พบผลลัพธ์ทั้งหมด 347 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3053/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษความผิดอาญาหลายกระทง: ปืนและปล้นทรัพย์ ศาลอุทธรณ์และฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี เป็นบทบัญญัติที่เพิ่มโทษของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 มาตรา 339 ทวิ มาตรา 340 หรือมาตรา 340 ทวิ ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 7และมาตรา 8 ทวิ นั้น เป็นความผิดต่างกรรมกัน ซึ่งประมวลกฎมายอาญามาตรา 91 บัญญัติให้ศาลลงโทษทุกกรรมเป็นกระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2951/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีอาวุธปืนที่ไม่สามารถพิสูจน์สถานะทะเบียนได้ ศาลฎีกาพิจารณาว่าเป็นอาวุธปืนของผู้อื่นที่มีใบอนุญาต
ข้อหาความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าอาวุธปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนที่มีทะเบียนหรือไม่ทั้งเจ้าพนักงานตำรวจก็มิได้ยึดอาวุธปืนดังกล่าวเป็นของกลาง กรณีจึงต้องฟังให้เป็นคุณแก่จำเลยว่าอาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีได้ตามกฎหมายอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,72 วรรคสามเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2535/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความผิดฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยต้องรับผิดเมื่อโจทก์ไม่นำสืบหลักฐาน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์จึงต้องมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความตามฟ้อง เมื่อโจทก์มิได้นำสืบให้ได้ความว่าอาวุธปืนสั้นกระบอกที่จำเลยใช้ทำการชิงทรัพย์ผู้เสียหายเป็นอาวุธปืนที่จำเลยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย และจำเลยมิได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวทั้งมิได้นำอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวมาเป็นหลักฐาน แม้จำเลยจะมิได้นำสืบปฏิเสธว่า อาวุธปืนกระบอกดังกล่าวจำเลยได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนแล้วและจำเลยได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดสองฐานนี้ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ได้
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาเพียงว่า จำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปตามทางสาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ ซึ่งแก้ไขใหม่แล้วเพียงบทเดียวโดยมิได้ปรับบทความผิดว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 อีกบทหนึ่งจึงเท่ากับยกฟ้องมาตรานี้ การที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 อีกบทหนึ่งให้ถูกต้อง ข้อหาตามมาตราดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์จะฎีกาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 มิได้ เพราะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาโจทก์ข้อนี้ให้
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาเพียงว่า จำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปตามทางสาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ ซึ่งแก้ไขใหม่แล้วเพียงบทเดียวโดยมิได้ปรับบทความผิดว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 อีกบทหนึ่งจึงเท่ากับยกฟ้องมาตรานี้ การที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 อีกบทหนึ่งให้ถูกต้อง ข้อหาตามมาตราดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์จะฎีกาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 มิได้ เพราะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาโจทก์ข้อนี้ให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2535/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความผิดฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยต้องรับผิดเมื่อโจทก์มิได้พิสูจน์การครอบครองอาวุธปืน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์จึงต้องมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความตามฟ้อง เมื่อโจทก์มิได้นำสืบให้ได้ความว่าอาวุธปืนสั้นกระบอกที่จำเลยใช้ทำการชิงทรัพย์ผู้เสียหายเป็นอาวุธปืนที่จำเลยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย และจำเลยมิได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวทั้งมิได้นำอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวมาเป็นหลักฐาน แม้จำเลยจะมิได้นำสืบปฏิเสธว่า อาวุธปืนกระบอกดังกล่าวจำเลยได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนแล้วและจำเลยได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดสองฐานนี้ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ได้
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาเพียงว่า จำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปตามทางสาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ,72 ทวิ ซึ่งแก้ไขใหม่แล้วเพียงบทเดียวโดยมิได้ปรับบทความผิดว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 อีกบทหนึ่งจึงเท่ากับยกฟ้องมาตรานี้ การที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 อีกบทหนึ่งให้ถูกต้อง ข้อหาตามมาตราดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์จะฎีกาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 มิได้ เพราะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาโจทก์ข้อนี้ให้.
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาเพียงว่า จำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปตามทางสาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ,72 ทวิ ซึ่งแก้ไขใหม่แล้วเพียงบทเดียวโดยมิได้ปรับบทความผิดว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 อีกบทหนึ่งจึงเท่ากับยกฟ้องมาตรานี้ การที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 อีกบทหนึ่งให้ถูกต้อง ข้อหาตามมาตราดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์จะฎีกาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 มิได้ เพราะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาโจทก์ข้อนี้ให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2444/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานปล้นทรัพย์และพกพาอาวุธโดยไม่ได้รับอนุญาต โจทก์ต้องพิสูจน์การไม่มีใบอนุญาต
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านโดยมิได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว จำเลยให้การปฏิเสธ แม้จะฟังได้ว่าขณะที่จำเลยกับพวกปล้นทรัพย์ของผู้เสียหายจำเลยมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วยก็ตามโจทก์ก็ต้องนำสืบให้ได้ว่าจำเลยมิได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองและมิได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวจึงจะลงโทษจำเลยได้ มิฉะนั้นคงลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2024-2026/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ปืนพกสั้นออโตเมติกขนาด .45 ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนดังกล่าวจึงใช้ได้แต่เฉพาะอาวุธปืนกระบอกที่ระบุไว้ในใบอนุญาตนั้นเท่านั้น จะนำไปใช้กับอาวุธปืนกระบอกอื่นไม่ได้ จำเลยจึงไม่อาจที่จะมีอาวุธปืนกระบอกอื่นและกระสุนปืนซึ่งมิใช่สำหรับใช้กับอาวุธปืนที่จำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้ไว้ในความครอบครองได้ แม้ผู้อื่นจะลืมอาวุธปืนไว้ในรถของจำเลย จำเลยก็ควรจะครอบครองอาวุธปืนนั้นเพียงเพื่อไม่ให้หายเท่านั้น แต่จำเลยกลับพกอาวุธปืนดังกล่าวไว้กับตัวซึ่งแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยมีอาวุธปืนนั้นเพื่อใช้มิได้มีไว้ในความครอบครองเพื่อไม่ให้หาย จำเลยจึงมีความผิดฐานมีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่จำเลยอ้างว่าปฏิบัติหน้าที่ราชการตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชานั้นไม่เป็นข้อยกเว้นให้จำเลยมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ซึ่งเป็นบทบัญญัติของกฎหมายได้ แม้การปฏิบัติหน้าที่ราชการตามคำสั่งนั้น มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อาวุธปืนดังที่จำเลยอ้างก็ตาม
จำเลยซึ่งเป็นตำรวจพกพาอาวุธปืนกระบอกที่ไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีติดตัว เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และถูกจับกุมในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพาอาวุธปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ.2490 มาตรา 8(ทวิ) วรรคสาม (1)
จำเลยซึ่งเป็นตำรวจพกพาอาวุธปืนกระบอกที่ไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีติดตัว เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และถูกจับกุมในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพาอาวุธปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ.2490 มาตรา 8(ทวิ) วรรคสาม (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1837/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันมีอาวุธปืนเถื่อนไว้ในครอบครอง พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และการปรับบทความผิดทางอาญา
จำเลยกับ ร. ขู่บังคับผู้เสียหายให้ยอมร่วมประเวณีโดยจำเลยใช้อาวุธปืนไม่มีทะเบียนของจำเลยจี้ผู้เสียหาย เมื่อสามีผู้เสียหายไปตามพลตำรวจ ส. มาจับกุม ส. เอาปืนดังกล่าวจากเอว ร. มาเก็บไว้โดยถอดกระสุนปืนออกหมดแล้วจำเลยเข้าแย่งเอาปืนคืนจาก ส. ยกขึ้นจ้องยิงที่หน้าอก ส. ดังแชะสามครั้ง ดังนี้พฤติการณ์ที่จำเลยกับ ร. ผลัดกันใช้อาวุธปืนของกลางเช่นนี้ถือว่าร่วมกันมีอาวุธปืนของกลางไว้ในครอบครองและพกพาโดยไม่ได้รับอนุญาต และการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่โดยไม่สามารถบรรลุผลอย่างแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยที่ใช้ในการกระทำผิดอีกกระทงหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1837/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดร่วมกันมีอาวุธปืนเถื่อน, พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน, และการปรับบทความผิด
จำเลยกับ ร. ขู่บังคับผู้เสียหายให้ยอมร่วมประเวณีโดยจำเลยใช้อาวุธปืนไม่มีทะเบียนของจำเลยจี้ผู้เสียหาย เมื่อสามีผู้เสียหายไปตามพลตำรวจ ส.มาจับกุมส. เอาปืนดังกล่าวจากเอวร. มาเก็บไว้โดยถอดกระสุนปืนออกหมดแล้วจำเลยเข้าแย่งเอาปืนคืนจาก ส.ยกขึ้นจ้องยิงที่หน้าอกส.ดังแชะสามครั้ง ดังนี้พฤติการณ์ที่จำเลยกับ ร. ผลัดกันใช้อาวุธปืนของกลางเช่นนี้ถือว่าร่วมกันมีอาวุธปืนของกลางไว้ในครอบครองและพกพาโดยไม่ได้รับอนุญาต และการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่โดยไม่สามารถบรรลุผลอย่างแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยที่ใช้ในการกระทำผิดอีกกระทงหนึ่ง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1837/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง ศาลฎีกาตัดสินกลับคำพิพากษา
จำเลยกับ ร.ขู่บังคับผู้เสียหายให้ยอมร่วมประเวณีโดยจำเลยใช้อาวุธปืนไม่มีทะเบียนของจำเลยจี้ผู้เสียหาย เมื่อสามีผู้เสียหายไปตามพลตำรวจส.มาจับกุมส. เอาปืนดังกล่าวจากเอวร.มาเก็บไว้โดยถอดกระสุนปืนออกหมดแล้วจำเลยเข้าแย่งเอาปืนคืนจาก ส.ยกขึ้นจ้องยิงที่หน้าอกส.ดังแชะ สามครั้ง ดังนี้พฤติการณ์ที่จำเลยกับ ร.ผลัดกันใช้อาวุธปืนของกลางเช่นนี้ถือว่าร่วมกันมีอาวุธปืนของกลางไว้ในครอบครองและพกพาโดยไม่ได้รับอนุญาต และการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่โดยไม่สามารถบรรลุผลอย่างแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยที่ใช้ในการกระทำผิดอีกกระทงหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1662/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดอาวุธปืนเพื่อห้ามปรามวิวาท ไม่ถือเป็นความผิดฐานมีอาวุธปืนและพกพา
จำเลยแย่งอาวุธปืนของกลางมาจากพวกของจำเลยซึ่งทะเลาะวิวาทกันและยึดถือไว้ชั่วขณะหนึ่งเพื่อบรรเทาเหตุการณ์ร้ายแรงซึ่งอาจเกิดขึ้น ดังนี้เป็นการยึดถือไว้ชั่วคราวจึงไม่ใช่มีอาวุธปืนของกลางไว้ในครอบครอง และจำเลยไม่ได้พาอาวุธปืนของกลางเคลื่อนที่ไป จึงไม่ใช่พาอาวุธปืนของกลางไปในที่สาธารณสถาน