พบผลลัพธ์ทั้งหมด 347 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปืนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนและข้อพิพาทเกี่ยวกับประเภทของอาวุธปืนตามกฎหมายอาวุธปืน
ปืนของกลางเป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2500เมื่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ฉบับที่3 พ.ศ.2501 ออกใช้และรัฐมนตรีได้ออกกฎกระทรวงกำหนดให้ปืนชนิดนี้เป็นที่ใช้เฉพาะแต่ในการสงครามแล้วเจ้าของก็มิได้นำไปมอบให้กับนายทะเบียนท้องที่ตามมาตรา10 ปืนนี้จึงเป็นของมีไว้เป็นความผิดอันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32. จำเลยรับฝากปืนนี้ไว้จากเจ้าของก็ต้องมีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้ลงโทษปรับจำเลยตามศาลชั้นต้นจำเลยฎีกาว่าปืนของกลางไม่ใช่ปืนเล็กยาวแบบ 83 ซึ่งใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยผิดจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวน เป็นการโต้เถียงคำวินิจฉัยและดุลพินิจของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้ลงโทษปรับจำเลยตามศาลชั้นต้นจำเลยฎีกาว่าปืนของกลางไม่ใช่ปืนเล็กยาวแบบ 83 ซึ่งใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยผิดจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวน เป็นการโต้เถียงคำวินิจฉัยและดุลพินิจของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์สินต้องมีตัวอยู่ หากทรัพย์สินสูญหายหรือถูกทำลายแล้ว สั่งริบไม่ได้
การริบทรัพย์สินเป็นการเอาทรัพย์สินที่ริบเป็นของแผ่นดินทรัพย์สินที่จะริบต้องมีตัวอยู่ ไม่ว่าได้ยึดเอามาเป็นของกลางแล้วหรืออยู่ที่อื่น แต่ถ้าทรัพย์สินที่จะริบไม่มีตัว เช่น ถูกทำลายหรือสูญหายไป จะสั่งริบไม่ได้ เพราะไม่อาจจะตกเป็นของแผ่นดินได้ ฉะนั้น ปืนของกลางที่จำเลยทิ้งน้ำ ไม่สามารถจะเอามาได้ ก็ต้องถือว่าสูญหายไม่มีตัว จึงสั่งริบไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์สินต้องมีตัวอยู่ หากทรัพย์สินสูญหายหรือถูกทำลายแล้ว สั่งริบไม่ได้
การริบทรัพย์สินเป็นการเอาทรัพย์สินที่ริบเป็นของแผ่นดิน ทรัพย์สินที่จะริบต้องมีตัวอยู่ ไม่ว่าได้ยึดเอามาเป็นของกลางแล้วหรืออยู่ที่อื่น แต่ถ้าทรัพย์สินที่จะริบไม่มีตัว เช่นถูกทำลายหรือสูญหายไป จะสั่งริบไม่ได้ เพราะไม่อาจจะตกเป็นของแผ่นดินได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองและใช้ปืนของผู้อื่น การให้ยืมปืนไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
มาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มีความหมายว่า ใบอนุญาตอาวุธปืนให้ใช้ได้เฉพาะตัวผู้รับใบอนุญาตเท่านั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องการให้ยืมปืนแต่ประการใด ฉะนั้น ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนให้บุคคลอื่นยืมปืนไปใช้ล่าสัตว์ จึงไม่มีความผิดตามมาตรานี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่โจทก์ในการพิสูจน์การครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย: การที่โจทก์ไม่นำสืบหลักฐานแสดงว่าอาวุธปืนไม่มีทะเบียนและผู้ครอบครองไม่มีใบอนุญาต ส่งผลให้ศาลลงโทษฐานครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนและมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนและจำเลยให้อาวุธปืนนั้น จำเลยปฏิเสธตลอดข้อหา ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยใช้ปืนยิงขู่ ไม่มีเจตนาจะฆ่า เช่นนี้ เกี่ยวกับอาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงนั้น ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า เป็นหน้าที่โจทก์ต้องนำสืบว่าปืนนั้นไม่มีทะเบียน และจำเลยไม่มีใบอนุญาต มิฉะนั้น ก็ลงโทษฐานมีอาวุธปืนไม่รับอนุญาตไม่ได้
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2504
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2504
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่โจทก์ในการพิสูจน์การครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย เพื่อให้ลงโทษฐานมีอาวุธปืนไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนและมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และจำเลยใช้อาวุธปืนนั้น จำเลยปฏิเสธตลอดข้อหา ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยใช้ปืนยิงขู่ ไม่มีเจตนาจะฆ่า เช่นนี้ เกี่ยวกับอาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงนั้น ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า เป็นหน้าที่โจทก์ต้องนำสืบว่าปืนนั้นไม่มีทะเบียน และจำเลยไม่มีใบอนุญาต มิฉะนั้น ก็ลงโทษฐานมีอาวุธปืนไม่รับอนุญาตไม่ได้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 111/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวที่สมควรแก่เหตุและการริบอาวุธปืนที่ไม่มีทะเบียน
จำเลยยิงขณะผู้เสียหายยกมีดจะฟันจำเลย มีดนั้นขนาดใหญ่ถ้าฟันได้อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตจำเลยยิงนัดเดียว ดังนี้ เป็นการป้องกันชีวิตจำเลยพอสมควรแก่เหตุไม่เป็นความผิด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพยายามฆ่าคนโดยใช้ปืนยิงขอให้ลงโทษเฉพาะฐานพยายามฆ่าและขอให้สั่งริบปืนทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุไม่มีความผิด แต่ปืนที่ไม่มีเครื่องหมายของเจ้าพนักงานอนุญาตให้มีได้นั้นเป็นของร้ายอยู่ในตัวผู้ใดมีไว้เป็นความผิด จึงเป็นของที่ต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2504)
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพยายามฆ่าคนโดยใช้ปืนยิงขอให้ลงโทษเฉพาะฐานพยายามฆ่าและขอให้สั่งริบปืนทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุไม่มีความผิด แต่ปืนที่ไม่มีเครื่องหมายของเจ้าพนักงานอนุญาตให้มีได้นั้นเป็นของร้ายอยู่ในตัวผู้ใดมีไว้เป็นความผิด จึงเป็นของที่ต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1274/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์ในการแก้ไขโทษจำเลยที่ไม่ใช่ผู้ถูกอุทธรณ์ และขอบเขตการใช้กฎหมายผ่อนโทษ
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 - 2 - 3 - 4 ฐานพยายามปล้นและลงโทษจำเลยที่ 2 - 3 ฐานมีปืนไม่รับอนุญาต เฉพาะในข้อหาฐานมีปืนไม่รับอนุญาต ไม่มีฝ่ายใดอุทธรณ์จำเลยที่ 4 อุทธรณ์เฉพาะในข้อฐานพยายามปล้นทรัพย์ เช่นนี้ แม้ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จะมีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501 มาตรา 9 ผ่อนผัน ไม่เอาโทษแต่ผู้ที่นำอาวุธปืนที่มีอยู่ไปจดทะเบียนขอรับอนุญาตต่อนายทะเบียนท้องที่ภายในกำหนด 90 วันก็ตาม ศาลอุทธรณ์จะยกฟ้องจำเลยที่ 2 - 3 ในข้อหาฐานมีปืนไม่รับอนุญาต โดยอ้างว่าเป็นเหตุในลักษณะคดีหาได้ไม่ เพราะการที่จำเลยที่ 2 - 3 มีอาวุธปืนนั้น จะมีโดยได้รับอนุญาตหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์ ความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 เป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว ศาลอุทธรณ์ จึงไม่มีอำนาจที่จะยกฟ้องโจทก์ในข้อหาตามพระราชบัญญัติ อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 ซึ่งเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 - 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1274/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการวินิจฉัยนอกเหนือจากประเด็นที่อุทธรณ์ และขอบเขตการใช้กฎหมายผ่อนผันโทษในคดีอาญา
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1-2-3-4 ฐานพยายามปล้น และลงโทษจำเลยที่ 2-3 ฐานมีปืนไม่รับอนุญาต เฉพาะในข้อหาฐานมีปืนไม่รับอนุญาต ไม่มีฝ่ายใดอุทธรณ์ จำเลยที่ 4 อุทธรณ์เฉพาะในข้อหาฐานพยายามปล้นทรัพย์ เช่นนี้ แม้ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จะมีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2501 มาตรา 9 ผ่อนผันไม่เอาโทษแก่ผู้ที่นำอาวุธปืนที่มีอยู่ไปจดทะเบียนขอรับอนุญาตต่อนายทะเบียนท้องที่ภายในกำหนด 90 วันก็ตาม ศาลอุทธรณ์จะยกฟ้องจำเลยที่ 2-3 ในข้อหาฐานมีปืนไม่รับอนุญาต โดยอ้างว่าเป็นเหตุในลักษณะคดีหาได้ไม่ เพราะการที่จำเลยที่2-3 มีอาวุธปืนนั้น จะมีโดยได้รับอนุญาตหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์ ความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 เป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจที่จะยกฟ้องโจทก์ในข้อหาตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 ซึ่งเกี่ยวกับจำเลยที่ 2-3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1270/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในอาวุธปืนแยกจากใบอนุญาต ผู้มีชื่อในใบอนุญาตเป็นเพียงผู้ครอบครองและใช้
ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนไม่ใช่เป็นเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ เป็นแต่เพียงเอกสารซึ่งแสดงว่า ผู้มีชื่อในใบอนุญาตเป็นผู้ครอบครองและใช้อาวุธปืน โดยได้รับอนุญาตเป็นผู้ครอบครองและใช้อาวุธปืนโดยได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานแล้วเท่านั้น ส่วนผู้มีกรรมสิทธิ์ในปืนนั้น อาจเป็นบุคคลอื่นได้