คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎหมายลักษณะอาญา ม. 131

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 339 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกเงินต้องมีการครอบครองเงินจริง การรับหลักฐานเบิกจ่ายไม่ถือเป็นการยักยอก
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยักยอกเงิน แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าเงินในรายการข้อ ก. และข้อ ง. ที่โจทก์บรรยายในฟ้องว่าจำเลยยักยอกเงินนั้น จำเลยมิได้รับตัวเงินไว้เป็นแต่รับหลักฐานเป็นหนังสือ ซึ่งเป็นการเบิกหักผลักส่ง ดังนั้น จึงมิใช่เป็นการยักยอกเงินตามฟ้องของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 707/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รวมกระทงลงโทษ – มาตรา 3(1) ประมวลกฎหมายอาญา – ไม่หนักกว่ากฎหมายเดิม
ศาลรวมกระทงลงโทษจำคุกจำเลย 15 ปีตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131 และ 230 มิใช่ลงโทษตามบทที่หนัก โทษที่กำหนดตามคำพิพากษาในกรณีนี้จึงไม่หนักกว่าโทษที่กำหนดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และ 162 ซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา3(1) ไม่เป็นกรณีที่ศาลจะต้องกำหนดโทษเสียใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 707/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมกระทงลงโทษและการปรับโทษตามกฎหมายใหม่ ศาลไม่จำเป็นต้องปรับโทษหากโทษเดิมไม่หนักกว่า
ศาลรวมกระทงลงโทษจำคุกจำเลย 15 ปีตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา 131 และ 230 มิใช่ลงโทษตามบทที่หนัก โทษที่กำหนดตามคำพิพากษาในกรณีนี้จึงไม่หนักกว่าโทษที่กำหนดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และ 162 ซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา ม.3 (1) ไม่เป็นกรณีที่ศาลจะต้องกำหนดโทษเสียใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2003-2005/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าอาวาสมีอำนาจหน้าที่เสมือนเจ้าพนักงาน การกระทำผิดจึงเข้าข่ายความผิดของเจ้าพนักงาน
การที่ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์บัญญัติไว้ว่า พระภิกษุซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายลักษณะอาญานั้น บ่งชัดถึงอำนาจและหน้าที่ กล่าวคือเมื่อมีอำนาจในวัดเหมือนกับเจ้าพนักงานแล้ว หากกระทำผิดในหน้าที่ก็จะต้องเป็นผิดฐานเจ้าพนักงานกระทำความผิดด้วย
การลดโทษที่มีเหตุอันเข้าลักษณะทั้งกฎหมายเก่าและกฎหมายใหม่นั้น เมื่อได้ทำผิดขณะใช้กฎหมายเก่า ก็ควรอ้างกฎหมายเก่าคือ กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 เป็นเหตุลดโทษ (ตามแบบอย่างฎีกาที่ 1879/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2003-2005/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฐานความผิดของพระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสในฐานะเจ้าพนักงาน
การที่ พ.ร.บ. คณะสงฆ์บัญญัติไว้ว่า พระภิกษุซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตามบทแห่ง พ.ร.บ.นี้ ให้ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายลักษณะอาญานั้น บ่งชัดถึงอำนาจและหน้าที่ กล่าวคือ เมือมีอำนาจในวัดเหมือนกับเจ้าพนักงานแล้ว หากกระทำผิดในหน้าที่ก็จะต้องเป็นผิดฐานเจ้าพนักงานกระทำความผิดด้วย
การลดโทษ ที่มีเหตุอันเข้าลักษณะทั้งกฎหมายเก่าและกฎหมายใหม่นั้น เมือได้ทำผิดขณะใช้กฎหมายเก่า ก็ควรอ้างกฎหมายเก่า คือ ก.ม. ลักษณะอาญา มาตรา 59 เป็นเหตุลดโทษ.
( ตามแบบอย่างฎีกา ที่ 1879/2500 )

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานทุจริต ยักยอกเงินและปลอมแปลงบัญชี: เปลี่ยนบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา
คำบรรยายฟ้องคดีอาญาฐานเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ยักยอกเงินที่ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะได้บรรยายความถึงหน้าที่และการกระทำผิดไว้โดยละเอียดพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี
จำเลยรับราชการตำแหน่งตรวจคนเข้าเมืองมีหน้าที่รับเงินค่าล่วงเวลาในการไปตรวจควบคุมและรอคอยพาหนะ รับเงินแล้วยักยอกเอาเป็นประโยชน์ส่วนตนเสีย โดยมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งกระทรวงการคลังที่ให้นำส่ง ผิดตาม มาตรา 131ไม่ใช่ มาตรา 319(3)
การที่จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีตำแหน่งหน้าที่ทำหนังสือราชการและจดทะเบียนบัญชี จำเลยบังอาจจดแจ้งข้อความลงในทะเบียนบัญชีเองอันเป็นเท็จ ผิดตาม มาตรา 230 ไม่ใช่มาตรา 225,229

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานทุจริต ยักยอกเงิน และปลอมแปลงบัญชีรับจ่าย
คำบรรยายฟ้องคดีอาญาฐานเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ยักยอกเงินที่ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะได้บรรยายความถึงหน้าที่และการกระทำผิดไว้โดยละเอียดพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี
จำเลยรับราชการตำแหน่งตรวจคนเข้าเมือง มีหน้าที่รับเงินค่าล่วงเวลาในการไปตรวจควบคุม และ รอคอยพาหนะ รับเงินแล้วยักยอกเอาเป็นประโยชน์ส่วนตน เสียโดยมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ให้นำส่ง ผิดตาม ม. 131 ไม่ใช่ ม. 319 (3)
การที่จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีตำแหน่งที่ทำหนังสือราชการและจดทะเบียนบัญชี จำเลยบังอาจจดแจ้งข้อความลงในทะเบียน บัญชีเองอันเป็นเท็จ ผิดตาม ม.230 ไม่ใช่ ม.225, 229

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1397-1398/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ – การฟ้องเคลือบคลุม – การแต่งตั้งตำแหน่งโดยไม่มีประโยชน์ตอบแทน
บุคคลที่นายอำเภอท้องที่แต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าชลประทานตามพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ ย่อมเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย
จำเลยเป็นผู้แทนราษฎร กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ.2492 มาตรา 80 ห้ามมิให้รับตำแหน่งหรือหน้าที่ใดๆจากรัฐโดยมีประโยชน์ตอบแทน จำเลยได้รับแต่งตั้งจากนายอำเภอให้เป็นหัวหน้าการชลประทานราษฎร์ แต่ไม่ปรากฏว่าเป็นตำแหน่งที่ได้รับประโยชน์ตอบแทน เช่นนี้จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ถือว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานโดยชอบด้วยกฎหมาย
การที่โจทก์บรรยายในฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2493 ถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2493 จำเลยเบิกเงินคลังไป3 งวด 100,000 บาท ครั้นระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2493. ถึง 2 ธันวาคม 2493 เวลากลางวันและกลางคืนจำเลยบังอาจสมคบกันกระทำหลักฐานเท็จและปลอมหนังสือหลายครั้ง โดยทำใบสำคัญจ่ายเงินค่าซ่อมฝายปลอมหลายฉบับ เป็นเงิน 65,744 บาท แสดงต่อกรมชลประทาน ซึ่งความจริงจำเลยหาได้จ่ายเงินไปตามใบสำคัญเหล่านั้นไม่ จำเลยกลับบังอาจมีเจตนาทุจริตคิดยักยอกเงิน 65,744 บาท และต่อไปก็บรรยายถึง วันเดือนปีใบสำคัญที่จำเลยทำทุจริตทุกฉบับเป็นข้อๆ เช่นนี้ไม่เป็นการเคลือบคลุม
อนึ่ง การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าระหว่างวัน....ถึงวัน..... จำเลยได้บังอาจยักยอกสิ่งของ แต่วันต้นของฟ้องเป็นวันที่จำเลยยังไม่ได้รับมอบสิ่งของที่ถูกหายักยอก เพราะความพลั้งเผลอ แต่โจทก์มีพยานสืบว่าจำเลยได้รับของในระหว่างวันในฟ้องนั้น และจำเลยยักยอกไประหว่างนั้น เช่นนี้ยังไม่เป็นการฟ้องเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1397-1398/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์, ปลอมแปลงเอกสาร, ฟ้องเคลือบคลุม: การพิจารณาความผิดและขอบเขตการฟ้องร้อง
บุคคลที่นายอำเภอท้องที่แต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าชลประทานตามพ.ร.บ. การชลประทานราษฎร์ ย่อมเป็นเจ้าพนักงานตามกฏหมาย
จำเลยเป็นผู้แทนราษฎร กฏหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2492 ม. 80 ห้ามมิให้รับตำแหน่งหรือหน้าที่จากรัฐโดยมีประโยชน์ตอบแทน จำเลยได้รับแต่งตั้งจากนายอำเภอให้เป็นหัวหน้าการชลประทานราษฎร แต่ไม่ปรากฏว่าเป็นตำแหน่งที่ได้รับประโยชน์ตอบแทน เช่นนี้จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ถือว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานโดยชอบด้วยกฏหมาย
การที่โจทก์บรรยายในฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2493 ถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2493 จำเลยเบิกเงินคลังไป 3 งวด 100,000 บาท ครั้นระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2493 ถึง 2 ธันวาคม 2493 เวลากลางวันและกลางคืนจำเลยบังอาจสมคบกันกระทำหลักฐานเท็จและปลอมหนังสือหลายครั้ง โดยทำใบสำคัญจ่ายเงินค่าซ่อมฝายปลอมหลายฉบับ เป็นเงิน 65,744 บาท แสดงต่อกรมชลประทาน ซึ่งความจริงจำเลยหาได้จ่ายเงินไปตามใบสำคัญเหล่านั้นไม่ จำเลยกลับบังอาจมีเจตนาทุจริตคิดยักยอกเงิน 65,744 บาท และต่อไปก็บรรยายถึง วันเดือนปีใบสำคัญที่จำเลยทำทุจริตทุกฉบับเป็นข้อ ๆ เช่นนี้ไม่เป็นการเคลือบคลุม
อนึ่ง การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าระหว่างวัน.....ถึงวัน....... จำเลยไดบังอาจยักยอกสิ่งของ แต่วันต้นของฟ้องเป็นวันที่จำเลยยังไม่ได้รับมอบสิ่งของที่ถูกหายักยอก เพราะความพลั้งเผลอ แต่โจทก์มีพยานสืบว่าจำเลยได้รับของในระหว่างวันในฟ้องนั้น และจำเลยยักยอกไประหว่างนั้น เช่นนี้ยังไม่เป็นการฟ้องเคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1267/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานยักยอกเงินราชการ และการวินิจฉัยหลักฐานการปลอมเอกสาร
เงินราชการที่เบิกมาเพื่อจ่ายแก่ผู้ใด แต่ยังไม่จ่ายนั้น ไม่ถือว่าเป็นเงินของผู้ที่จะได้รับเงิน ดั่งนั้น เจ้าพนักงานผู้ใดยักยอกเงินนั้น จึงมีผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกเงินของทางราชการ ไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัว
การฟังว่าจำเลยปลอมเอกสารโดยไม่มีพยานมาแสดงให้ชัดว่าจำเลยปลอม เพียงแต่ศาลนำเอกสารที่กล่าวหามาเทียบเคียงกับเอกสารฉบับอื่นแล้วลงความเห็นว่าเหมือนกับลายมือของจำเลยนั้น ไม่ชอบด้วยการวินิจฉัยหลักฐานคำพยาน
of 34