คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประวัติ ปัตตพงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายทรัพย์สินจากบุคคลไม่มีสิทธิ แม้สุจริตและเสียค่าตอบแทน ก็ใช้ยันเจ้าของเดิมไม่ได้
สวนยางซึ่งมีใบเหยียบย่ำเดิมเป็นของจำเลย ได้มอบให้เจ้าหนี้ยึดไว้เป็นประกัน ต่อมามีบุคคลภายนอกเอาสวนยางนี้ไปหลอกขายให้โจทก์ทำหนังสือซื้อขายที่อำเภอ โดยจำเลยไม่ทราบ ดังนี้ แม้โจทก์จะได้รับซื้อไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ก็จะอ้างการจดทะเบียนซื้อขายนั้นมายันแก่จำเลยผู้เป็นเจ้าของไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 649/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินมือเปล่าสำเร็จเมื่อส่งมอบการครอบครองและชำระราคา สัญญาขอโฉนดเป็นสัญญาเพิ่มเติมไม่ใช่เหตุบอกเลิก
การซื้อขายที่ดินมือเปล่าที่มีแต่เพียงสิทธิครอบครอง เมื่อได้มีการส่งการครอบครอง และชำระราคากันเสร็จไปแล้ว ย่อมเป็นผลสำเร็จในการโอน ความเป็นเจ้าของทรัพย์ให้แก่ผู้ซื้อ และการที่มีข้อสัญญาผูกพันไว้อีกชั้นหนึ่งว่า ผู้ขายจำต้องจัดการขอโฉนดและโอนโฉนดให้ผู้ซื้อ ถ้าผู้ขายไม่ปฏิบัติตามสัญญาในเรื่องขอโฉนดและโอนโฉนดให้ผู้ซื้อ ผู้ขายยอมให้ปรับ 1200 บาท และในข้อสัญญาตอนท้ายมีความว่า ถ้าผู้ซื้อไม่ยอมรับโอนโฉนด ผู้ขายจะต้องคืนเงินราคาที่ขาย ดังนี้ ข้อสัญญานี้มิใช่เป็นเรื่องให้สิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาซื้อขาย โดยอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยินยอม
โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้องกับที่พิพาท โดยมิได้ฟ้องขอให้จำเลยปฏิบัติการออกโฉนดและโอนโฉนดให้โจทก์ ดังนี้ จะขอให้ศาลสั่งเจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดใส่ชื่อโจทก์แทนไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 649/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินมือเปล่า: การส่งมอบที่ดินและชำระราคาถือเป็นการโอนความเป็นเจ้าของ แม้มีข้อสัญญาเรื่องโฉนด
การซื้อขายที่ดินมือเปล่าที่มีแต่เพียงสิทธิครอบครองเมื่อได้มีการส่งการครอบครองและชำระราคากันเสร็จไปแล้ว ย่อมเป็นผลสำเร็จในการโอนความเป็นเจ้าของทรัพย์ให้แก่ผู้ซื้อ และการที่มีข้อสัญญาผูกพันไว้อีกชั้นหนึ่งว่า ผู้ขายจำต้องจัดการขอโฉนดและโอนโฉนดให้ผู้ซื้อถ้าผู้ขายไม่ปฏิบัติตามสัญญาในเรื่องขอโฉนดและโอนโฉนดให้ผู้ซื้อ ผู้ขายยอมให้ปรับ 1200 บาท และในข้อสัญญาตอนท้ายมีความว่า ถ้าผู้ซื้อไม่ยอมรับโอนโฉนดผู้ขายจะต้องคืนเงินราคาที่ขายดังนี้ ข้อสัญญานี้มิใช่เป็นเรื่องให้สิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาซื้อขาย โดยอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยินยอม
โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้องกับที่พิพาทโดยมิได้ฟ้องขอให้จำเลยปฏิบัติการออกโฉนดและโอนโฉนดให้โจทก์ ดังนี้ จะขอให้ศาลสั่งเจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดใส่ชื่อโจทก์แทนไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 648/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ฟ้องต้องมีเหตุอันควร: ฟ้องผิดวัน จำเลยเสียเปรียบ
พฤติการณ์ที่ถือว่า ไม่มีเหตุอันควรที่โจทก์จะขอแก้ฟ้องได้ ตามมาตรา 163 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 648/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอแก้ฟ้องต้องมีเหตุอันควร การฟ้องผิดวันไม่ใช่เหตุเข้าใจผิดเรื่องท้องที่
พฤตติการณ์ที่ถือว่า ไม่มีเหตุอันควรที่โจทก์จะขอแก้ฟ้องได้ ตามมาตรา 163 ป.ม.วิ.อาญา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนย้ายข้าวภายในจังหวัดและการแจ้งประกาศทางกฎหมาย จำเลยไม่ต้องรับผิด
ฟ้องโจทก์หาว่า จำเลยตั้งใจขนย้ายข้าวภายในเขตจังหวัดเดียวกัน โดยขนย้ายไปทางทะเลนั้น ดังนี้การกระทำของจำเลย ไม่เป็นผิดตามมาตรา 10,13 พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งเอาผิดแก่ผู้ขนย้ายข้าวออกนอกเขต ซึ่งคณะกรรมการประกาศกำหนดคดีก็ไม่มีทางลงโทษจำเลยได้
คดีหาว่า จำเลยขนย้ายข้าวทางทะเล อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะกรมการจังหวัด ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคนั้น เมื่อพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์มิได้แสดงว่า จำเลยได้ทราบหรือควรได้ทราบประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว คดีก็ลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนย้ายข้าวภายในจังหวัดเดียวกันไม่อยู่ภายใต้การบังคับใช้ พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว หากไม่มีการขนย้ายออกนอกเขต และการลงโทษต้องพิสูจน์ได้ว่าจำเลยทราบประกาศ
ฟ้องโจทก์หาว่า จำเลยตั้งใจขนย้ายข้าวภายในเขตต์จังหวัดเดียวกัน โดยขนย้ายไปทางทะเลนั้น ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดตามมาตรา 10,13 พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งเอาผิดแก่ผู้ขนย้ายข้าวออกนอกเขตต์ ซึ่งคณะกรรมการประกาศกำหนดคดีก็ไม่มีทางลงโทษจำเลยได้
คดีหาว่า จำเลยขนย้ายข้าวทางทะเล อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะกรมการจังหวัด ซึ่งออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคนั้น เมื่อพะยานหลักฐานฝ่ายโจทก์มิได้แสดงว่าจำเลยได้ทราบหรือควรได้ทราบประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว คดีก็ลงโทษจำเลยไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 633/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีกู้ยืมเงินและทองรูปพรรณตามพยานหลักฐานและข้อตกลงร่วม
คู่ความตกลงกันสืบพะยานร่วมคนเดียว แล้วให้ศาลพิพากษาไป เมื่อสืบพะยานร่วมเสร็จ คู่ความก็ขอให้ศาลนัดตัดสิน ดังนี้ เมื่อคำเบิกความของพะยานฟังเป็นแน่นอนไม่ได้ ก็ไม่สมควรที่จะให้มีการพิจารณากันใหม่ แต่ต้องกลับไปพิจารณาถึงประเด็นแห่งคดี คือ จำเลยให้การฟ้องแย้งว่าได้มอบทองไว้แก่โจทก์หนัก 4 บาท 2 สลึง โจทก์ให้การว่า ทองที่มอบไว้มีน้ำหนักเพียงบาทเดียว เมื่อจำเลยไม่มีพะยานสนับสนุนคำกล่าวอ้าง ก็ต้องฟังตามคำรับของโจทก์ว่า มีน้ำหนักเพียงบาทเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 633/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเรื่องน้ำหนักทองตามสัญญาเงินกู้ การพิจารณาตามคำรับของจำเลยเมื่อไม่มีพยานสนับสนุน
คู่ความตกลงกันสืบพยานร่วมคนเดียว แล้วให้ศาลพิพากษาไปเมื่อสืบพยานร่วมเสร็จ คู่ความก็ขอให้ศาลนัดตัดสิน ดังนี้ เมื่อคำเบิกความของพยานฟังเป็นแน่นอนไม่ได้ ก็ไม่สมควรที่จะให้มีการพิจารณากันใหม่แต่ต้องกลับไปพิจารณาถึงประเด็นแห่งคดี คือ จำเลยให้การฟ้องแย้งว่าได้มอบทองไว้แก่โจทก์หนัก 4 บาท 2 สลึง โจทก์ให้การว่า ทองที่มอบไว้มีน้ำหนักเพียงบาทเดียว เมื่อจำเลยไม่มีพยานสนับสนุนคำกล่าวอ้าง ก็ต้องฟังตามคำรับ ของโจทก์ว่า มีน้ำหนักเพียงบาทเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 612/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่ต้องพิสูจน์การครอบครอง หากไม่พิสูจน์แม้มีสิทธิในที่ดินก็ขับไล่ไม่ได้
จำเลยอยู่ในที่พิพาทมา 10 ปีเศษ โจทก์ฟ้องขับไล่โดยอ้างว่า จำเลยอาศัยแล้วไม่ยอมออก ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่นำสืบว่าจำเลยอาศัยก็ขับไล่ไม่ได้แม้โจทก์จะมีตราจองก็ตาม
of 172