คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1381

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 491 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นโมฆะ และสิทธิในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินของผู้อื่น
บิดาเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกับบุตร แล้วบิดาได้ทำสัญญากู้เงินจากผู้อื่นโดยนำที่ดินให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ และกล่าวว่าถ้าไม่นำต้นเงินมาส่งภายในกำหนดเวลายอมยกที่ดินให้เป็นสิทธิตลอดไปซึ่งในกรณีนี้มีเพียง 3 เดือน ดังนี้ย่อมเป็นการทำสัญญาซื้อขาย เมื่อคู่สัญญามิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว สัญญาย่อมเป็นโมฆะ ผู้ให้กู้จะอ้างสิทธิอย่างใดในที่ดินนั้นไม่ได้ บุตรย่อมเรียกร้องเอาที่ดินคืนได้
เมื่อผู้ครอบครองที่ดินของผู้อื่นไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิในที่ดินนั้นแล้วปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกลงในที่ดินโดยอ้างว่าปลูกทำลงโดยสุจริตไม่ได้ รูปคดีต้องด้วย ม.1311 และเมื่อเจ้าของที่ดินแสดงได้ว่าตนมิได้ประมาทเลิ่นเล่อ เจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิบังคับให้ผู้ปลูกรื้อถอนไปได้ตาม ม.1310

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นโมฆะ เจ้าของมีสิทธิเรียกคืนและบังคับรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
บิดาเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกับบุตร แล้วบิดาได้ทำสัญญากู้เงินจากผู้อื่นโดยนำที่ดินให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ และกล่าวว่าถ้าไม่นำต้นเงินมาส่งภายในกำหนดเวลายอมยกที่ดินให้เป็นสิทธิตลอดไปซึ่งในกรณีนี้มีเพียง 3 เดือน ดังนี้ย่อมเป็นการทำสัญญาซื้อขายเมื่อคู่สัญญามิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว สัญญาย่อมเป็นโมฆะ ผู้ให้กู้จะอ้างสิทธิอย่างใดในที่ดินนั้นไม่ได้ บุตรย่อมเรียกร้องเอาที่ดินคืนได้
เมื่อผู้ครอบครองที่ดินของผู้อื่นไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิในที่ดินนั้นแล้วปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกลงในที่ดินโดยอ้างว่าปลูกทำลงโดยสุจริตไม่ได้รูปคดีต้องด้วย มาตรา 1311 และเมื่อเจ้าของที่ดินแสดงได้ว่าตนมิได้ประมาทเลินเล่อ เจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิบังคับให้ผู้ปลูกรื้อถอนไปได้ตาม มาตรา 1310

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 630/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วม, การครอบครองเพื่อหลีกเลี่ยงเกณฑ์ทหาร ไม่ถือเป็นกรรมสิทธิ์, จักษุพิการยังมีความสามารถดำเนินคดี
กองทรัพย์สินของตระกูลไม่ใช่นิติบุคคล จะเป็นเจ้าของทรัพย์สินใด ๆไม่ได้
ญาติๆลงชื่อจำเลยในโฉนดเพื่อคุ้มครองมิให้ต้องถูกเกณฑ์ทหารนั้นไม่ถือว่าเป็นการให้จริงจัง จำเลยคงเป็นผู้แทนของพวกญาติ ที่ดินไม่ตกเป็นกรรมสิทธิของจำเลย
บุคคลจักษุพิการ ซึ่งศาลยังไม่ได้สั่งว่า เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ยังคงมีความสามารถดำเนินคดีในศาลได้เช่นบุคคลทั้งหลาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 630/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินรวม, การครอบครองเพื่อหลีกเลี่ยงเกณฑ์ทหารไม่ถือเป็นการให้, จักษุพิการยังมีความสามารถดำเนินคดี
กองทรัพย์สินของตระกูลไม่ใช่นิติบุคคล จะเป็นเจ้าของทรัพย์สินใดๆ ไม่ได้
ญาติๆ ลงชื่อจำเลยในโฉนดเพื่อคุ้มครองมิให้ต้องถูกเกณฑ์ทหารนั้นไม่ถือว่าเป็นการให้จริงจัง จำเลยคงเป็นผู้แทนของพวกญาติ ที่ดินไม่ตกเป็นกรรมสิทธิของจำเลย
บุคคลจักษุพิการ ซึ่งศาลยังไม่ได้สั่งว่า เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ยังคงมีความสามารถดำเนินคดีในศาลได้ เช่นบุคคลทั้งหลาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการแย่งสิทธิครอบครองจากมารดา: คดีไม่ขาดอายุความ
บุตรเช่านาของมารดาส่วนหนึ่งทำกิน ครั้นน้องมาทวงค่าเช่าก็ไม่ให้ และกลับว่าเป็นที่ของตนเช่นนี้จะถือว่ามารดาถูกแย่งสิทธิครอบครองตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 ไม่ได้เพราะเป็นเรื่องเนื่องจากการเช่าที่ส่วนหนึ่งของมารดา แล้วจะกลับมาเถียงสิทธิกับน้องแย่งการครอบครองจากมารดาย่อมไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองแทนกันและการได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินจำนอง ผู้รับจำนองต้องแจ้งเจตนาไม่ครอบครองแทนผู้จำนอง
จำนองที่ดินไว้แก่เขาแล้ว ไม่มีเงินจะเสียดอกเบี้ยให้จึงมอบนา(มีโฉนด)ที่จำนองให้ผู้รับจำนองทำต่างดอกเบี้ยส่วนตนเองอพยพไปทำกินที่อื่นแม้จะปรากฏว่านาที่จำนองถูกทางอำเภอยึดไปเพื่อจะขายทอดตลาดเอาเงินชำระอากรค่านาที่ค้างชำระผู้รับจำนองจึงต้องเอาเงินไปชำระค่าอากรที่ค้างทางอำเภอจึงมอบนานั้นให้ผู้รับจำนองผู้รับจำนองคงครอบครองต่อมากว่า 10 ปีก็ดี ก็ไม่ทำให้อำนาจครอบครองของผู้รับจำนองเปลี่ยนไปจากเดิมผู้จำนองยังมีสิทธิขอไถ่จำนองได้เพราะถ้าผู้รับจำนองรับนามาจากอำเภอแล้ว จะครอบครองเอานาอย่างเป็นเจ้าของผู้รับจำนองจะต้องบอกกล่าวไปยังผู้จำนองว่า ตนไม่เจตนาจะครอบครองแทนผู้จำนองต่อไป ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1381 หรือมิฉะนั้นก็ต้องบังคับจำนอง การครอบครองใหม่ในฐานะเป็นเจ้าของจึงจะมีขึ้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งที่ดินโดยการยึดถือครอบครองอย่างเจ้าของหลังครบกำหนดไถ่ถอนจากการซื้อฝากโดยไม่มีอำนาจ
มารดาเอาที่ดินมือเปล่าของบุตรไปขายฝากไว้แก่ผู้อื่นโดยไม่มีอำนาจแต่เมื่อครบกำหนดไถ่ถอนตามสัญญาแล้วไม่มีการไถ่การยึดถือของผู้รับซื้อฝากในที่ดินนั้นย่อมเป็นการยึดถือครอบครองอย่างเจ้าของตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367เมื่อเกิน 1 ปีแล้ว บุตรผู้เป็นเจ้าของก็หมดสิทธิที่จะเรียกที่ดินคืนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายฝากที่ดินโดยผู้ไม่มีอำนาจ สัญญาไม่ผูกพันบุตร และการครอบครองปรปักษ์ที่ต้องเจตนาเป็นเจ้าของ
บิดาเอาที่ดิน ( ไม่มีโฉนด ) พร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน อันเป็นของบุตรไปขายฝากเขาไว้มีกำหนดไถ่คืนภายใน 10 ปี ในนามตนเองเป็นส่วนตัว มิใช่ทำแทนบุตร ผู้รับซื้อฝากก็ทราบว่าที่ดินเป็นของบุตร ดังนี้จะนำสัญญามาใช้ยันบุตรไม่ได้และผู้รับซื้อฝากจะอ้างว่าได้ครอบครองมาครบ 10 ปีแล้ว ก็ไม่ได้อีกเพราะเมื่อสัญญานั้นไม่ผูกพันบุตรดังกล่าวแล้ว การครอบครองของจำเลยตามข้อสัญญาและตามกิริยาที่ปฏิบัติต่อกันเป็นทำนองเอาที่ดินประกันเงินกู้ โดยยอมให้มีสิทธิไถ่ถอนได้ภายใน 10 ปี ฉะนั้นภายในกำหนด 10 ปีนั้นผู้รับซื้อฝากจะอ้างว่า ตนครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของหาได้ไม่
จำเลยรับซื้อฝากที่ดินจากบิดาของโจทก์โดยรู้ว่าบิดาครอบครองแทนโจทก์และไม่มีอำนาจโอน จำเลยอ้างอายุความปกครองโดยปรปักษ์ยันโจทก์ไม่ได้
จำเลยเคยฟ้องมารดาของเด็ก ( ซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว ) ขอให้ศาลขัลไล่ออกจากที่พิพาทโดยอ้างว่าได้กรรมสิทธิมาจากการขายฝากหลุดเป็นกรรมสิทธิ ศาลพิพากษาให้จำเลยชนะ แต่คดียังไม่ถึงที่สุดเด็กกลับมาเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของเด็ก มิใช่ของบิดามารดา การที่บิดเอาที่ไปขายฝากแก่จำเลย เด็กไม่ทราบ เป็นเรื่องจำเลยสมคบกับบิดาเด็กแจ้งเท็จต่ออำเภอว่าเป็นที่ของบิดาเด็ก จึงขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝาก ดังนี้ ถือว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ และคำพิพากษาในคดีก่อนก็ไม่ผูกพันเด็ก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขายฝากที่ดินของบุตรโดยไม่ได้รับมอบอำนาจ ผู้รับซื้อฝากอ้างอายุความมิได้ คดีไม่ผูกพันบุตร
บิดาเอาที่ดิน (ไม่มีโฉนด) พร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน อันเป็นของบุตรไปขายฝากเขาไว้มีกำหนดไถ่คืนภายใน10 ปี ในนามตนเองเป็นส่วนตัว มิใช่ทำแทนบุตร ผู้รับซื้อฝากก็ทราบว่าที่ดินเป็นของบุตร ดังนี้ จะนำสัญญามาใช้ยันบุตรไม่ได้ และผู้รับซื้อฝากจะอ้างว่าได้ครอบครองมาครบ 10 ปีแล้ว ก็ไม่ได้อีก เพราะเมื่อสัญญานั้นไม่ผูกพันบุตรดังกล่าวแล้ว การครอบครองของจำเลยตามข้อสัญญาและตามกิริยาที่ปฏิบัติต่อกันเป็นทำนองเอาที่ดินประกันเงินกู้ โดยยอมให้มีสิทธิไถ่ถอนได้ภายใน 10 ปีฉะนั้นภายในกำหนด 10 ปีนั้นผู้รับซื้อฝากจะอ้างว่า ตนครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของหาได้ไม่
จำเลยรับซื้อฝากที่ดินจากบิดาของโจทก์โดยรู้ว่าบิดาครอบครองแทนโจทก์และไม่มีอำนาจโอน จำเลยอ้างอายุความปกครองโดยปรปักษ์ยันโจทก์ไม่ได้
จำเลยเคยฟ้องมารดาของเด็ก (ซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว) ขอให้ศาลขับไล่ออกจากที่พิพาทโดยอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์มาจากการขายฝากหลุดเป็นกรรมสิทธิ์ ศาลพิพากษาให้จำเลยชนะ แต่คดียังไม่ถึงที่สุด เด็กกลับมาเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของเด็ก มิใช่ของบิดามารดา การที่บิดาเอาที่ไปขายฝากแก่จำเลย เด็กไม่ทราบ เป็นเรื่องจำเลยสมคบกับบิดาเด็กแจ้งเท็จต่ออำเภอว่าเป็นที่ของบิดาเด็ก จึงขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝาก ดังนี้ ถือว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ และคำพิพากษาในคดีก่อนก็ไม่ผูกพันเด็ก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเงินกู้ที่มีเงื่อนไขโอนที่ดินเป็นสิทธิ: ศาลไม่อนุมัติการบังคับโอน หากผู้กู้ไม่ชำระหนี้
กู้เงินกันแล้วมอบที่ดินให้ผู้ให้กู้ครอบครองโดยมีเงื่อนไขว่าถ้าไม่ชำระเงินกู้ภายใน 1 ปี ผู้กู้ยอมโอนที่ให้เป็นสิทธิแก่ผู้ให้กู้ ดังนี้ เป็นเรื่องตาม ป.ม. แพ่งฯมาตรา 656 วรรค 2 ซึ่งผู้ให้กู้จะเอาที่ดินซึ่งผู้กู้ได้มอบให้ไว้ เพื่อได้ตกลงกันไว้หาได้ไม่เพราะกฎหมายให้คิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาห้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์นั้น ฉะนั้นผู้ให้กู้จะฟ้องขอให้บังคับผู้กู้จัดการโอนที่ดินให้แก่โจทก์ไม่ได้และในกรณีเช่นนี้จะถือว่า ผู้ให้กู้ใด้สละสิทธิครองครองที่ดินที่มอบให้ไว้ก็ไม่ได้ เพราะยังจะต้องดำเนินการในเรื่องที่จะยอมโอนต่อไปอีก
of 50