พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายน้ำตาล: ความรับผิดของผู้ขายเมื่อส่งมอบไม่ครบถ้วน และผลของการบังคับซื้อโดยราชการ
โจทก์ได้ทำสัญญาซื้อน้ำตาลจากจำเลย 310 หาบ ซึ่งมีจำนวนแน่นอนอยู่ ณที่ซื้อขายและบรรจุกระสอบไว้เต็มทั้ง 310 กระสอบ กระสอบหนึ่งหนัก 60 กิโลกรัม คือหนึ่งหาบ และน้ำตาลนี้เก็บอยู่เป็นส่วนสัดโดยเฉพาะในการซื้อขายไม่ต้อง ชั่ง ตวงวัดอีก เมื่อโจทก์ได้ชำระราคาเสร็จสิ้นแล้ว แต่ได้มอบให้จำเลยรักษาไว้ ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดกรรมสิทธิ์ในน้ำตาลได้โอนไปยังผู้ซื้อตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 458 แล้ว เมื่อทางราชการบังคับซื้อไป จำเลยก็ไม่ต้องรับผิด
โจทก์ทำสัญญาซื้อน้ำตาลจากจำเลย 1740 หาบ โดยไม่มีน้ำตาลอยู่ณที่ซื้อขาย เป็นน้ำตาลที่จำเลยซื้อจากผู้อื่น แยกเก็บไว้ณที่ต่างๆ โจทก์ยังไม่ได้ตรวจดูและยังไม่ได้ชำระค่าน้ำตาล ให้แก่จำเลยทั้งหมดเป็นแต่วางมัดจำไว้ กำหนดเงื่อนไขว่า ผู้ขายจะต้องนำน้ำตาลไปส่งผู้ซื้อถึงท่าเรือที่ผู้ซื้อนำเรือไปรับ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการซื้อขายเด็ดขาดน้ำตาลยังเป็นของจำเลยอยู่ ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องส่งมอบให้โจทก์เต็มตามสัญญา เมื่อจำเลยส่งไม่ได้ครบจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์แม้น้ำตาลจะขาดหายไปเพราะการละลายไหลตามธรรมชาติของน้ำตาลที่เก็บไว้นานก็ดี จำเลยก็ต้องรับผิด เพราะการขาดหายนั้นได้เป็นไปในขณะที่น้ำตาลยังเป็นของจำเลยอยู่
โจทก์ทำสัญญาซื้อน้ำตาลจากจำเลย 1740 หาบ โดยไม่มีน้ำตาลอยู่ณที่ซื้อขาย เป็นน้ำตาลที่จำเลยซื้อจากผู้อื่น แยกเก็บไว้ณที่ต่างๆ โจทก์ยังไม่ได้ตรวจดูและยังไม่ได้ชำระค่าน้ำตาล ให้แก่จำเลยทั้งหมดเป็นแต่วางมัดจำไว้ กำหนดเงื่อนไขว่า ผู้ขายจะต้องนำน้ำตาลไปส่งผู้ซื้อถึงท่าเรือที่ผู้ซื้อนำเรือไปรับ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการซื้อขายเด็ดขาดน้ำตาลยังเป็นของจำเลยอยู่ ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องส่งมอบให้โจทก์เต็มตามสัญญา เมื่อจำเลยส่งไม่ได้ครบจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์แม้น้ำตาลจะขาดหายไปเพราะการละลายไหลตามธรรมชาติของน้ำตาลที่เก็บไว้นานก็ดี จำเลยก็ต้องรับผิด เพราะการขาดหายนั้นได้เป็นไปในขณะที่น้ำตาลยังเป็นของจำเลยอยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายน้ำตาล: กรรมสิทธิโอนเมื่อใด? ความรับผิดของผู้ขายเมื่อส่งมอบไม่ครบ
โจทก์ได้ทำสัญญาซื้อน้ำตาลจากจำเลย 310 หาบ ซึ่งมีจำนวนแน่นอนอยู่ณที่ซื้อขายและบรรจุกระสอบไว้เต็มทั้ง 310 กระสอบ กระสอบหนึ่งหนัก 60 ก.ก.คือหนึ่งหาบ และน้ำตาลนี้เก็บอยู่เป็นส่วนสัดโดยฉะเพาะในการซื้อขายไม่ต้อง ชั่ง ตวง วัดอีก เมื่อโจทก์ได้ชำระราคาเสร็จสิ้นแล้ว แต่ได้มอบให้จำเลยรักษาไว้ ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดกรรมสิทธิในน้ำตาลได้โอนไปยังผู้ซื้อตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 458 แล้ว เมื่อทางราชการบังคับซื้อไป จำเลยก็ไม่ต้องรับผิด.
โจทก์ทำสัญญาซื้อน้ำตาลจากจำเลย 1740 หาบ โดยไม่มีน้ำตาลอยู่ณที่ซื้อขาย เป็นน้ำตาลที่จำเลยซื้อจากผู้อื่น แยกเก็บไว้ณที่ต่าง ๆ โจทก์ยังไม่ได้ตรวจดูและยังไม่ได้ชำระค่าน้ำตาล ให้แก่จำเลยทั้งหมดเป็นแต่วางมัดจำไว้ กำหนดเงื่อนไขว่า ผู้ขายจะต้องนำน้ำตาลไปส่งผู้ซื้อถึงท่าเรือที่ผู้ซื้อนำเรือไปรับ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการซื้อขายเด็ดขาด น้ำตาลยังเป็นของจำเลยอยู่ ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องส่งมอบให้โจทก์เต็มตามสัญญา เมื่อจำเลยส่งไม่ได้ครบจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ แม้น้ำตาลจะขาดหายไปเพราะการละลายไหลตามธรรมชาติของน้ำตาลที่เก็บไว้นานก็ดี จำเลยก็ต้องรับผิด เพราะการขาดหายนั้นได้เป็นไปในขณะที่น้ำตาลยังเป็นของจำเลยอยู่.
โจทก์ทำสัญญาซื้อน้ำตาลจากจำเลย 1740 หาบ โดยไม่มีน้ำตาลอยู่ณที่ซื้อขาย เป็นน้ำตาลที่จำเลยซื้อจากผู้อื่น แยกเก็บไว้ณที่ต่าง ๆ โจทก์ยังไม่ได้ตรวจดูและยังไม่ได้ชำระค่าน้ำตาล ให้แก่จำเลยทั้งหมดเป็นแต่วางมัดจำไว้ กำหนดเงื่อนไขว่า ผู้ขายจะต้องนำน้ำตาลไปส่งผู้ซื้อถึงท่าเรือที่ผู้ซื้อนำเรือไปรับ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการซื้อขายเด็ดขาด น้ำตาลยังเป็นของจำเลยอยู่ ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องส่งมอบให้โจทก์เต็มตามสัญญา เมื่อจำเลยส่งไม่ได้ครบจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ แม้น้ำตาลจะขาดหายไปเพราะการละลายไหลตามธรรมชาติของน้ำตาลที่เก็บไว้นานก็ดี จำเลยก็ต้องรับผิด เพราะการขาดหายนั้นได้เป็นไปในขณะที่น้ำตาลยังเป็นของจำเลยอยู่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 698/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยครอบครองปรปักษ์และการโอนที่ดินโดยไม่สุจริต
โจทก์ครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ตามมาตรา 1382 แล้วได้ไปกู้เงินโดยเอาโฉนดที่พิพาทให้เจ้าหนี้ยึดไว้
จำเลยที่ 1 ลอบไปไถ่คืนเอาโฉนดมาจากเจ้าหนี้ของโจทก์แล้วโอนใส่ชื่อจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของโดยโจทก์ไม่ทราบแล้วจำเลยที่ 1 ยังโอนยกให้จำเลยที่ 2 ผู้เป็นบุตรดังนี้ การโอนโฉนดลงชื่อจำเลยที่ 1 ก็ดีการโอนระหว่างจำเลยที่ 1 กับ ที่ 2 ก็ดี เป็นไปโดยไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทนจำเลยทั้งสองจะยกมาตรา 1299,1300 ขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้
จำเลยที่ 1 ลอบไปไถ่คืนเอาโฉนดมาจากเจ้าหนี้ของโจทก์แล้วโอนใส่ชื่อจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของโดยโจทก์ไม่ทราบแล้วจำเลยที่ 1 ยังโอนยกให้จำเลยที่ 2 ผู้เป็นบุตรดังนี้ การโอนโฉนดลงชื่อจำเลยที่ 1 ก็ดีการโอนระหว่างจำเลยที่ 1 กับ ที่ 2 ก็ดี เป็นไปโดยไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทนจำเลยทั้งสองจะยกมาตรา 1299,1300 ขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 698/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทนหลังเจ้าของได้กรรมสิทธิ์แล้ว
โจทก์ครองครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิตามมาตรา 1382 แล้วได้ไปกู้เงินโดยเอาโฉนดที่พิพาทให้เจ้าหนี้ยึดไว้ จำเลยที่ 1 ลอบไปไถ่คืนเอาโฉนดมาจากเจ้าหนี้ของโจทก์ แล้วโอนใส่ชื่อจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของโดยโจทก์ไม่ทราบ แล้วจำเลยที่ 1 ยังโอนยกให้จำเลยที่ 2 ผู้เป็นบุตร ดังนี้ การโอนโฉนดลงชื่อจำเลยที่ 1 ก็ดีการโอนระหว่างจำเลยที่ 1 กับ ที่ 2 ก็ดี เป็นไปโดยไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทน จำเลยทั้งสองจะยกมาตรา 1299, 1300 ขึ้น ต่อสู้โจทก์ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความยินยอมในการจำนำทรัพย์สิน และสิทธิการครอบครองที่ได้มาจากการทำสัญญา
โจทก์ฟ้องว่า นายโทนได้กู้เงินโจทก์ไปและมอบที่นาไม่มีโฉนดให้โจทก์เป็นประกัน โดยมีข้อตกลงว่า เมื่อพ้น 6 เดือนนับแต่วันทำสัญญากู้ ยอมให้ที่นาตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้กู้ โจทก์ได้ครอบครองมา 6 ปีแล้ว ขอให้ขับไล่จำเลย จำเลยต่อสู้ว่านาพิพาทเป็นของจำเลยได้ให้นายโทนยืมไปให้โจทก์ทำต่างดอกเบี้ย เมื่อทางพิจารณาได้ความว่านายโทนได้นำนาไปมอบให้โจทก์โดยความยินยอมของจำเลย และจำเลยได้แถลงรับว่า ก่อนจะจำนำนา นายโทนได้ปรึกษากับจำเลยก่อนแล้วและในคำให้การจำเลยมิได้ปฏิเสธในข้อที่นายโทนไปทำสัญญากับโจทก์ ยอมให้ที่หลุดเป็นสิทธิแต่ประการใดไม่ดังนี้ ตามพฤติการณ์จึงส่อแสดงให้เข้าใจว่านายโทนทำไปโดยความยินยอมของจำเลย โจทก์จึงได้สิทธิครอบครองในที่รายนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมให้จำนอง/โอนสิทธิในที่ดิน การได้มาซึ่งสิทธิครอบครองโดยชอบธรรม
โจทก์ฟ้องว่า นายโทนได้กู้เงินโจทก์ไปและมอบที่นาไม่มีโฉนดให้โจทก์เป็นประกันโดยมีข้อตกลงว่า เมื่อพ้น 6 เดือนนับแต่วันทำสัญญากู้ ยอมให้ที่นาตกเป็นกรรมสิทธิของผู้ให้กู้ โจทก์ได้ครอบครองมา 6 ปีแล้ว ขอให้ขับไล่จำเลย ๆ ต่อสู้ว่านาพิพาทเป็นของจำเลยได้ให้นายโทนยืมไปให้โจทก์ทำต่างดอกเบี้ย เมื่อทางพิจารณาได้ความว่านายโทนได้นำนาไปมอบให้โจทก์โดยความยินยอมของจำเลย และจำเลยได้แถลงรับว่า ก่อนจะจำนำนา นายโทนได้ปรึกษากับจำเลยก่อนแล้วและในคำให้การจำเลยมิได้ปฏิเสธในข้อที่นายโทนไปทำสัญญากับโจทก์ ยอมให้ที่หลุดเป็นสิทธิแต่ประการใดไม่ ดังนี้ ตามพฤตติการณ์จึงส่อแสดงให้เข้าใจว่านายโทนทำไปโดยความยินยอมของจำเลย โจทก์จึงได้สิทธิครอบครองในที่รายนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาแสวงหาประโยชน์จากการเป็นความขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรม
โจทก์จำเลยทำสัญญากันว่าโจทก์จ่ายเงินให้จำเลยในการที่จำเลยจะหาทนายฟ้องนายหมะ เรื่องแย่งกรรมสิทธิที่ดิน 6 แปลง ถ้าแพ้คดีนายหมะ เงินที่โจทก์จ่ายไปเป็นพับ ถ้าคดีชนะจำเลยยอมมอบกรรมสิทธิที่ดิน 6 แปลงให้แก่โจทก์ แต่โจทก์ต้องเลี้ยงดูจำเลยจนตลอดชีวิตร ดังนี้ เป็นสัญญาที่ทำขึ้นโดยตกลงให้ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากการเป็นความ ซึ่งคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งไม่มีส่วนในมูลคดีนั้น ๆ ย่อมเป็นการแสวงหาประโยชน์จากผู้อื่น อันเป็นความกัน นับว่าเป็นการขัดแก่ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนตาม ป.ม.แพ่ง มาตรา 113
(อ้างฎีกา 510 / 2468)
(อ้างฎีกา 510 / 2468)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 668/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอโอนโฉนดขัดแย้งกับพินัยกรรมและคำอ้างของโจทก์ เจ้าพนักงานที่ดินชอบที่จะไม่จัดการตามคำขอ
ฝ่ายโจทก์ยื่นคำร้องขอโอนโฉนดโดยอ้างว่า ผู้ตายทำพินัยกรรม์ตั้งพวกตนเป็นผู้จัดการมฤดก แต่พวกโจทก์กลับขอให้เจ้าพนักงานลงชื่อพวกตนเป็นผู้รับมฤดกโดยตรง คำขอของโจทก์จึงขัดต่อคำอ้างและเป็นคำขอที่ขัดต่อพินัยกรรม์ เจ้าพนักงานที่ดินชอบที่จะไม่จัดการให้ตามคำขอของโจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 668/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอโอนมรดกขัดแย้งกับคำอ้างและพินัยกรรม เจ้าพนักงานที่ดินชอบที่จะไม่จัดการได้
ฝ่ายโจทก์ยื่นคำร้องขอโอนโฉนดโดยอ้างว่าผู้ตายทำพินัยกรรมตั้งพวกตนเป็นผู้จัดการมรดก แต่พวกโจทก์กลับขอให้เจ้าพนักงานลงชื่อพวกตนเป็นผู้รับมรดกโดยตรง คำขอของโจทก์จึงขัดต่อคำอ้างและเป็นคำขอที่ขัดต่อพินัยกรรมเจ้าพนักงานที่ดินชอบที่จะไม่จัดการให้ตามคำขอของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายสวนยางจากผู้ไม่มีสิทธิ เจ้าของเดิมไม่ทราบการซื้อขาย แม้สุจริตก็ใช้ไม่ได้
สวนยางซึ่งมีใบเหยียบย่ำเดิมเป็นของจำเลย ได้มอบให้เจ้าหนี้ยึดไว้เป็นประกัน ต่อมามีบุคคลภายนอกเอาสวนยางนี้ไปหลอกขายให้โจทก์ทำหนังสือซื้อขายที่อำเภอโดยจำเลยไม่ทราบ ดังนี้ แม้โจทก์จะได้รับซื้อไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ก็จะอ้างการจดทะเบียนซื้อขายนั้นมายันแก่จำเลยผู้เป็นเจ้าของไม่ได้