พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 612/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ต้องพิสูจน์การครอบครอง หากไม่พิสูจน์แม้มีสิทธิในที่ดินก็ขับไล่ไม่ได้
จำเลยอยู่ในที่พิพาทมา 10 ปีเศษ โจทก์ฟ้องขับไล่โดยอ้างว่า จำเลยอาศัยแล้วไม่ยอมออก ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่นำสืบว่าจำเลยอาศัยก็ขับไล่ไม่ได้แม้โจทก์จะมีตราจองก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 611/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ที่ดินมือเปล่า: หมดสิทธิฟ้องคืนเมื่อทราบการแย่งการครอบครองเกิน 1 ปี
แม้ที่พิพาทซึ่งเป็นที่มือเปล่าจะเป็นของโจทก์ และโจทก์ได้ฝากหรือให้จำเลยเช่าต่อมาก็ดี เมื่อโจทก์จะ ขอเอาคืน จำเลยได้ตั้งตัวเป็นปรปักษ์ โต้เถียงว่า ที่พิพาทตกเป็นสิทธิแก่จำเลยแล้วโดยสามีโจทก์ขายให้ ดังนี้ การครอบครองในตอนนี้เป็นการครอบครองปรปักษ์ และเป็นการแย่งสิทธิครอบครองของโจทก์ซึ่งโจทก์ทราบได้ดีแล้ว แต่ไม่ได้จัดการฟ้องคดีเสียในกำหนดหนึ่งปี จึงหมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองของตนได้ ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1375.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 611/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการหมดสิทธิฟ้องแย่งการครอบครอง ที่ดินมือเปล่า
แม้ที่พิพาทซึ่งเป็นที่มือเปล่าจะเป็นของโจทก์ และโจทก์ได้ฝากหรือให้จำเลยเช่าต่อมาก็ดี เมื่อโจทก์จะเวนคืน จำเลยได้ตั้งตัวเป็นปรปักษ์ โต้เถียงว่าที่พิพาทตกเป็นสิทธิแก่จำเลยแล้วโดยสามีโจทก์ขายให้ดังนี้ การครอบครองในตอนนี้เป็นการครอบครองปรปักษ์ และเป็นการแย่งสิทธิครอบครองของโจทก์ซึ่งโจทก์ทราบได้ดีแล้ว แต่ไม่ได้จัดการฟ้องคดีเสียในกำหนดหนึ่งปีจึงหมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองของตนได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินจากการครอบครอง โดยมีเอกสารยกที่ดินที่ไม่สมบูรณ์และระยะเวลาครอบครองที่แตกต่างกัน
หนังสือยกให้ที่ดิน แม้จะไม่สมบูรณ์เพราะมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และมิใช่พินัยกรรม เพราะไม่มีข้อกำหนดเผื่อตายก็ตาม ก็ยังเป็นการแสดงเจตนาว่าเจ้าของที่ดินได้สละสิทธิครอบครองให้แก่ผู้รับแล้ว
ที่สวนผลไม้และสวนจากนั้น เจ้าของต้องละทิ้งช้านานถึง 9-10 ปี จึงจะขาดกรรมสิทธิ์
(ฎีกา 1071-1072/82)
ที่นาซึ่งไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ ครอบครองเกินกว่า 1 ปี ย่อมได้สิทธิ
ที่สวนผลไม้และสวนจากนั้น เจ้าของต้องละทิ้งช้านานถึง 9-10 ปี จึงจะขาดกรรมสิทธิ์
(ฎีกา 1071-1072/82)
ที่นาซึ่งไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ ครอบครองเกินกว่า 1 ปี ย่อมได้สิทธิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิจากการครอบครองที่ดิน แม้ไม่มีหนังสือสำคัญ และผลของการยกที่ดินโดยไม่ได้จดทะเบียน
หนังสือยกให้ที่ดิน แม้จะไม่สมบูรณ์เพราะมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และมิใช่พินัยกรรม์ เพราะไม่มีข้อกำหนดเผื่อตายก็ตาม ก็ยังเป็นการแสดงเจตนาว่าเจ้าของที่ดินได้สละสิทธิครอบครองให้แก่ผู้รับแล้ว
ที่สวนผลไม้และสวนจากนั้น เจ้าของต้องละทิ้งช้านานถึง 9-10 ปี จึงจะขาดกรรมสิทธิ
(ฎีกา 1071-1072/82)
ที่นาซึ่งไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ ครอบครองเกินกว่า 1 ปีย่อมได้สิทธิ.
ที่สวนผลไม้และสวนจากนั้น เจ้าของต้องละทิ้งช้านานถึง 9-10 ปี จึงจะขาดกรรมสิทธิ
(ฎีกา 1071-1072/82)
ที่นาซึ่งไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ ครอบครองเกินกว่า 1 ปีย่อมได้สิทธิ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 596/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนย้ายข้าวภายในจังหวัด การตีความประกาศคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว และความผิดตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว
โจทก์ฟ้องจำเลยหาว่า ขนย้ายข้าวทางทะเล เป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ขอให้ลงโทษฐานขนย้ายข้าวออกนอกเขต แต่ประกาศของคณะกรรมการ ดังที่โจทก์ฟ้องปรากฏว่า เป็นประกาศอนุญาตให้ขนย้ายข้าวได้ภายในเขตจังหวัดเดียวกัน ดังนี้ จำเลยหามีความผิดฐานขนย้ายข้าวออกนอกเขตตามฟ้องโจทก์ไม่เพราะการที่จะเป็นผิดตามมาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าวที่โจทก์อ้างต้องปรากฏว่าเป็นการขนย้ายออกนอกเขตตามมาตรา 10 เสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 596/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนย้ายข้าวภายในจังหวัด: ไม่ผิดกฎหมายหากไม่เป็นการขนย้ายออกนอกเขตที่ห้าม
โจทก์ฟ้องจำเลยหาว่า ขนย้ายข้าวทางทะเล เป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ขอให้ลงโทษฐานขนย้ายข้าวออกนอกเขตต์ แต่ประกาศของคณะกรรมการดังที่โจทก์ฟ้องปรากฎว่า เป็นประกาศอนุญาตให้ขนย้ายข้าวได้ภายในเขตต์จังหวัดเดียวกัน ดังนี้ จำเลยหามีความผิดฐานขนย้ายข้าวออกนอกเขตต์ตามฟ้องโจทก์ไม่ เพราะการที่จะเป็นผิดตาม มาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าวที่โจทก์อ้าง ต้องปรากฎว่าเป็นการขนย้ายออกนอกเขตต์ตามมาตรา 10 เสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 584/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิในที่ดิน: โอนโดยสุจริตและจดทะเบียน vs. ครอบครองปรปักษ์ที่ยังไม่ได้จดทะเบียน
ที่พิพาทเป็นที่มีโฉนดแผนที่แล้ว และโจทก์ได้รับโอนกรรมสิทธิมาจนบัดนี้ ยังไม่ถึง 10 ปี ฉะนั้นแม้จำเลยจะเป็นผู้ครอบครองติดต่อมาตลอดเวลากว่า 30 ปีแล้ว แต่เมื่อสิทธิการครอบครองของจำเลยยังมิได้จดทะเบียนแล้ว จำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับโจทก์ซึ่งได้รับโอนกรรมสิทธิที่พิพาทมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริต และจดทะเบียนการรับโอนนั้นแล้วไม่ได้ ดังที่บัญญัติไว้ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1299.
ข้อที่ว่าโจทก์ซื้อโดยไม่สุจริตนั้น เมื่อจำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้นจะยกขึ้นมากล่าวอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้.
ข้อที่ว่าโจทก์ซื้อโดยไม่สุจริตนั้น เมื่อจำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้นจะยกขึ้นมากล่าวอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 584/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดิน: การโอนโดยสุจริตและจดทะเบียนมีผลเหนือการครอบครองแม้ระยะเวลานาน
ที่พิพาทเป็นที่มีโฉนดแผนที่แล้ว และโจทก์ได้รับโอนกรรมสิทธิ์มาจนบัดนี้ ยังไม่ถึง 10 ปี ฉะนั้นแม้จำเลยจะเป็นผู้ครอบครองติดต่อมาตลอดเวลากว่า 30 ปีแล้ว แต่เมื่อสิทธิการครอบครองของจำเลยยังมิได้จดทะเบียนแล้ว จำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับโจทก์ซึ่งได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริต และจดทะเบียนการรับโอนนั้นแล้วไม่ได้ ดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299
ข้อที่ว่าโจทก์ซื้อโดยไม่สุจริตนั้น เมื่อจำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้นจะยกขึ้นมากล่าวอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้
ข้อที่ว่าโจทก์ซื้อโดยไม่สุจริตนั้น เมื่อจำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้นจะยกขึ้นมากล่าวอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 573/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียกรับเงินเพื่อเอื้อประโยชน์ในการโอนเรือ ถือเป็นการทุจริตและมีความผิดตามกฎหมายอาญา
โจทก์ได้ไปร้องขอให้กรมเจ้าท่าทำการโอนขายเรือของโจทก์ให้แก่ ส. ในชั้นแรกไม่ได้รับอนุญาตให้โอน จำเลยซึ่งเป็นรองอธิบดีกรมเจ้าท่า ได้เรียกร้องให้โจทก์ชำระเงิน 56000 บาท เพื่อเป็นค่าทำถนนในกรมเจ้าท่าเสียก่อนจึงจะอนุญาตให้ทำการโอนได้ โจทก์จึงจำต้องชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่จำเลย แล้วจำเลยจึงได้สั่งอนุญาตให้ทำการโอนเรือในวันนั้นเอง ดังนี้แม้จำเลยจะนำสืบได้ว่าได้เอาเงินจำนวนนี้ไปใช้ลาดยางทำถนนให้แก่กรมเจ้าท่า จำเลยก็ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำการทุจจริตตามนัยแห่งมาตรา 6 (3) กฎหมายอาญา โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายจากการกระทำของจำเลยและมีสิทธิที่จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยได้
กรณีเช่นนี้ย่อมแตกต่างกับเรื่องเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ซึ่งเป็นการให้เงินแก่กันโดยสมัครใจ
(อ้างฎีกา 406/2486, 394/131)
กรณีเช่นนี้ย่อมแตกต่างกับเรื่องเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ซึ่งเป็นการให้เงินแก่กันโดยสมัครใจ
(อ้างฎีกา 406/2486, 394/131)