คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1381

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 491 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งการครอบครองที่ดินและผลของการฟ้องคดีล่าช้าเกิน 1 ปีตามมาตรา 1375
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า เมื่อโจทก์ได้ยื่นคำขอการรับรองการทำประโยชน์ต่ออำเภอ จำเลยได้ยื่นคำคัดค้านโดยอ้างว่าโจทก์รังวัดทับที่ของจำเลย ซึ่งโจทก์ได้รับทราบคำคัดค้านของจำเลยแล้ว ดังนี้ การคัดค้านของจำเลยซึ่งให้โจทก์ได้ทราบแล้วนั้น ถือได้ว่าจำเลยได้บอกกล่าวไปยังโจทก์โดยตรงว่าไม่เจตนาจะยึดถือที่พิพาทแทนโจทก์ หากแต่จะยึดถือเพื่อตนเองต่อไปตามมาตรา 1381 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยได้ถือสิทธิครอบครองที่พิพาทเพื่อตนเองตั้งแต่นั้นแล้วซึ่งเป็นการแย่งการครอบครองของโจทก์อยู่ในตัว การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองของโจทก์ต้องฟ้องภายใน 1 ปี ตาม มาตรา 1375 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หากโจทก์ฟ้องเมื่อเกิน 1 ปีแล้วศาลก็ต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งการครอบครองที่ดิน การบอกกล่าวเจตนาไม่เช่า และผลของการฟ้องเกิน 1 ปีตามมาตรา 1375
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า เมื่อโจทก์ได้ยื่นคำขอการรับรองการทำประโยชน์ต่ออำเภอ จำเลยได้ยื่นคำคัดค้านโดยอ้างว่าโจทก์รังวัดทับที่ของจำเลย ซึ่งโจทก์ได้รับทราบคำคัดค้านของจำเลยแล้ว ดังนี้ การคัดค้านของจำเลยซึ่งให้โจทก์ได้ทราบแล้วนั้น ถือได้ว่าจำเลยได้บอกกล่าวไปยังโจทก์โดยตรงว่าไม่เจตนาจะยึดถือที่พิพาทแทนโจทก์ หากแต่จะยึดถือเพื่อตนเองต่อไปตามมาตรา 1381 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยได้ถือสิทธิครอบครองที่พิพาทเพื่อตนเองตั้งแต่นั้นแล้ว ซึ่งเป็นการแย่งการครอบครองของโจทก์อยู่ในตัว การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองของโจทก์ต้องฟ้องภายใน 1 ปี ตามมาตรา 1375 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หากโจทก์ฟ้องเมื่อเกิน 1 ปีแล้วศาลก็ต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินเช่า การพิสูจน์การครอบครองแทน และอายุความฟ้องร้อง
ข้อที่ว่าจำเลยที่ 1 ยอมให้จำเลยที่ 2,3 เข้าอยู่ในที่ดินเพื่อกรีดยางของโจทก์นั้น ไม่ปรากฏในคำฟ้องของโจทก์ จึงไม่มีประเด็นจะพึงวินิจฉัย
โจทก์มิได้นำสืบว่า จำเลยที่ 1 ร่วมในการกระทำละเมิด จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสามขัดขวางไม่ยอมส่งมอบที่ดินตามสัญญาจำเลยที่ 1 ยังให้จำเลยที่ 2 แจ้งการครอบครองแบบ ส.ค.1 เลขที่ 288/98 ในที่ของโจทก์เพื่อฉ้อโกงโจทก์ จำเลยทั้งสามละเมิดสิทธิของโจทก์เก็บผลน้ำยางพาราวันละ 3 แผ่นเป็นเงินวันละ 30 บาทตลอดมา โจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนี้ถือได้ว่าคำฟ้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
จำเลยที่ 2 ที่ 3 เข้าอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยที่ 1 ซึ่งเช่าจากโจทก์ อันเป็นการยึดถือแทนโจทก์ หาได้เข้าอยู่อย่างเป็นเจ้าของไม่ เมื่อจำเลยทั้งสามมิได้บอกกล่าวการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังโจทก์ ก็ต้องถือว่าจำเลยทั้งสามยังคงยึดถือแทนโจทก์ตามเดิม ที่พิพาทจึงเป็นของโจทก์
จำเลยอ้างว่าโจทก์ถูกแย่งการครอบครองจึงเป็นกรณีตามที่มีบัญญัติไว้ในมาตรา 1375 และเมื่อฟังว่าจำเลยทั้งสามยึดถือที่พิพาทแทนโจทก์ซึ่งเท่ากับโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่พิพาทอยู่ตลอดมา โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินเช่า, การยึดถือแทน, และอายุความฟ้องร้องสิทธิในที่ดิน
ข้อที่ว่าจำเลยที่ 1 ยอมให้จำเลยที่ 2,3 เข้าอยู่ในที่ดินเพื่อกรีดยางของโจทก์นั้น ไม่ปรากฏในคำฟ้องของโจทก์ จึงไม่มีประเด็นจะพึงวินิจฉัย
โจทก์มิได้นำสืบว่าจำเลยที่ 1 ร่วมในการกระทำละเมิด จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2,ที่ 3
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสามขัดขวางไม่ยอมส่งมอบที่ดินตามสัญญา จำเลยที่ 1 ยังให้จำเลยที่ 2 แจ้งการครอบครองแบบ ส.ค.1 เลขที่ 288/98 ในที่ของโจทก์เพื่อฉ้อโกงโจทก์ จำเลยทั้งสามละเมิดสิทธิของโจทก์เก็บผลน้ำยางพาราวันละ 3 แผ่น เป็นเงินวันละ 30 บาทตลอดมา โจทก์ได้รับความเสียหายดังนี้ถือได้ว่า คำฟ้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
จำเลยที่ 2 ที่ 3 เข้าอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยที่ 1 ซึ่งเช่าจากโจทก์ อันเป็นการยึดถือแทนโจทก์ หาได้เข้าอยู่อย่างเป็นเจ้าของไม่ เมื่อจำเลยทั้งสามมิได้บอกกล่าวการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังโจทก์ ก็ต้องถือว่าจำเลยทั้งสามยังคงยึดถือแทนโจทก์ตามเดิม ที่พิพาทจึงเป็นของโจทก์
จำเลยอ้างว่าโจทก์ถูกแย่งการครอบครอง จึงเป็นกรณีตามที่มีบัญญัติไว้ในมาตรา 1375 และเมื่อฟังว่าจำเลยทั้งสามยึดถือที่พิพาทแทนโจทก์ซึ่งเท่ากับโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่พิพาทอยู่ตลอดมา โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 544/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบทรัพย์สินแทนการชำระหนี้สิ้นสุดสิทธิการครอบครองเดิม และไม่ต้องบอกกล่าวการเปลี่ยนแปลงลักษณะการครอบครอง
โจทก์ได้มอบนาให้จำเลยครอบครองแทนการชำระหนี้เงินกู้ดังนี้ การครอบครองของโจทก์ย่อมสิ้นสุดลงตามมาตรา 1377 แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จำเลยจึงไม่จำต้องบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะการยึดถือครอบครองต่อโจทก์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 แต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 544/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบทรัพย์สินชำระหนี้และการสิ้นสุดสิทธิครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1377
โจทก์ได้มอบนาให้จำเลยครอบครองแทนการชำระหนี้เงินกู้ ดั่งนี้ การครอบครองของโจทก์ย่อมสิ้นสุดลงตามมาตรา 1377 แห่ง ป.พ.พ. จำเลยจึงไม่จำต้องบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะการยึดถือครอบครองต่อโจทก์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1381 แต่อย่างใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการเปลี่ยนแปลงฐานะจากผู้ครอบครองแทนเป็นผู้ครอบครองเพื่อตนเอง ทำให้สิทธิครอบครองเดิมสิ้นสุด
จำเลยขายฝากที่พิพาทไว้กับโจทก์ แต่ไม่ไถ่คืนภายในกำหนด จำเลยเช่าที่พิพาทจากโจทก์ จำเลยย่อมได้ชื่อว่ายึดถือครอบครองที่พิพาทในนามของโจทก์อยู่ในฐานะเป็นผู้แทนโจทก์
โจทก์ให้คนไปเก็บค่าเช่าที่พิพาทจากจำเลยในเดือนมกราคม 2505 จำเลยไม่ให้ อ้างว่าไถ่นาคืนจากโจทก์แล้ว เห็นได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว การยึดถือครอบครองที่พิพาทได้เปลี่ยนลักษณะจากการยึดถือครอบครองแทน เป็นยึดถือครอบครองเพื่อตนเองเป็นปรปักษ์ต่อโจทก์ เข้าลักษณะแย่งการครอบครอง
โจทก์ทราบว่าจำเลยแย่งการครอบครองที่พิพาทเมื่อเดือนมกราคม 2505 โจทก์มาฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2506 เป็นเวลาเกิน 1 ปีแล้ว โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองได้ ที่พิพาทตกเป็นสิทธิของจำเลยแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเรียกเอาคืนได้
จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่าจำเลยครอบครองเกิน 1 ปีแล้ว ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้อ้างสิทธิครอบครองขึ้นเป็นข้อต่อสู้แล้ว แม้จะถือว่าข้อต่อสู้ของจำเลยไม่ชัดแจ้งในเรื่องแย่งการครอบครอง แต่โจทก์ก็ไม่มีสิทธิอันใดที่จะอ้างอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาขึ้นฟ้องร้องเรียกเอาที่พิพาทคืนจากจำเลยได้ โดยสิทธิครอบครองของโจทก์ได้หลุดมือไปอยู่กับจำเลยแล้ว สิทธิจะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองจากจำเลยก็สูญเสียไปหมดแล้ว ศาลก็ชอบที่จะพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้ แม้จำเลยจะมิได้กล่าวอ้างขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่มีอำนาจที่จะฟ้องได้โดยชอบด้วยกฎหมาย(อ้างฎีกาที่ 1646/2505).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งการครอบครองและการขาดอายุความฟ้องร้อง สิทธิการครอบครองตกเป็นของจำเลย
จำเลยขายฝากที่พิพาทไว้กับโจทก์ แต่ไม่ไถ่คืนภายในกำหนด จำเลยเช่าที่พิพาทจากโจทก์ จำเลยย่อมได้ชื่อว่ายึดถือครอบครองที่พิพาทในนามของโจทก์อยู่ในฐานะเป็นผู้แทนโจทก์
โจทก์ให้คนไปเก็บค่าเช่าที่พิพาทจากจำเลยในเดือนมกราคม2505 จำเลยไม่ให้ อ้างว่าไถ่นาคืนจากโจทก์แล้วเห็นได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว การยึดถือครอบครองที่พิพาทได้เปลี่ยนลักษณะจากการยึดถือครอบครองแทนเป็นยึดถือครอบครองเพื่อตนเองเป็นปรปักษ์ต่อโจทก์เข้าลักษณะแย่งการครอบครอง
โจทก์ทราบว่าจำเลยแย่งการครอบครองที่พิพาทเมื่อเดือนมกราคม 2505 โจทก์มาฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2506 เป็นเวลาเกิน 1 ปีแล้ว โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองได้ ที่พิพาทตกเป็นสิทธิของจำเลยแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเรียกเอาคืนได้
จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า จำเลยครอบครองเกิน 1 ปีแล้ว ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความเช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้อ้างสิทธิครอบครองขึ้นเป็นข้อต่อสู้แล้วแม้จะถือว่าข้อต่อสู้ของจำเลยไม่ชัดแจ้งในเรื่องแย่งการครอบครองแต่โจทก์ก็ไม่มีสิทธิอันใดที่จะอ้างอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาขึ้นฟ้องร้องเรียกเอาที่พิพาทคืนจากจำเลยได้โดยสิทธิครอบครองของโจทก์ได้หลุดมือไปอยู่กับจำเลยแล้วสิทธิจะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองจากจำเลยก็สูญเสียไปหมดแล้วศาลก็ชอบที่จะพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้ แม้จำเลยจะมิได้กล่าวอ้างขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่มีอำนาจที่จะฟ้องได้โดยชอบด้วยกฎหมาย (อ้างฎีกาที่ 1646/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 384/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองแทนเจ้าของจากการทำสัญญาขายฝากโมฆะ และการแสดงเจตนาครอบครองเพื่อตน
จำเลยทำสัญญาขายฝากนาพิพาทไว้กับโจทก์ โดยมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และมีเงื่อนไขว่า ถ้าจำเลยไม่นำเงินมาไถ่ ก็ให้โจทก์ทำนาเรื่อยไป การขายฝากจึงเป็นโมฆะตามมาตรา 456 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้น ที่โจทก์เข้าครอบครองนาพิพาทจึงเป็นการครอบครองแทนจำเลย และการที่โจทก์ครอบครองจนกว่าจำเลยจะใช้เงินคืนเช่นนี้ ถึงจะนานสักกี่ปีก็ยังถือว่าครอบครองแทนจำเลยผู้เป็นเจ้าของนาพิพาทอยู่นั่นเองแม้โจทก์จะมีชื่อในแบบ ส.ค.1 และเสียภาษีเงินบำรุงท้องที่มาก็ตามก็ต้องถือว่าทำแทนจำเลยเช่นกัน
กรณีดังกล่าว มิใช่เป็นเรื่องจำเลยสละเจตนาการครอบครองดังนั้น หากโจทก์จะถือว่าครอบครองเพื่อตน ก็ต้องแสดงเจตนาต่อจำเลยว่าจะครอบครองเพื่อตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 384/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองนาพิพาทหลังสัญญาขายฝากเป็นโมฆะ: การครอบครองแทนเจ้าของ vs. การครอบครองเพื่อตน
จำเลยทำสัญญาขายฝากนาพิพาทไว้กับโจทก์โดยมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และมีเงื่อนไขว่า ถ้าจำเลยไม่นำเงินมาไถ่ ก็ให้โจทก์ทำนาเรื่อยไป การขายฝากจึงเป็นโมฆะตามมาตรา 456 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้น ที่โจทก์เข้าครอบครองนาพิพาทจึงเป็นการครอบครองแทนจำเลย และการที่โจทก์ครอบครองจนกว่าจำเลยจะใช้เงินคืนเช่นนี้ ถึงจะนานสักกี่ปีก็ยังถือว่าครอบครองแทนจำเลยผู้เป็นเจ้าของนาพิพาทอยู่นั่นเอง แม้โจทก์จะมีชื่อในแบบ ส.ค.1 และเสียภาษีเงินบำรุงท้องที่มาก็ตาม ก็ต้องถือว่าทำแทนจำเลยเช่นกัน
กรณีดังกล่าว มิใช่เป็นเรื่องจำเลยสละเจตนาการครอบครอง ดังนั้น หากโจทก์จะถือว่าครอบครองเพื่อตน ก็ต้องแสดงเจตนาต่อจำเลยว่าจะครอบครองเพื่อตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381.
of 50