พบผลลัพธ์ทั้งหมด 339 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกเงินบำรุงท้องที่: เงินแผ่นดิน, หน้าที่ปกครองดูแลรักษา, ไม่ต้องมีผู้ร้องทุกข์
เงินบำรุงท้องที่เป็นเงินที่รัฐให้เรียกเก็บเพื่อใช้จ่ายบำรุงความผาสุขของราษฎรในท้องที่ ผู้ใดไม่เสีย เจ้าพนักงานอาจยึดทรัพย์สินมาขายทอดตลาดเอางเงินชำระได้ ฉะนั้นเมื่อเจ้าพนักงานเรียกเก็บเงินนี้มาจาก
ราษฎรได้แล้ว เงินนี้ก็เป็นเงินของแผ่นดิน หาใช่เงินของราษฎรที่เสียภาษีแต่ละคนไม่ และเมื่อสมุห์บัญชีอำเภอรับ
เงินนี้ไว้จากราษฎรในฐานที่เป็นสมุห์บัญชีอำเภอ สมุห์บัญชีอำเภอก็มีหน้าที่รับผิดชอบปกครองดูแลรักษาเงินนี้ไว้
เมื่อสมุห์บัญชีอำเภอยักยอกเงินนี้ไป ก็ย่อมมีผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131 และในการดำเนินคดี ก็ไม่จำเป็นให้ราษฎรเจ้าของเงินมาร้องทุกข็ขอให้ดำเนินคดี./
ราษฎรได้แล้ว เงินนี้ก็เป็นเงินของแผ่นดิน หาใช่เงินของราษฎรที่เสียภาษีแต่ละคนไม่ และเมื่อสมุห์บัญชีอำเภอรับ
เงินนี้ไว้จากราษฎรในฐานที่เป็นสมุห์บัญชีอำเภอ สมุห์บัญชีอำเภอก็มีหน้าที่รับผิดชอบปกครองดูแลรักษาเงินนี้ไว้
เมื่อสมุห์บัญชีอำเภอยักยอกเงินนี้ไป ก็ย่อมมีผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131 และในการดำเนินคดี ก็ไม่จำเป็นให้ราษฎรเจ้าของเงินมาร้องทุกข็ขอให้ดำเนินคดี./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1543/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการยักยอกเงิน: ความผิดทางอาญาต้องมีเจตนา
ฟ้องระบุถึงตำแหน่งหน้าที่จำเลยในทางราชการ และกล่าวว่า จำเลยได้ยักยอกเงินไปโดยนำเงินส่งคลังไม่ครบจำนวนขอให้จำเลยใช้เงินจำนวนที่ส่งไม่ครบ ดังนี้ ยังไม่พอให้ถือว่าเป็นฟ้องอันเกี่ยวเนื่องจากความผิดทางอาญา เพราะในการที่จำเลยนำเงินส่งไม่ครบ อาจเป็นด้วยความพลั้งเผลอหรือหลงลืมซึ่งมิใช่เป็นความผิดทางอาญา ฉะนั้นคดีจึงไม่เข้าอยู่ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 และจะยกอายุความตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 78 มาปรับมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1907/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์: แผ่นดินเป็นผู้เสียหาย อัยการฟ้องได้และมีอำนาจเรียกคืนทรัพย์
ปลัดอำเภอรับมอบเงินในนามคณะกรมการอำเภอ จากจังหวัดแล้วยักยอกเสียนั้น ย่อมถือว่าแผ่นดินเป็นผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องมีการร้องทุกข์ อัยการก็ฟ้องได้
ความผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131 นั้น เป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ อัยการโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี 6 เดือนตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131 แต่ให้ยกคำขอที่ขอให้คืนราคาทรัพย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะให้คืนราคาทรัพย์ ดังนี้ จำเลยไม่มีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การที่พยานโจทก์บางคนยังไม่ได้ให้การชั้นสอบสวนแต่ได้มีการสอบสวนจำเลยและพยานอื่นแล้วนั้น เรียกไม่ได้ ว่ามิได้ มีการสอบสวนตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120
ความผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131 นั้น เป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ อัยการโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี 6 เดือนตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131 แต่ให้ยกคำขอที่ขอให้คืนราคาทรัพย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะให้คืนราคาทรัพย์ ดังนี้ จำเลยไม่มีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การที่พยานโจทก์บางคนยังไม่ได้ให้การชั้นสอบสวนแต่ได้มีการสอบสวนจำเลยและพยานอื่นแล้วนั้น เรียกไม่ได้ ว่ามิได้ มีการสอบสวนตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1907/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์: อัยการมีอำนาจฟ้องขอคืนทรัพย์ได้ แม้ไม่มีผู้ร้องทุกข์
ปลัดอำเภอรับมอบเงินในนามคณะกรรมการอำเภอ จากจังหวัดแล้วยักยอกเสียนั้น ย่อมถือว่าแผ่นดินเป็นผู้เสียหาย ไม่จำเป็นต้องมีการร้องทุกข์อัยการก็ฟ้องได้
ความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131 นั้น เป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ อัยการโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 43
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี 6 เดือนตาม ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 131 แต่ให้ยกคำขอที่ขอให้คืนราคาทรัพย์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะให้คืนราคาทรัพย์ ดังนี้ จำเลยไม่มีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การที่พยานโจทก์บางคนยังไม่ได้ให้การชั้นสอบสวนจำเลยและพยานอื่นแล้วนั้น เรียกไม่ได้ว่ามิได้มีการสอบสวนตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 120
ความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131 นั้น เป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ อัยการโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 43
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี 6 เดือนตาม ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 131 แต่ให้ยกคำขอที่ขอให้คืนราคาทรัพย์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะให้คืนราคาทรัพย์ ดังนี้ จำเลยไม่มีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การที่พยานโจทก์บางคนยังไม่ได้ให้การชั้นสอบสวนจำเลยและพยานอื่นแล้วนั้น เรียกไม่ได้ว่ามิได้มีการสอบสวนตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 120
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1463/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยขายตั๋วรถไฟปลอม เงินที่ได้ไม่ใช่เงินของสถานี ไม่ถือเป็นความผิดฐานยักยอก
จำเลยเป็นเสมียนกรมรถไฟประจำสถานีหนึ่งมีหน้าที่ขายตั๋วรถไฟให้ผู้โดยสาร จำเลยใช้ตั๋วของกรมรถไฟซึ่งได้ศูนย์หายไปในระหว่างทางและไม่ได้อยู่ในบัญชีสถานีที่จำเลยประจำอยู่ มาเขียนกรอกข้อความลงไปแล้วปลอมขายว่าเป็นตั๋วรถไฟที่แท้จริงให้แก่ผู้ซื้อไป ดังนี้ เงินที่จำเลยขายตั๋วปลอมได้มา จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ต้องส่งให้นายสถานีนั้น จำเลยเอาเงินนั้นไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย จำเลยจึงไม่มีผิดฐานยักยอกตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131 หรือ 319
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1463/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์เมื่อไม่ใช่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบทรัพย์สิน
จำเลยเป็นเสมียนกรมรถไฟประจำสถานีหนึ่งมีหน้าที่ขายตั๋วรถไฟให้ผู้โดยสาร จำเลยใช้ตั๋วของกรมรถไฟซึ่งได้สูญหายไปในระหว่างทางและไม่ได้อยู่ในบัญชีสถานีที่จำเลยประจำอยู่ มาเขียนกรอกข้อความลงไปแล้วปลอมขายว่าเป็นตั๋วรถไฟที่แท้จริงให้แก่ผู้ซื้อไป ดังนี้ เงินที่จำเลยขายตั๋วปลอมได้มา จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ต้องส่งให้นายสถานีนั้นจำเลยเอาเงินนั้นไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย จำเลยจึงไม่มีผิดฐานยักยอกตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131 หรือ 319
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1336/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของเจ้าพนักงาน: การพิจารณาความผิดตามมาตราที่ถูกต้อง
จำเลยเป็นข้าราชการพลเรือนวิสามัญชั้นตรี รับราชการอยู่ในแผนกเงินและรายได้ กองผลประโยชน์สำนักงานท่าเรือกรุงเทพ ฯ กรมการขนส่งกระทรวงคมนาคมมีหน้าที่เก็บเงินลูกหนี้ของสำนักงานท่าเรือกรุงเทพฯ แล้วต้องนำส่งต่อเจ้าหน้าที่กองผลประโยชน์ แต่จำเลยเก็บเงินมาแล้วบังอาจยักยอกเงินนั้นไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย มิได้ส่งให้ทั้งหมดตามหน้าที่ ดังนี้ ย่อมเป็นความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131 ไม่ใช่มาตรา 319 (3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1336/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้าราชการยักยอกเงินของสำนักงาน – ความผิดตามมาตรา 131
จำเลยเป็นข้าราชการพลเรือนวิสามัญชั้นตรี รับราชการอยู่ในแผนกเงินและรายได้ กองผลประโยชน์สำนักงานท่าเรือกรุงเทพฯกรมการขนส่ง กระทรวงคมนาคม มีหน้าที่เก็บเงินลูกหนี้ของสำนักงานท่าเรือกรุงเทพฯแล้วต้องนำส่งต่อเจ้าหน้าที่กองผลประโยชน์ แต่จำเลยเก็บเงินมาแล้วบังอาจยักยอกเงินนั้นไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย มิได้ส่งให้ทั้งหมดตามหน้าที่ ดังนี้ ย่อมเป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131 ไม่ใช่มาตรา 319(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 854/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกทรัพย์โดยผู้รักษากุญแจเซฟ: ความผิดฐานยักยอกทรัพย์เมื่อมีการทำลายตราประทับ
ผู้ช่วยสมุห์บัญชีอำเภอรักษากุญแจเซฟเก็บเงินผลประโยชน์ของทางราชการซึ่งตั้งรักษาไว้บนสถานีตำรวจภูธรอำเภอนั้นแทนสมุห์บัญชีกับปลัดอำเภอเป็นผู้รักษากุญแจเซฟอีกสองดอกแทนนายอำเภอ การปิดเปิดเซฟโดยปกติต้องใช้กุญแจทั้งสามดอกแต่ในคราวเปิดเซฟครั้งหนึ่ง เมื่อปิดเซฟผู้ช่วยสมุห์บัญชีเพทุบายใช้กุญแจดอกที่ตนรักษาดอกเดียวปิดเซฟโดยปลัดอำเภอไม่ทราบ ครั้นตกตอนกลางคืนผู้ช่วยสมุหบัญชีนั้นได้ลอบมาเปิดเซฟด้วยกุญแจดอกที่ตนรักษาไว้แล้วเอาเงินในเซฟนั้นไปหมด ดังนี้ผู้ช่วยสมุห์บัญชีมีผิดฐานยักยอกทรัพย์ตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131
จำเลยเองเป็นผู้ประทับตราคาดเชือกคาดเซฟเป็นที่สังเกตสำหรับจำเลยเองเมื่อจำเลยตัดเชือกที่ประทับตรานั้นขาดเสียเองเพื่อเอาเงินในเซฟอันเป็นความผิดตาม มาตรา 131 แล้วก็ไม่ต้องวินิจฉัยความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา130 อีก
จำเลยเองเป็นผู้ประทับตราคาดเชือกคาดเซฟเป็นที่สังเกตสำหรับจำเลยเองเมื่อจำเลยตัดเชือกที่ประทับตรานั้นขาดเสียเองเพื่อเอาเงินในเซฟอันเป็นความผิดตาม มาตรา 131 แล้วก็ไม่ต้องวินิจฉัยความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา130 อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 854/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหน้าที่ยักยอกทรัพย์ในหน้าที่และทำลายหลักฐานการรักษาทรัพย์
ผู้ช่วยสมุห์บัญชีอำเภอรักษากุญแจเซฟเก็บเงินผลประโยชน์ของทางราชการซึ่งตั้งรักษาไว้บนสถานีตำรวจภูธรอำเภอนั้น แทนสมุห์บัญชีกับปลัดอำเภอเป็นผู้รักษากุญแจเซฟอีกสองดอกแทนนายอำเภอ การปิดเปิดเซฟโดยปกติต้องใช้กุญแจทั้งสามดอก แต่ในคราวเปิดเซฟครั้งหนึ่ง เมื่อปิดเซฟผู้ช่วยสมุห์บัญชีเพทุบายใช้กุญแจดอกที่ตนรักษาดอกเดียวปิดเซฟ โดยปลัดอำเภอไม่ทราบ ครั้นตกตอนกลางคืน ผู้ช่วยสมุหบัญชีนั้นได้ลอบมาเปิดเซฟด้วยกุญแจดอกที่ตนรักษาไว้แล้วเอาเงินในเซฟนั้นไปหมด ดังนี้ผู้ช่วยสมุห์บัญชีมีผิดฐานยักยอกทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131
จำเลยเองเป็นผู้ประทับตราคาดเชือกคาดเซฟเป็นที่สังเกตุสำหรับจำเลยเอง เมื่อจำเลยตัดเชือกที่ประทับตรานั้นขาดเสียเอง+เพื่อเอาเงินในเซฟ+ความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตตรา 130
จำเลยเองเป็นผู้ประทับตราคาดเชือกคาดเซฟเป็นที่สังเกตุสำหรับจำเลยเอง เมื่อจำเลยตัดเชือกที่ประทับตรานั้นขาดเสียเอง+เพื่อเอาเงินในเซฟ+ความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตตรา 130