พบผลลัพธ์ทั้งหมด 491 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รวมและการฟ้องแบ่งแยกที่ดิน คำพิพากษาศาลฎีกาผูกพันคู่ความ การอ้างอายุความตัดสิทธิไม่สำเร็จ
โจทก์จำเลยเคยพิพาทกันมาก่อนเกี่ยวกับที่ดินพิพาท และคดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเดิมเป็นของบิดามารดาของโจทก์จำเลย เมื่อบิดาถึงแก่กรรมโจทก์และจำเลยได้รับโอนมรดกเป็นเจ้าของร่วมกัน คำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวจึงผูกพันโจทก์จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงแห่งคดีไม่ปรากฏว่าหลังจากที่ศาลฎีกาพิพากษาคดีนั้นแล้ว จำเลยได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังโจทก์ว่าจำเลยจะยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทในฐานะเจ้าของแต่ผู้เดียวต่อไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1381 จำเลยก็จะอ้างระยะเวลาหนึ่งปีมาเป็นข้อตัดสิทธิฟ้องร้องเรียกคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 ของโจทก์หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รวมและการฟ้องแบ่งแยกที่ดิน แม้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วก็ยังมีสิทธิฟ้องได้หากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะการยึดถือ
โจทก์จำเลยเคยพิพาทกันมาก่อนเกี่ยวกับที่ดินพิพาท และคดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเดิมเป็นของบิดามารดาของโจทก์จำเลย เมื่อบิดาถึงแก่กรรมโจทก์และจำเลยได้รับโอนมรดกเป็นเจ้าของร่วมกัน คำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวจึงผูกพันโจทก์จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงแห่งคดีไม่ปรากฏว่าหลังจากที่ศาลฎีกาพิพากษาคดีนั้นแล้ว จำเลยได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังโจทก์ว่าจำเลยจะยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทในฐานะเจ้าของแต่ผู้เดียวต่อไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1381 จำเลยก็จะอ้างระยะเวลาหนึ่งปีมาเป็นข้อตัดสิทธิฟ้องร้องเรียกคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375ของโจทก์หาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5087/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองแทนและการบอกกล่าวเปลี่ยนแปลงลักษณะการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381
น. สามีจำเลยครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์ผู้เป็นเจ้าของเมื่อ น.ตายจำเลยครอบครองต่อมาถือว่าเป็นการครอบครองแทนโจทก์ การที่ น. ไปแจ้งขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 ฉะนั้นแม้ น.และจำเลยจะทำประโยชน์ในที่พิพาทมาช้านานเพียงไรก็ไม่ได้สิทธิครอบครอง โจทก์เรียกร้องให้คืนที่พิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4548/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: การครอบครองแทนทายาทผู้เยาว์ ไม่ถือเป็นการครอบครองเพื่อตนเอง
ผู้ร้องทั้งสี่และ ส. เป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนดโดยได้ครอบครองร่วมกันตลอดมา ส. มีบุตร 2 คน เมื่อ ส. ตายผู้ร้องที่ 1 ได้เลี้ยงดูบุตรทั้งสองของ ส. โดยอยู่ในความรู้เห็นของผู้ร้องที่ 2 ถึงที่ 4 จึงถือได้ว่าผู้ร้องทั้งสี่ครอบครองที่ดินส่วนของ ส. ไว้แทนบุตรทั้งสองของ ส. เมื่อบุตร 2 คน ของ ส. หนีออกจากบ้านไปไม่ปรากฏว่าผู้ร้องทั้งสี่ได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองเป็นครอบครองเพื่อตน ดังนั้น แม้ผู้ร้องทั้งสี่จะครอบครองที่ดินดังกล่าวเป็นเวลาถึง 10 ปี ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4548/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: ผู้ครอบครองต้องเปลี่ยนลักษณะการครอบครองเป็นเพื่อตน จึงจะเกิดกรรมสิทธิ์
ผู้ร้องทั้งสี่และ ส. เป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนดโดยได้ครอบครองร่วมกันตลอดมา ส. มีบุตร2คนเมื่อ ส. ตายผู้ร้องที่ 1 ได้เลี้ยงดูบุตรทั้งสองของ ส. โดยอยู่ในความรู้เห็นของผู้ร้องที่ 2 ถึงที่ 4 จึงถือได้ว่าผู้ร้องทั้งสี่ครอบครองที่ดินส่วนของ ส. ไว้แทนบุตรทั้งสองของ ส. เมื่อบุตร2คนของ ส.หนีออกจากบ้านไปไม่ปรากฏว่าผู้ร้องทั้งสี่ได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองเป็นครอบครองเพื่อตน ดังนั้น แม้ผู้ร้องทั้งสี่จะครอบครองที่ดินดังกล่าวเป็นเวลาถึง 10 ปี ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4548/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: แม้ครอบครองนานกว่า 10 ปี แต่ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ หากมิได้เปลี่ยนลักษณะการครอบครอง
ผู้ร้องทั้งสี่และ ส. เป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนดโดยได้ครอบครองร่วมกันตลอดมา ส.มีบุตร2คนเมื่อส.ตาย ผู้ร้องที่ 1 ได้เลี้ยงดูบุตรทั้งสองของ ส. โดยอยู่ในความรู้เห็นของผู้ร้องที่ 2 ถึงที่ 4 จึงถือได้ว่าผู้ร้องทั้งสี่ครอบครองที่ดินส่วนของ ส.ไว้แทนบุตรทั้งสองของส. เมื่อบุตร 2 คนของส. หนีออกจากบ้านไป ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องทั้งสี่ได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองเป็นครอบครองเพื่อตน ดังนั้น แม้ผู้ร้องทั้งสี่จะครอบครองที่ดินดังกล่าวเป็นเวลาถึง 10 ปี ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4041/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดิน: การเปลี่ยนแปลงลักษณะการครอบครองจากแทนผู้อื่นเป็นการครอบครองเพื่อตนเอง
การที่จำเลยอาศัยที่ดินพิพาทของโจทก์อยู่ หากต่อมาประสงค์จะแย่งการครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยต้องแจ้งให้แก่โจทก์ผู้ครอบครองทราบ เพื่อเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองว่าต่อไปจะครอบครองเพื่อตนเอง เมื่อจำเลยมิได้กระทำอย่างใดให้เห็นว่าเป็นการแย่งการครอบครองที่ดินพิพาท การครอบครองที่ดินพิพาทของจำเลยจึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4041/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: การแจ้งเปลี่ยนลักษณะการครอบครองเป็นสำคัญ หากไม่แจ้งถือเป็นการครอบครองแทน
การที่จำเลยอาศัยที่ดินพิพาทของโจทก์อยู่ หากต่อมาประสงค์จะแย่งการครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยต้องแจ้งให้แก่โจทก์ผู้ครอบครองทราบ เพื่อเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองว่าต่อไปจะครอบครองเพื่อตนเอง เมื่อจำเลยมิได้กระทำอย่างใดให้เห็นว่าเป็นการแย่งการครอบครองที่ดินพิพาท การครอบครองที่ดินพิพาทของจำเลยจึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4041/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินโดยอาศัยอยู่เดิม หากต้องการแย่งครอบครองต้องแจ้งให้ทราบ การไม่แจ้งถือเป็นการครอบครองแทน
การที่จำเลยอาศัยที่ดินพิพาทของโจทก์อยู่ หากต่อมาประสงค์จะแย่งการครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยต้องแจ้งให้แก่โจทก์ผู้ครอบครองทราบ เพื่อเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองว่าต่อไปจะครอบครองเพื่อตนเอง เมื่อจำเลยมิได้กระทำอย่างใดให้เห็นว่าเป็นการแย่งการครอบครองที่ดินพิพาท การครอบครองที่ดินพิพาทของจำเลยจึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3677/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดถือแทนและการครอบครองที่ดินพิพาทในเขตป่าสงวน การมีอำนาจฟ้อง
โจทก์บุกรุกเข้าครอบครองที่ดินพิพาทในเขตป่าสงวนแห่งชาติแล้วจ้าง จำเลยที่ 1 ปลูกข้าวโพด มีจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นบริวารช่วยเหลือจำเลยที่ 1 การยึดถือที่ดินพิพาทของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการยึดถือแทนโจทก์ โจทก์ย่อมเป็นผู้ครอบครองมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลย โจทก์มีอำนาจฟ้อง ปัญหาอำนาจฟ้อง เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่ฎีกา ศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยได้. (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2532)