พบผลลัพธ์ทั้งหมด 491 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3416/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ แม้ไม่มีสัญญาซื้อขายที่สมบูรณ์
เจ้าของเดิมทำสัญญาจะขายที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องและสามีโดยลงลายมือชื่อเป็นผู้จะขายและผู้เขียนสัญญาฝ่ายเดียว ส่วนผู้ร้องกับสามีไม่ได้ลงลายมือชื่อเป็นคู่สัญญาด้วย สัญญาดังกล่าวจึงเป็นเพียงคำมั่นของเจ้าของเดิมว่าจะขายที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องและสามีเท่านั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ร้องและสามีได้บอกกล่าวความจำนงว่าจะทำการซื้อขายนั้นให้สำเร็จต่อไปและคำบอกกล่าวเช่นนั้นได้ไปถึงเจ้าของเดิมแล้ว คำมั่นของเจ้าของเดิมดังกล่าวจึงยังไม่มีผลเป็นการซื้อขายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 454 วรรคแรกและจะฟังว่าเป็นสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างเจ้าของเดิมกับผู้ร้องและสามีก็ไม่ได้ การครอบครองที่ดินพิพาทของผู้ร้อง จึงมิได้เป็นการยึดถือครอบครองแทนเจ้าของเดิมโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาท ผู้ร้องหาจำต้องเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือครอบครองด้วยการบอกกล่าวไปยังเจ้าของเดิมหรือผู้คัดค้านซึ่งเป็นทายาทผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทจากเจ้าของเดิมเพื่อแสดงว่าผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาทเพื่อตนเองไม่ เมื่อผู้ร้องกับสามีได้ยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันนานกว่า 10 ปีแล้ว ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3416/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ แม้มีสัญญาจะซื้อขายที่ไม่สมบูรณ์
แม้ผู้ร้องจะอ้างว่า ต. ได้ทำสัญญาเรื่องจะขายที่ดินพิพาทไว้ให้แก่ผู้ร้องและสามีตามเอกสารหมาย ร.1 ก็ตาม แต่เอกสารดังกล่าวคงมีแต่ ต. ลงลายมือชื่อเป็นผู้จะขายและผู้เขียนสัญญาฝ่ายเดียว ส่วนผู้ร้องและสามีผู้ร้องกลับไม่ได้ลงลายมือชื่อเป็นคู่สัญญาดังกล่าวนั้นด้วย สัญญาดังกล่าวจึงรับฟังได้แต่เพียงว่าเป็นคำมั่นของ ต. ว่าจะขายที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องและสามีเท่านั้น เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่า ผู้ร้องและสามีได้บอกกล่าวความจำนงว่าจะทำการซื้อขายนั้นให้สำเร็จต่อไป และคำบอกกล่าวเช่นนั้นได้ไปถึง ต.แล้วคำมั่นของต. ดังกล่าวจึงยังไม่มีผลเป็นการซื้อขายตาม ป.พ.พ. มาตรา 454 วรรคแรก ดังนั้น จะฟังว่าสัญญาเรื่องจะขายที่ดินเป็นหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างต. กับผู้ร้องและสามีไม่ได้ การที่ผู้ร้องและสามีเข้าไปยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทของ ต. จึงมิได้เป็นการยึดถือครอบครองแทน ต. โดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเรื่องจะขายที่ดินตามเอกสาร กรณีของผู้ร้องและสามีจึงหาจำต้องบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยัง ต.หรือทายาทของต. ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1381 ไม่ เมื่อผู้ร้องและสามียึดถือครอบครองที่ดินของต. ไว้โดยสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทตาม ป.พ.พ.มาตรา 1382.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2905/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนขายที่ดินทำให้สิทธิความเป็นเจ้าของสิ้นสุด การครอบครองหลังการขายเป็นเพียงการครอบครองแทน หากต้องการเปลี่ยนเป็นครอบครองเพื่อตนเอง ต้องแจ้งเจ้าของ
การที่ผู้ร้องโอนขายที่ดินให้ ว. เป็นการสละกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท ทำให้ ว.เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท แม้ผู้ร้องจะยังอาศัยหรือให้ผู้อื่นอยู่อาศัยในที่ดินพิพาทต่อไป ก็เป็นเพียงอาศัยสิทธิของ ว. การครอบครองของผู้ร้องหลังจากขายที่ดินพิพาทเป็นการครอบครองแทน ว.เมื่อ ว.โอนที่ดินพิพาทให้ผู้อื่นถือว่าผู้ร้องยังครอบครองแทนเจ้าของผู้มีกรรมสิทธิ์ ถ้าผู้ร้องจะเปลี่ยนลักษณะการครอบครองมาเป็นของผู้ร้อง ต้องบอกกล่าวไปยังเจ้าของที่ดินว่าไม่ครอบครองแทน แต่ผู้ร้องมิได้กระทำเช่นนั้น ทั้งผู้ร้องมิได้อาศัยอำนาจอื่นใดว่าครอบครองเพื่อผู้ร้องเอง ผู้ร้องจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2792/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนลักษณะการยึดถือครอบครองที่ดินจากแทนกันเป็นเพื่อตน ต้องบอกกล่าวภายใน 1 ปี มิฉะนั้นสิทธิเรียกคืนจะเกิดขึ้น
จำเลยซึ่งเป็นทายาทคนหนึ่งของผู้ตายได้ยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทแทนโจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นทายาทผู้ตายเช่นกัน หากจำเลยจะยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทเพื่อตน จำเลยจะต้องบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือมาเป็นการยึดถือครอบครองเพื่อตนไปยังโจทก์ทั้งสามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 ก่อนจำเลยได้ยื่นคำคัดค้านการขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ทั้งสามต่อเจ้าพนักงานที่ดินเมื่อเดือนสิงหาคม 2522 แต่โจทก์ทั้งสามไม่ทราบถึงการยื่นคำคัดค้านดังกล่าว ต่อมาเดือนพฤษภาคม 2529 เจ้าหน้าที่ที่ดินได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทั้งสามไปรับ น.ส.3 ก. โจทก์ทั้งสามไปรับแต่จำเลยไปคัดค้านไม่ยอมให้รับอ้างว่าที่ดินเป็นของจำเลยถือได้ว่าเดือนพฤษภาคม 2529 จำเลยได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือมาเป็นการยึดถือครอบครองเพื่อตน ซึ่งนับถึงวันที่ฟ้องคดีนี้ยังไม่พ้นกำหนด 1 ปี โจทก์ทั้งสามจึงมีสิทธิฟ้องเรียกเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินพิพาทจากจำเลยได้ ตามมาตรา 1375 จะนำอายุความตามมาตรา 1754 มาใช้บังคับไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2552/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดิน การเปลี่ยนแปลงลักษณะการยึดถือ และอายุความครอบครอง
ประเด็นที่ว่าจำเลยได้มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการยึดถือที่พิพาทตาม ป.พ.พ. มาตรา 1381 หรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นที่เกี่ยวพันหรือรวมอยู่ในประเด็นข้อพิพาทที่ว่า โจทก์หรือจำเลยที่ 1มีสิทธิครอบครองที่พิพาท เมื่อจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ ศาลไม่อาจหยิบยกประเด็นเรื่องเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการยึดถือขึ้นมาวินิจฉัยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2551/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์หลังการยกให้และซื้อขายที่ดินโดยไม่จดทะเบียน
เดิมโจทก์ทั้งสองอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของนายย.นางว.ต่อมานายย.ตาย เมื่อโจทก์ทั้งสองได้รับยกให้และซื้อที่ดินพิพาทจากนางว.โดยนางว.ทำการส่งมอบการครอบครองด้วยการแสดงเจตนา โจทก์ทั้งสองไม่ต้องบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังนางว.การครอบครองของนางว.จึงเป็นอันสิ้นสุดลง โจทก์ทั้งสองไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้ยึดถือแทนนางว.อีกต่อไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 1379 และ 1381 เมื่อโจทก์ทั้งสองครอบครองที่ดินต่อมาโดยการทำสวน ทำนา โดยสงบ โดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยจำเลยก็รู้ว่าโจทก์ทั้งสองครอบครองที่ดิน จำเลยไม่เคยเข้าไปเก็บมรรคผล เห็นได้ว่าจำเลยยอมรับสิทธิของโจทก์ทั้งสองที่จำเลยไปจดทะเบียนซื้อที่ดินจากนางว. จึงเป็นการกระทำโดยไม่สุจริต โจทก์ทั้งสองย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตามป.พ.พ. มาตรา 1382.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1806/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์: การครอบครองแทนโจทก์และการแสดงเจตนา
บิดาโจทก์ยกที่พิพาทให้โจทก์ก่อนที่บิดาโจทก์จะสมรสกับจำเลยการที่จำเลยและบิดาโจทก์อยู่ในที่พิพาทต่อมาโดยจำเลยรู้แล้วว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ดังนี้ การครอบครองที่พิพาทของจำเลยจึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์ เมื่อไม่ปรากฏว่า จำเลยได้แสดงเจตนาต่อโจทก์ว่า ไม่ประสงค์จะครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์ต่อแล้วอันเป็นการเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1381ย่อมถือว่าจำเลยยังครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์อยู่เช่นเดิมแม้จำเลยจะครอบครองที่พิพาทติดต่อกันมาเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้วจำเลยก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทในฐานะครอบครองปรปักษ์ตาม มาตรา1382.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1297/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องแสดงเจตนาเป็นเจ้าของ การขอออก น.ส.3 ไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครอง
เมื่อปรากฏว่าจำเลยยังอยู่ในที่ดินพิพาทในฐานะผู้อาศัยสิทธิของผู้เช่า โดยไม่มีการเปลี่ยนเจตนายึดถือการครอบครองต่อผู้ให้เช่าว่าจำเลยจะครอบครองที่ดินพิพาทในนามของตนเองอย่างเป็นเจ้าของตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 การที่จำเลยเพียงดำเนินการขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จึงไม่ทำให้จำเลยได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาท กรณีไม่เป็นการแย่งการครอบครองไม่ว่าจำเลยจะอยู่ในที่ดินพิพาทต่อมาอีกนานเท่าใด จำเลยจึงไม่ใช่ผู้ครอบครองที่ดินพิพาทอย่างเป็นเจ้าของ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์ที่ดินจากการครอบครองปรปักษ์หลังเปลี่ยนลักษณะการครอบครองจากตัวแทนทายาทเป็นเจ้าของ
เดิมที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของนาง จ. นาง จ. มีบุตร3 คน คือนายวัน นายเวียนและนายวาย นางจ. นายวันและนายวาน ถึงแก่กรรมไปแล้วโดยนาง จ. ถึงแก่กรรมไปก่อน หลังจากนาง จ. ถึงแก่กรรมนายเวียนครอบครองที่ดินพิพาทตลอดมาจนปี 2504 จึงยกที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้อง การที่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นบุตรของนายวันและนายวานได้ไปขอนายเวียนทำนาในที่ดินพิพาทก่อนเกิดข้อพิพาทประมาณ 20 ปี แต่นายเวียนไม่ยินยอมอ้างว่า นาง จ. ยกให้แล้วถือได้ว่านายเวียนได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นมรดกของนาง จ. ในฐานะครอบครองแทนทายาทอื่นมาเป็นการครอบครองเพื่อตนเองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1381 เมื่อนายเวียนยกที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ร้อง และผู้ร้องครอบครองที่ดินดังกล่าวโดยความสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเกินกว่า 10 ปีแล้ว ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของรวมมีสิทธิแบ่งทรัพย์สินร่วม แม้มีวัตถุประสงค์ให้ครอบครองร่วมกัน และการครอบครองปรปักษ์ต้องมีการบอกกล่าว
เจ้าของที่ดินยกที่ดินให้แก่บุตรทั้งหกถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันโดยไม่มีวัตถุประสงค์จะให้เป็นเจ้าของรวมกันมีลักษณะเป็นการถาวรอันจะแบ่งแยกกันไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1363 วรรคแรก โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของเจ้าของรวมคนหนึ่งจึงมีสิทธิฟ้องขอให้แบ่งกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินแปลงพิพาทได้ ที่ดินพิพาทใส่ชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมทุกคนไว้โดยไม่ได้มีการตกลงแบ่งแยกกันเป็นสัดส่วนในระหว่างเจ้าของรวม การถือครองที่ดินของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าของรวมเป็นการครอบครองแทนเจ้าของรวมคนอื่นที่มิได้อยู่อาศัยในที่ดินพิพาทจำเลยที่ 1 จะอ้างการครอบครองปรปักษ์ไม่ได้จนกว่าจะได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1381 เสียก่อน เมื่อไม่ได้แสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือแก่เจ้าของรวมคนอื่นว่าจะยึดถือครอบครองเป็นของตนจำเลยที่ 1 ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่ครอบครอง โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสี่แบ่งส่วนกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทให้โจทก์ ปัญหามีเพียงว่า โจทก์มีสิทธิเรียกให้แบ่งส่วนของตนได้หรือไม่ ข้อที่ว่าจำเลยที่ 1 ครอบครองบ้านและโรงรถอยู่จะได้ภารจำยอมในที่ดินพิพาทส่วนที่ปลูกสร้างนั้นหรือไม่ ไม่เป็นประเด็นพิพาทในคดี เพราะว่าภารจำยอมไม่ถูกกระทบกระเทือนจากการแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1393,1394