พบผลลัพธ์ทั้งหมด 415 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4001/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบสิทธิเช่าและแบ่งมรดก: สิทธิการเช่าเป็นทรัพย์มรดกที่สามารถแบ่งได้
เจ้ามรดกทำสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทจากผู้อื่น จดทะเบียนการเช่ามีกำหนด 25 ปี เมื่อเจ้ามรดกถึงแก่กรรม จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสามีของเจ้ามรดกได้ไปขอโอนชื่อผู้เช่าจากเจ้ามรดกเป็นชื่อของจำเลยที่ 1 โดยมีข้อสัญญาเช่นเดิมและเมื่อหมดอายุสัญญาเช่าแล้วผู้เช่ามีสิทธิต่อสัญญาเช่าใหม่ต่อไปได้ การที่จำเลยที่ 1 เช่าตึกแถวพิพาทจึงเป็นการสืบสิทธิของเจ้ามรดกผู้เช่าเดิมนั่นเอง เมื่อจำเลยที่ 1 ขอโอนชื่อดังกล่าวแล้วได้โอนสิทธิการเช่าตึกแถวพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 อ้างว่าเป็นการขายสิทธิให้จำเลยที่ 2 แสดงว่าสิทธิการเช่าดังกล่าวมีราคาและถือเอาได้จึงเป็นทรัพย์สินและทรัพย์มรดกตกทอดแก่ทายาทที่จะแบ่งปันกันได้ เพื่อความสะดวกในการแบ่งมรดกสมควรตีราคาเป็นตัวเงินแล้วจึงแบ่งกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4001/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าเป็นทรัพย์มรดก แบ่งได้ระหว่างทายาทและคู่สมรส
เจ้ามรดกทำสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทจากผู้อื่น จดทะเบียนการเช่ามีกำหนด 25 ปี เมื่อเจ้ามรดกถึงแก่กรรม จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสามีของเจ้ามรดกได้ไปขอโอนชื่อผู้เช่าจากเจ้ามรดกเป็นชื่อของจำเลยที่ 1 โดยมีข้อสัญญาเช่นเดิมและเมื่อหมดอายุสัญญาเช่าแล้วผู้เช่ามีสิทธิต่อสัญญาเช่าใหม่ต่อไปได้ การที่จำเลยที่ 1เช่าตึกแถวพิพาทจึงเป็นการสืบสิทธิของเจ้ามรดกผู้เช่าเดิมนั่นเอง เมื่อจำเลยที่ 1ขอโอนชื่อดังกล่าวแล้วได้โอนสิทธิการเช่าตึกแถวพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 อ้างว่าเป็นการขายสิทธิให้จำเลยที่ 2 แสดงว่าสิทธิการเช่าดังกล่าวมีราคาและถือเอาได้จึงเป็นทรัพย์สินและทรัพย์มรดกตกทอดแก่ทายาทที่จะแบ่งปันกันได้ เพื่อความสะดวกในการแบ่งมรดกสมควรตีราคาเป็นตัวเงินแล้วจึงแบ่งกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1306/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของหุ้นส่วนผู้จัดการในหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัด และการบังคับชำระหนี้จากกองมรดก
ห้างหุ้นส่วนจำกัด ฮ.มีส. เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดเพียงคนเดียว ปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด ฮ. มีหนี้ภาษีอากรค้างซึ่งจะต้องชำระแก่จำเลยแต่ห้างฯ ไม่ยอมชำระ ถือได้ว่าเป็นการผิดนัด ซึ่งตาม ป.พ.พ. มาตรา1070 ประกอบด้วยมาตรา 1080 บัญญัติให้เจ้าหนี้ของห้างหุ้นส่วนชอบที่จะเรียกให้ชำระเอาแต่หุ้นส่วนผู้จัดการได้ เมื่อห้างฯ ดังกล่าวเป็นอันเลิกไปโดยผลของกฎหมายเพราะ ส.ตายส. จึงต้องรับผิดในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนนั้นอย่างไม่จำกัดจำนวนตาม ป.พ.พ.มาตรา 1077(2) ซึ่งย่อมรวมถึงหนี้ภาษีอากรค้างด้วย ทรัพย์สินกองมรดกของ ส. จึงตก เป็นทรัพย์สินของผู้ต้องรับผิดเสียภาษีอากรตาม ป.รัษฎากร มาตรา 12 วรรคสอง จำเลยจึงชอบที่จะยึดทรัพย์สินดังกล่าวของ ส. เพื่อบังคับชำระหนี้ภาษีอากรค้างได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิส่วนบุคคลจากการยินยอมให้ใช้ที่ดินไม่ตกทอดเป็นมรดกเมื่อผู้รับประโยชน์ถึงแก่กรรม
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย แล้วโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันความว่า จำเลยยินยอมให้ที่พิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์ตกลงชำระเงินแก่จำเลย 2,500 บาท และยินยอมให้จำเลยปลูกผักบุ้งชาย คลองหน้าคันดินพิพาทด้วย ศาลพิพากษาตามยอมดังนี้ เมื่อที่พิพาทเป็นที่มีโฉนด มีชื่อ โจทก์ เป็นเจ้าของ การที่โจทก์ยินยอมให้จำเลยสอดเข้ามาเกี่ยวข้อง ย่อมหมายความว่า ยินยอมให้เฉพาะตัวจำเลย และการที่โจทก์ได้ชำระเงิน 2,500 บาท ตอบแทนความยินยอมของจำเลยแล้ว ยังยินยอมให้จำเลยปลูกผักบุ้งที่ชาย คลองหน้าที่พิพาทอีก แสดงว่าไม่ใช่เป็นการยินยอมที่ให้ผูกพันตลอดไป ฉะนั้น เมื่อจำเลยตาย สิทธิของจำเลยย่อมระงับไปไม่ตก ทอดแก่ทายาท ผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรจึงจะขอรับมรดกความต่อไปมิได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเฉพาะตัวในการปลูกผักบุ้งบนที่ดินของผู้อื่น สิ้นสุดเมื่อเจ้าของสิทธิเสียชีวิต ไม่ตกทอดเป็นมรดก
โจทก์จำเลยเคยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยยอมให้ที่พิพาทเป็นของโจทก์ และโจทก์ให้เงินแก่จำเลยจำนวนหนึ่งกับยินยอมให้จำเลยปลูกผักบุ้งชายคลองหน้าคันดินพิพาทดังนี้เป็นการยินยอมให้เฉพาะตัวจำเลยเท่านั้น เมื่อจำเลยตายสิทธิดังกล่าวจึงระงับไป ไม่ตกทอดแก่ทายาท.(ที่มา-เนติ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 383/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทายาทรับผิดหนี้จากการละเมิดของลูกจ้าง: ศาลแรงงานมีอำนาจพิจารณา
บ.ลูกจ้างของโจทก์ขับรถด้วยความประมาทชนขบวนรถไฟเป็นเหตุให้รถโจทก์และรถไฟเสียหาย ต่อมา บ.ถึงแก่กรรม โจทก์ย่อมฟ้องให้จำเลยซึ่งเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ บ.ในฐานะทายาทโดยธรรมให้รับผิดในความเสียหายดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599, 1600 และมาตรา 1629 วรรคสอง และเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างกับ บ.ลูกจ้างเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงาน ศาลแรงงานกลางจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 8(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 383/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของทายาทในหนี้ที่เกิดจากละเมิดของลูกจ้างตามสัญญาจ้างแรงงาน
บ. ลูกจ้างของโจทก์ขับรถด้วยความประมาทชนขบวนรถไฟเป็นเหตุให้รถโจทก์และรถไฟเสียหาย ต่อมา บ. ถึงแก่กรรม โจทก์ย่อมฟ้องให้จำเลยซึ่งเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ บ. ในฐานะทายาทโดยธรรมให้รับผิดในความเสียหายดังกล่าวได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1599,1600และ มาตรา 1629 วรรคสอง และเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างกับ บ. ลูกจ้างเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงาน ศาลแรงงานกลางจึงมีอำนาจพิจารณาตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 8(5).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 383/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดของทายาทในหนี้สินจากละเมิดของลูกจ้างตามสัญญาจ้างแรงงาน
บ.ลูกจ้างของโจทก์ขับรถด้วยความประมาทชนขบวนรถไฟเป็นเหตุให้รถโจทก์และรถไฟเสียหาย ต่อมา บ.ถึงแก่กรรม โจทก์ย่อมฟ้องให้จำเลยซึ่งเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ บ.ในฐานะทายาทโดยธรรมให้รับผิดในความเสียหายดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599,1600 และมาตรา 1629 วรรคสองและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างกับ บ.ลูกจ้างเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงาน ศาลแรงงานกลางจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 8(5).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 139/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินบำเหน็จสงเคราะห์พนักงานถึงแก่กรรมเป็นสิทธิของทายาท ไม่ใช่ทรัพย์มรดก ผู้จัดการมรดกไม่มีอำนาจฟ้อง
สิทธิในเงินบำเหน็จเพื่อสงเคราะห์พนักงานไฟฟ้านครหลวงตกได้แก่ทายาทเนื่องจากการตายของพนักงาน ไม่ใช่ทรัพย์สินที่พนักงานมีอยู่ในระหว่างมีชีวิตหรือมีอยู่ขณะตาย เงินจำนวนนี้จึงไม่เป็นมรดกของผู้ตาย เมื่อตามข้อบังคับว่าด้วยกองทุนเงินบำเหน็จพนักงานระบุให้จ่ายเงินบำเหน็จแก่ทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของพนักงานที่ตาย จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้การไฟฟ้านครหลวงจ่ายเงินบำเหน็จดังกล่าวให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 139/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินบำเหน็จพนักงานถึงแก่กรรม: สิทธิของทายาท ไม่ใช่ทรัพย์มรดก
สิทธิในเงินบำเหน็จเพื่อสงเคราะห์พนักงานไฟฟ้านครหลวงตกได้แก่ทายาทเนื่องจากการตายของพนักงาน ไม่ใช่ทรัพย์สินที่พนักงานมีอยู่ในระหว่างมีชีวิตหรือมีอยู่ขณะตาย เงินจำนวนนี้จึงไม่เป็นมรดกของผู้ตาย เมื่อตามข้อบังคับว่าด้วยกองทุนเงินบำเหน็จพนักงานระบุให้จ่ายเงินบำเหน็จแก่ทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของพนักงานที่ตาย จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้การไฟฟ้านครหลวงจ่ายเงินบำเหน็จดังกล่าวให้แก่โจทก์.