเกี่ยวด้วย ความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาคดีไปตามประเด็นที่ถูกต้องได้ โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4119/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินจากผู้ไม่มีสิทธิและการครอบครองแทนเจ้าของเดิม สิทธิการครอบครองไม่เกิดขึ้น
ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย จำเลยมิได้ยินยอมหรือรู้เห็นให้มารดาจำเลยขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ การที่โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทจากมารดาจำเลยผู้ไม่มีสิทธิย่อมไม่ก่อให้เกิดสิทธิใด ๆ แก่โจทก์แม้โจทก์เข้าครอบครองที่ดินดังกล่าวตั้งแต่วันทำสัญญาซื้อขายก็ต้องถือว่าเป็นการครอบครองแทนจำเลย แม้ฟังว่าจำเลยทราบเรื่องหลังวันทำสัญญาประมาณ 3 เดือนจึงไปขอไถ่ที่ดินพิพาทคืนจากโจทก์โจทก์ยอมให้ไถ่โดยมีข้อตกลงว่าหากจำเลยมีเงินเมื่อใดก็นำไปไถ่ได้นั้น ถือได้ว่าเป็นเพียงการที่จำเลยยินยอมให้โจทก์ครอบครองแทนต่อไปเท่านั้น และเนื่องจากโจทก์มิได้เข้าครอบครองที่ดินนั้นโดยการแย่งการครอบครอง แม้โจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทตลอดมาจนปัจจุบันก็มิได้สิทธิครอบครอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4119/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินจากผู้ไม่มีสิทธิและสิทธิการครอบครอง
ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย จำเลยมิได้ยินยอมหรือรู้เห็นให้มารดาจำเลยขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ การที่โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทจากมารดาจำเลยผู้ไม่มีสิทธิย่อมไม่ก่อให้เกิดสิทธิใด ๆ แก่โจทก์ แม้โจทก์เข้าครอบครองที่ดินดังกล่าวตั้งแต่วันทำสัญญาซื้อขาย ก็ต้องถือว่าเป็นการครอบครองแทนจำเลย แม้ฟังว่าจำเลยทราบเรื่องหลังวันทำสัญญาประมาณ 3 เดือนจึงไปขอไถ่ที่ดินพิพาทคืนจากโจทก์ โจทก์ยอมให้ไถ่โดยมีข้อตกลงว่าหากจำเลยมีเงินเมื่อใดก็นำไปไถ่ได้นั้น ถือได้ว่าเป็นเพียงการที่จำเลยยินยอมให้โจทก์ครอบครองแทนต่อไปเท่านั้น และเนื่องจากโจทก์มิได้เข้าครอบ-ครองที่ดินนั้นโดยการแย่งการครอบครอง แม้โจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทตลอดมาจนปัจจุบันก็มิได้สิทธิครอบครอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3741/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องมีเจตนาเป็นเจ้าของ และระยะเวลาต่อเนื่อง 10 ปี
การที่ผู้ร้องกับพวกเข้าไปปลูกบ้านอยู่อาศัยและครอบครองที่ดินพิพาทโดยได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่ดินพิพาท ถือไม่ได้ว่าเป็นการครอบครองโดยมีเจตนาจะเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท แม้ผู้ร้องทั้งสองจะอ้างว่า ได้โต้แย้งคัดค้านที่ผู้คัดค้านนำเจ้าพนักงานที่ดินมารังวัดชี้เขตเข้ามาในที่ดินพิพาทเมื่อปี 2529 อันอาจถือได้ว่าผู้ร้องทั้งสองได้บอกกล่าวให้ผู้คัดค้านทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินทราบว่า ผู้ร้องทั้งสองไม่เจตนาที่จะยึดถือที่ดินพิพาทแทนผู้คัดค้านทั้งสามแล้ว แต่เมื่อนับจากวันดังกล่าวถึงวันยื่นคำร้องคดีนี้ยังไม่ครบกำหนด 10 ปี ผู้ร้องทั้งสองจึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2798/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: การครอบครองแทน vs. ครอบครองเพื่อตนเอง และการกำหนดค่าทนายความ
บิดาจำเลยให้โจทก์อาศัยอยู่บนที่ดินพิพาทโดยไม่มีเจตนายกให้แม้โจทก์ได้แจ้งการครอบครองที่ดินพิพาทไว้ตามใบรับแจ้งความประสงค์จะได้สิทธิในที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดินก็ตาม เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้แจ้งให้บิดาจำเลยทราบ จึงยังไม่ถือว่าโจทก์ได้แสดงเจตนาเปลี่ยนการครอบครองจากผู้อาศัยมาเป็นครอบครองเพื่อตน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินดังกล่าว คดีนี้เป็นคดีที่พิพาทกันเกี่ยวกับสิทธิครอบครองที่ดินจึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ แต่ศาลชั้นต้นกำหนดค่าทนายความเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ตามตาราง 6 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแม้โจทก์จะไม่ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกาย่อมกำหนดใหม่ให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2726/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนเจตนาการยึดถือครองที่ดินจากแทนโจทก์เป็นแย่งการครอบครอง ทำให้สิทธิในการครอบครองเดิมขาดอายุ
แม้เดิมจำเลยจะยึดถือที่พิพาทไว้เพื่อทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้อันเป็นการยึดถือไว้แทนโจทก์ แต่เมื่อโจทก์ขอไถ่ถอนที่ดินพิพาทคืน จำเลยไม่ยอมให้โจทก์ไถ่ถอนคืน กรณีจึงเป็นการที่จำเลยยึดถือที่ดินพิพาทอยู่ในฐานะผู้แทนผู้ครอบครองคือโจทก์ แล้วจำเลยเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือ โดยบอกกล่าวไปยังโจทก์ว่าไม่เจตนาจะยึดถือที่ดินพิพาทแทนโจทก์ต่อไป เป็นการแสดงเจตนาแย่งการครอบครองจากโจทก์ตลอดมา โจทก์มิได้ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง ย่อมหมดสิทธิจะเอาคืนซึ่งการครองครองที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2726/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแย่งการครอบครองที่ดินหลังจากการยึดถือแทนโจทก์ สิทธิในการฟ้องเรียกคืนครอบครองขาดอายุความ
แม้เดิมจำเลยจะยึดถือที่พิพาทไว้เพื่อทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้อันเป็นการยึดถือไว้แทนโจทก์ แต่เมื่อโจทก์ขอไถ่ถอนที่ดินพิพาทคืนจำเลยไม่ยอมให้โจทก์ไถ่ถอนคืน กรณีจึงเป็นการที่จำเลยยึดถือที่ดินพิพาทอยู่ในฐานะผู้แทนผู้ครอบครองคือโจทก์ แล้วจำเลยเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือ โดยบอกกล่าวไปยังโจทก์ว่าไม่เจตนาจะยึดถือที่ดินพิพาทแทนโจทก์ต่อไป เป็นการแสดงเจตนาแย่งการครอบครองจากโจทก์ตลอดมา โจทก์มิได้ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง ย่อมหมดสิทธิจะเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2476/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแย่งการครอบครองและการฟ้องแย้งเพื่อเอาคืนสิทธิ การฟ้องภายในกำหนดอายุความ
จำเลยอาศัยอยู่ในบ้านและที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดิน น.ส.3ก่อนที่โจทก์จะรับซื้อฝาก จาก ส.เมื่อส. ไม่ไถ่ถอนภายในกำหนดโจทก์จึงได้ซึ่งสิทธิครอบครองบ้านและที่ดินพิพาท การที่จำเลยยังคงอาศัยอยู่ในบ้านและที่ดินพิพาทจึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์ การที่จำเลยฟ้องโจทก์เป็นจำเลยที่ 2 ต่อศาลชั้นต้นขอให้เพิกถอนนิติกรรมการขายฝากระหว่าง ส.กับโจทก์ ถือได้ว่าจำเลยได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือบ้านและที่ดินพิพาทโดยบอกกล่าวแสดงเจตนาไปยังโจทก์ว่าจะไม่ยึดถือบ้านและที่ดินพิพาทแทนโจทก์ต่อไปอันเป็นการแย่งการครอบครองบ้านและที่ดินพิพาทจากโจทก์แล้วในคดีดังกล่าวนั้นโจทก์ในฐานะจำเลยได้ยื่นคำให้การและฟ้องแย้งขอให้ขับไล่จำเลย แม้ต่อมาศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีของจำเลยซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนั้น ซึ่งเป็นผลทำให้ฟ้องแย้งของโจทก์ซึ่งมีฐานะเป็นจำเลยจะตกไปด้วยผลของกฎหมายก็ตาม แต่จะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องแย้งด้วยหาได้ไม่ คำสั่งดังกล่าวย่อมไม่ลบล้างผลแห่งการยื่นคำฟ้องแย้งของโจทก์ในคดีก่อน และในคดีดังกล่าวโจทก์และจำเลยต่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยมีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2531 การที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยใหม่เป็นคดีนี้ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2531 จึงเป็นกรณีสืบเนื่องมาจากฟ้องแย้งเดิมซึ่งโจทก์ได้ใช้สิทธิฟ้องเพื่อเอาคืน ซึ่งการครอบครองภายในกำหนดหนึ่งปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองแล้ว โจทก์จึงไม่ขาดสิทธิฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375