พบผลลัพธ์ทั้งหมด 491 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 356/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องขับไล่ไม่เป็นฟ้องซ้ำ แม้พิพาทที่ดินเดียวกัน เพราะประเด็นต่างกัน การครอบครองแทนโจทก์ไม่ทำให้ได้สิทธิครอบครอง
จำเลยขายฝากที่ดินกับโจทก์จนครบกำหนดไถ่ถอนคืนแล้ว โจทก์จำเลยตกลงกันเป็นหนังสือว่าโจทก์จะเอาที่ดินไว้เฉพาะด้านที่ติดถนน ส่วนด้านหลังทั้งหมดคืนให้แก่จำเลย และได้มอบที่ดินให้จำเลยครอบครอง ต่อมาโจทก์ขอออกโฉนด ที่ดินพิพาท จำเลยจึงฟ้องบังคับให้โจทก์โอนที่ดินให้ตามสัญญา ขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์มาฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทเป็นคดีนี้เช่นนี้แม้คดีทั้งสองจะพิพาทเกี่ยวกับที่ดินแปลงเดียวกัน คู่ความรายเดียวกันและต่อมาคดีแรกศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องไปแล้วก็ตามแต่ก็ไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ เพราะคดีแรกจำเลยฟ้องโจทก์ให้ปฏิบัติตามสัญญา คดีมีประเด็นว่าสัญญามีผลบังคับหรือไม่ ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยเป็นคำฟ้องในเรื่องละเมิดเกี่ยวกับที่ดินทั้งแปลง ประเด็นแห่งคดีต่างกัน ถือไม่ได้ว่าเป็นเรื่องเดียวกันไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144 แม้โจทก์จะยอมให้จำเลยครอบครองที่พิพาทตลอดมาโดยมีเจตนาจะให้ที่พิพาทแก่จำเลยก็เป็นเรื่องจะให้หรือคำมั่นจะให้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์สละสิทธิการครอบครองแล้ว การครอบครองของจำเลยเป็นการครอบครองแทนโจทก์ แม้ต่อมาจำเลยได้ฟ้องให้โจทก์โอนที่ดินแก่จำเลยตามสัญญาเพื่อแสดงการโต้แย้งสิทธิ หรือเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือแต่โจทก์ก็ฟ้องคดีนี้ภายในหนึ่งปีนับแต่จำเลยฟ้องคดีดังกล่าว จำเลยจึงไม่ได้สิทธิครอบครองในที่พิพาท ปัญหาเรื่องค่าเสียหาย โจทก์ไม่ได้ฎีกา การที่โจทก์ยื่นคำแก้ ฎีกายกปัญหาข้อนี้ขึ้นให้ศาลฎีกาวินิจฉัยด้วยเป็นการไม่ชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 356/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องขับไล่ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ แม้คดีก่อนหน้าเกี่ยวกับที่ดินเดียวกัน เพราะประเด็นต่างกัน และการครอบครองเป็นไปแทนโจทก์
จำเลยขายฝากที่ดินกับโจทก์จนครบกำหนดไถ่ถอนคืนแล้วโจทก์จำเลยตกลงกันเป็นหนังสือว่าโจทก์จะเอาที่ดินไว้เฉพาะด้านที่ติดถนน ส่วนด้านหลังทั้งหมดคืนให้แก่จำเลย และได้มอบที่ดินให้จำเลยครอบครอง ต่อมาโจทก์ขอออกโฉนดที่ดินพิพาท จำเลยจึงฟ้องบังคับให้โจทก์โอนที่ดินให้ตามสัญญา ขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์มาฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทเป็นคดีนี้ เช่นนี้แม้คดีทั้งสองจะพิพาทเกี่ยวกับที่ดินแปลงเดียวกัน คู่ความรายเดียวกันและต่อมาคดีแรกศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องไปแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ เพราะคดีแรกจำเลยฟ้องโจทก์ให้ปฏิบัติตามสัญญา คดีมีประเด็นว่าสัญญามีผลบังคับหรือไม่ ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยเป็นคำฟ้องในเรื่องละเมิดเกี่ยวกับที่ดินทั้งแปลง ประเด็นแห่งคดีต่างกัน ถือไม่ได้ว่าเป็นเรื่องเดียวกัน ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
แม้โจทก์จะยอมให้จำเลยครอบครองที่พิพาทตลอดมาโดยมีเจตนาจะให้ที่พิพาทแก่จำเลยก็เป็นเรื่องจะให้หรือคำมั่นจะให้ถือไม่ได้ว่าโจทก์สละสิทธิการครอบครองแล้ว การครอบครองของจำเลยเป็นการครอบครองแทนโจทก์ แม้ต่อมาจำเลยได้ฟ้องให้โจทก์โอนที่ดินแก่จำเลยตามสัญญาเพื่อแสดงการโต้แย้งสิทธิ หรือเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือแต่โจทก์ก็ฟ้องคดีนี้ภายในหนึ่งปีนับแต่จำเลยฟ้องคดีดังกล่าว จำเลยจึงไม่ได้สิทธิครอบครองในที่พิพาท
ปัญหาเรื่องค่าเสียหาย โจทก์ไม่ได้ฎีกา การที่โจทก์ยื่นคำแก้ฎีกายกปัญหาข้อนี้ขึ้นให้ศาลฎีกาวินิจฉัยด้วยเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
แม้โจทก์จะยอมให้จำเลยครอบครองที่พิพาทตลอดมาโดยมีเจตนาจะให้ที่พิพาทแก่จำเลยก็เป็นเรื่องจะให้หรือคำมั่นจะให้ถือไม่ได้ว่าโจทก์สละสิทธิการครอบครองแล้ว การครอบครองของจำเลยเป็นการครอบครองแทนโจทก์ แม้ต่อมาจำเลยได้ฟ้องให้โจทก์โอนที่ดินแก่จำเลยตามสัญญาเพื่อแสดงการโต้แย้งสิทธิ หรือเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือแต่โจทก์ก็ฟ้องคดีนี้ภายในหนึ่งปีนับแต่จำเลยฟ้องคดีดังกล่าว จำเลยจึงไม่ได้สิทธิครอบครองในที่พิพาท
ปัญหาเรื่องค่าเสียหาย โจทก์ไม่ได้ฎีกา การที่โจทก์ยื่นคำแก้ฎีกายกปัญหาข้อนี้ขึ้นให้ศาลฎีกาวินิจฉัยด้วยเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4480/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องแจ้งให้เจ้าของทราบ การครอบครองในฐานะผู้อาศัยไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์
บิดาโจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินโจทก์ครอบครองสืบสิทธิต่อจากบิดาในฐานะผู้อาศัย เจ้าของที่ดินได้ขอออกโฉนดและโอนกรรมสิทธิ์ต่อมาจนถึงจำเลยซึ่งยังคงปล่อยให้โจทก์อยู่ต่อมา เป็นเรื่องของการให้อยู่อาศัยในฐานะเป็นญาติตามที่เคยเป็นมาสมัยบิดาโจทก์ ตราบใดที่โจทก์ไม่บอกกล่าวไปยังเจ้าของที่พิพาทว่าไม่ยึดถือที่พิพาทแทนผู้เป็นเจ้าของอีกต่อไป โจทก์จะอ้างการครอบครองปรปักษ์เหนือที่พิพาทยันจำเลยไม่ได้ที่พิพาทไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4480/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องแจ้งให้เจ้าของทราบ หากไม่แจ้งสิทธิจะยังไม่สมบูรณ์
บิดาโจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินโจทก์ครอบครองสืบสิทธิต่อจากบิดาในฐานะผู้อาศัย เจ้าของที่ดินได้ขอออกโฉนดและโอนกรรมสิทธิ์ต่อมาจนถึงจำเลยซึ่งยังคงปล่อยให้โจทก์อยู่ต่อมา เป็นเรื่องของการให้อยู่อาศัยในฐานะเป็นญาติตามที่เคยเป็นมาสมัยบิดาโจทก์ ตราบใดที่โจทก์ไม่บอกกล่าวไปยังเจ้าของที่พิพาทว่าไม่ยึดถือที่พิพาทแทนผู้เป็นเจ้าของอีกต่อไป โจทก์จะอ้างการครอบครองปรปักษ์เหนือที่พิพาทยันจำเลยไม่ได้ที่พิพาทไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4480/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องปราศจากนิติกรรมหรือสิทธิอื่นใด หากมีสิทธิอาศัยย่อมไม่เกิดการครอบครองปรปักษ์
บิดาโจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินโจทก์ครอบครองสืบสิทธิต่อจากบิดาในฐานะผู้อาศัยเจ้าของที่ดินได้ขอออกโฉนดและโอนกรรมสิทธิ์ต่อมาจนถึงจำเลยซึ่งยังคงปล่อยให้โจทก์อยู่ต่อมาเป็นเรื่องของการให้อยู่อาศัยในฐานะเป็นญาติตามที่เคยเป็นมาสมัยบิดาโจทก์ตราบใดที่โจทก์ไม่บอกกล่าวไปยังเจ้าของที่พิพาทว่าไม่ยึดถือที่พิพาทแทนผู้เป็นเจ้าของอีกต่อไปโจทก์จะอ้างการครอบครองปรปักษ์เหนือที่พิพาทยันจำเลยไม่ได้ที่พิพาทไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4114/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงฐานะการครอบครอง และผลต่ออายุความฟ้องแย่งการครอบครอง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากบ้านและที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จำเลยและจำเลยร่วมให้การว่า เมื่อโจทก์มาพูดขับไล่จำเลยและบริวารออกจากบ้านและที่ดินพิพาท จำเลยและบริวารไม่ยอมออกอ้างว่า บ้านและที่ดินดังกล่าวเป็นของจำเลย และให้การตัดฟ้องโจทก์ว่า โจทก์มิได้ฟ้องคดีซึ่งมีการแย่งการครอบครองภายใน 1 ปี จำเลยจึงได้สิทธิครอบครองตามกฎหมายดังนี้ถือได้ว่าจำเลยต่อสู้ว่าได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือบ้านและที่ดินพิพาทโดยบอกกล่าวต่อโจทก์แล้ว จึงเป็นประเด็นโดยตรงในคดีที่ศาลจะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
เมื่อโจทก์บอกจำเลยว่าได้ซื้อบ้านและที่ดินพิพาทไว้แล้ว ให้จำเลยกับบริวารออกไปจากบ้านและที่ดินพิพาท จำเลยไม่ยอมออกโดยบอกโจทก์ว่าไม่มีที่จะไป แล้วจำเลยคงอยู่ในบ้านและที่ดินพิพาทต่อมา คำพูดของจำเลยดังกล่าวมิใช่เป็นการบอกกล่าวว่าไม่เจตนาจะยึดถือบ้านและที่ดินรายพิพาทแทนโจทก์ต่อไป อันเป็นการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 การที่จำเลยอาศัยอยู่ต่อมาเป็นการครอบครองบ้านและที่ดินพิพาทในฐานะเป็นผู้แทนโจทก์ โจทก์จึงไม่จำต้องฟ้องจำเลยภายในกำหนด 1 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
เมื่อโจทก์บอกจำเลยว่าได้ซื้อบ้านและที่ดินพิพาทไว้แล้ว ให้จำเลยกับบริวารออกไปจากบ้านและที่ดินพิพาท จำเลยไม่ยอมออกโดยบอกโจทก์ว่าไม่มีที่จะไป แล้วจำเลยคงอยู่ในบ้านและที่ดินพิพาทต่อมา คำพูดของจำเลยดังกล่าวมิใช่เป็นการบอกกล่าวว่าไม่เจตนาจะยึดถือบ้านและที่ดินรายพิพาทแทนโจทก์ต่อไป อันเป็นการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 การที่จำเลยอาศัยอยู่ต่อมาเป็นการครอบครองบ้านและที่ดินพิพาทในฐานะเป็นผู้แทนโจทก์ โจทก์จึงไม่จำต้องฟ้องจำเลยภายในกำหนด 1 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3135/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วมที่ดิน: สิทธิการขายเฉพาะส่วน, การครอบครองทำกิน, และผลของการยึดทรัพย์
ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์จำเลยร่วมกัน จำเลยไม่มีสิทธินำที่ดินพิพาทส่วนของโจทก์ไปขายโดยโจทก์ไม่ยินยอม จำเลยคงมีสิทธิขายได้เฉพาะส่วนของตนเท่านั้นการที่จำเลยทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องจึงมีผลผูกพันเฉพาะส่วนของจำเลย ส่วนของโจทก์ยังคงมีอยู่ตามเดิม
ผู้ร้องเข้าครอบครองทำกินในที่ดินพิพาทก่อนจำเลยทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องนั้น เป็นการเข้าครอบครองทำกินต่างดอกเบี้ย ถือว่าเป็นการครอบครองแทนโจทก์จำเลย ส่วนหลังจากจำเลยทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องถือได้ว่า ผู้ร้องเข้าครอบครองที่ดินพิพาทตามสัญญาซื้อขายซึ่งผู้ร้องได้สิทธิเฉพาะส่วนของจำเลยเท่านั้นที่ผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาททั้งแปลงย่อมถือได้ว่าเป็นการครอบครองแทนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วม มิใช่เป็นการแย่งการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายจะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 มาใช้บังคับไม่ได้
ผู้ร้องขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทก็ดี เสียภาษีบำรุงท้องที่ในที่ดินพิพาทก็ดี ไม่ปรากฏว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมได้รู้เห็นในการกระทำดังกล่าวด้วย ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองต่อโจทก์ ผู้ร้องจึงไม่ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทส่วนของโจทก์
ข้อเท็จจริงปรากฏว่าที่ดินพิพาทตกเป็นของผู้ร้องตั้งแต่ก่อนที่โจทก์จะฟ้องขอแบ่งจากจำเลย คำพิพากษาที่ให้จำเลยแบ่งที่ดินที่พิพาทให้โจทก์ จึงไม่มีผลบังคับเอากับผู้ร้อง โจทก์จึงจะยึดที่ดินพิพาทซึ่งเจ้าของรวมคือโจทก์กับผู้ร้องมาขายทอดตลาดไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้ฟ้องขอแบ่งจากผู้ร้อง
ผู้ร้องเข้าครอบครองทำกินในที่ดินพิพาทก่อนจำเลยทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องนั้น เป็นการเข้าครอบครองทำกินต่างดอกเบี้ย ถือว่าเป็นการครอบครองแทนโจทก์จำเลย ส่วนหลังจากจำเลยทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องถือได้ว่า ผู้ร้องเข้าครอบครองที่ดินพิพาทตามสัญญาซื้อขายซึ่งผู้ร้องได้สิทธิเฉพาะส่วนของจำเลยเท่านั้นที่ผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาททั้งแปลงย่อมถือได้ว่าเป็นการครอบครองแทนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วม มิใช่เป็นการแย่งการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายจะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 มาใช้บังคับไม่ได้
ผู้ร้องขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทก็ดี เสียภาษีบำรุงท้องที่ในที่ดินพิพาทก็ดี ไม่ปรากฏว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมได้รู้เห็นในการกระทำดังกล่าวด้วย ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองต่อโจทก์ ผู้ร้องจึงไม่ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทส่วนของโจทก์
ข้อเท็จจริงปรากฏว่าที่ดินพิพาทตกเป็นของผู้ร้องตั้งแต่ก่อนที่โจทก์จะฟ้องขอแบ่งจากจำเลย คำพิพากษาที่ให้จำเลยแบ่งที่ดินที่พิพาทให้โจทก์ จึงไม่มีผลบังคับเอากับผู้ร้อง โจทก์จึงจะยึดที่ดินพิพาทซึ่งเจ้าของรวมคือโจทก์กับผู้ร้องมาขายทอดตลาดไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้ฟ้องขอแบ่งจากผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3135/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วมขายที่ดินเฉพาะส่วนตน ผู้ซื้อได้สิทธิเฉพาะส่วนนั้น โจทก์มีสิทธิในส่วนของตน
ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์จำเลยร่วมกัน จำเลยไม่มีสิทธินำที่ดินพิพาทส่วนของโจทก์ไปขายโดยโจทก์ไม่ยินยอม จำเลยคงมีสิทธิขายได้เฉพาะส่วนของตนเท่านั้นการที่จำเลยทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องจึงมีผลผูกพันเฉพาะส่วนของจำเลยส่วนของโจทก์ยังคงมีอยู่ตามเดิม
ผู้ร้องเข้าครอบครองทำกินในที่ดินพิพาทก่อนจำเลยทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องนั้น เป็นการเข้าครอบครองทำกินต่างดอกเบี้ย ถือว่าเป็นการครอบครองแทนโจทก์จำเลย ส่วนหลังจากจำเลยทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องถือได้ว่าผู้ร้องเข้าครอบครองที่ดินพิพาทตามสัญญาซื้อขายซึ่งผู้ร้องได้สิทธิเฉพาะส่วนของจำเลยเท่านั้นที่ผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาททั้งแปลงย่อมถือได้ว่าเป็นการครอบครองแทนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วม มิใช่เป็นการแย่งการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายจะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 มาใช้บังคับไม่ได้
ผู้ร้องขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทก็ดีเสียภาษีบำรุงท้องที่ในที่ดินพิพาทก็ดี ไม่ปรากฏว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมได้รู้เห็นในการกระทำดังกล่าวด้วย ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองต่อโจทก์ผู้ร้องจึงไม่ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทส่วนของโจทก์
ข้อเท็จจริงปรากฏว่าที่ดินพิพาทตกเป็นของผู้ร้องตั้งแต่ก่อนที่โจทก์จะฟ้องขอแบ่งจากจำเลย คำพิพากษาที่ให้จำเลยแบ่งที่ดินที่พิพาทให้โจทก์ จึงไม่มีผลบังคับเอากับผู้ร้องโจทก์จึงจะยึดที่ดินพิพาทซึ่งเจ้าของรวมคือโจทก์กับผู้ร้องมาขายทอดตลาดไม่ได้เพราะโจทก์มิได้ฟ้องขอแบ่งจากผู้ร้อง
ผู้ร้องเข้าครอบครองทำกินในที่ดินพิพาทก่อนจำเลยทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องนั้น เป็นการเข้าครอบครองทำกินต่างดอกเบี้ย ถือว่าเป็นการครอบครองแทนโจทก์จำเลย ส่วนหลังจากจำเลยทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องถือได้ว่าผู้ร้องเข้าครอบครองที่ดินพิพาทตามสัญญาซื้อขายซึ่งผู้ร้องได้สิทธิเฉพาะส่วนของจำเลยเท่านั้นที่ผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาททั้งแปลงย่อมถือได้ว่าเป็นการครอบครองแทนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วม มิใช่เป็นการแย่งการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายจะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 มาใช้บังคับไม่ได้
ผู้ร้องขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทก็ดีเสียภาษีบำรุงท้องที่ในที่ดินพิพาทก็ดี ไม่ปรากฏว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมได้รู้เห็นในการกระทำดังกล่าวด้วย ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองต่อโจทก์ผู้ร้องจึงไม่ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทส่วนของโจทก์
ข้อเท็จจริงปรากฏว่าที่ดินพิพาทตกเป็นของผู้ร้องตั้งแต่ก่อนที่โจทก์จะฟ้องขอแบ่งจากจำเลย คำพิพากษาที่ให้จำเลยแบ่งที่ดินที่พิพาทให้โจทก์ จึงไม่มีผลบังคับเอากับผู้ร้องโจทก์จึงจะยึดที่ดินพิพาทซึ่งเจ้าของรวมคือโจทก์กับผู้ร้องมาขายทอดตลาดไม่ได้เพราะโจทก์มิได้ฟ้องขอแบ่งจากผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3135/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของรวมขายเฉพาะส่วนของตน ผู้ซื้อได้สิทธิเฉพาะส่วนนั้น โจทก์ผู้เป็นเจ้าของร่วมอีกส่วนหนึ่งยังคงมีสิทธิในที่ดิน
ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์จำเลยร่วมกันจำเลยไม่มีสิทธินำที่ดินพิพาทส่วนของโจทก์ไปขายโดยโจทก์ไม่ยินยอมจำเลยคงมีสิทธิขายได้เฉพาะส่วนของตนเท่านั้นการที่จำเลยทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องจึงมีผลผูกพันเฉพาะส่วนของจำเลยส่วนของโจทก์ยังคงมีอยู่ตามเดิม ผู้ร้องเข้าครอบครองทำกินในที่ดินพิพาทก่อนจำเลยทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องนั้นเป็นการเข้าครอบครองทำกินต่างดอกเบี้ยถือว่าเป็นการครอบครองแทนโจทก์จำเลยส่วนหลังจากจำเลยทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องถือได้ว่าผู้ร้องเข้าครอบครองที่ดินพิพาทตามสัญญาซื้อขายซึ่งผู้ร้องได้สิทธิเฉพาะส่วนของจำเลยเท่านั้นที่ผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาททั้งแปลงย่อมถือได้ว่าเป็นการครอบครองแทนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมมิใช่เป็นการแย่งการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายจะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1375มาใช้บังคับไม่ได้ ผู้ร้องขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทก็ดีเสียภาษีบำรุงท้องที่ในที่ดินพิพาทก็ดีไม่ปรากฏว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมได้รู้เห็นในการกระทำดังกล่าวด้วยยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองต่อโจทก์ผู้ร้องจึงไม่ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทส่วนของโจทก์ ข้อเท็จจริงปรากฏว่าที่ดินพิพาทตกเป็นของผู้ร้องตั้งแต่ก่อนที่โจทก์จะฟ้องขอแบ่งจากจำเลยคำพิพากษาที่ให้จำเลยแบ่งที่ดินที่พิพาทให้โจทก์จึงไม่มีผลบังคับเอากับผู้ร้องโจทก์จึงจะยึดที่ดินพิพาทซึ่งเจ้าของรวมคือโจทก์กับผู้ร้องมาขายทอดตลาดไม่ได้เพราะโจทก์มิได้ฟ้องขอแบ่งจากผู้ร้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2693/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินโดยไม่เป็นเจ้าของและไม่สามารถอ้างการครอบครองปรปักษ์ได้เมื่อทราบว่าที่ดินจะตกเป็นของผู้อื่นตามพินัยกรรม
โจทก์ทราบเรื่องที่ ป.ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินรวมทั้งที่ดินพิพาทให้แก่ตน และรู้ด้วยว่าที่ดินพิพาทจะตกเป็นของตนเมื่อ ป.ตายแล้ว การเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวโจทก์ก็ต้องมีเจตนามุ่งหวังว่าจะได้ที่ดินนั้นเมื่อ ป. ตายแล้วเช่นกัน ดังนี้ขณะ ป.ยังไม่ตาย จะถือว่าโจทก์ครอบครองอย่างเป็นเจ้าของหรือครอบครองปรปักษ์เพื่อแย่งเอากรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทไม่ได้ ต้องฟังเป็นเรื่องครอบครองแทน ป.เท่านั้น และในกรณีเช่นนี้โจทก์จะครอบครองเป็นเวลานานเท่าใด ก็ไม่ทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นโดยการครอบครองตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382