คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประวัติ ปัตตพงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 573/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกรับเงินเพื่อเอื้อประโยชน์ในการโอนเรือ ถือเป็นการทุจริตและมีความผิดตามกฎหมายอาญา
โจทก์ได้ไปร้องขอให้กรมเจ้าท่าทำการโอนขายเรือของโจทก์ให้แก่ ส. ในชั้นแรกไม่ได้รับอนุญาตให้โอน จำเลยซึ่งเป็นรองอธิบดีกรมเจ้าท่า ได้เรียกร้องให้โจทก์ชำระเงิน 56000 บาท เพื่อเป็นค่าทำถนนในกรมเจ้าท่าเสียก่อนจึงจะอนุญาตให้ทำการโอนได้ โจทก์จึงจำต้องชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่จำเลย แล้วจำเลยจึงได้สั่งอนุญาตให้ทำการโอนเรือในวันนั้นเอง ดังนี้แม้จำเลยจะนำสืบได้ว่าได้เอาเงินจำนวนนี้ไปใช้ลาดยางทำถนนให้แก่กรมเจ้าท่า จำเลยก็ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำการทุจจริตตามนัยแห่งมาตรา 6 (3) กฎหมายอาญา โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายจากการกระทำของจำเลยและมีสิทธิที่จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยได้
กรณีเช่นนี้ย่อมแตกต่างกับเรื่องเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ซึ่งเป็นการให้เงินแก่กันโดยสมัครใจ
(อ้างฎีกา 406/2486, 394/131)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 537/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการสั่งเนรเทศตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร ไม่ใช่การพิพากษา
การเนรเทศบุคคลไปนอกพระราชอาณาจักรไทยตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ.2490 มาตรา 31 นั้น ไม่ใช่กรณีที่ให้ศาลพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 537/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการเนรเทศตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร ไม่ใช่การพิพากษา
การเนรเทศบุคคลไปนอกพระราชอาณาจักรไทยตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควา พ.ศ. 2490 มาตรา 31 นัน ไม่ใช่กรณีที่ให้ศาลพิพากษา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดที่ดินตาม ม.254-255 ว.พ.พ. ศาลต้องไต่สวนก่อนมีคำสั่ง
ศาลชั้นต้นสั่งให้หอทะเบียนที่ดินโอนโฉนดให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาหอทะเบียนจัดการแล้ว จำเลยยื่นอุทธรณ์และได้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ ขอให้สั่งอายัดที่ดินพิพาทมิให้โจทก์โอนขายหรือเพิ่มจำนวนเงินจำนองดังนี้ เป็นการยื่นตามมาตรา 254 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลอุทธรณ์สั่งอนุญาตตามคำขอโดยมิได้มีการไต่สวน จึงเป็นการไม่ชอบตามมาตรา 255
(อ้างฎีกา 444/2490)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการเปลี่ยนแปลงฐานะการยึดถือที่ดิน กรณีต่างดอกเบี้ย
ข้อเท็จจริงได้ความว่า บิดาโจทก์ได้มอบที่พิพาท ซึ่งเป็นที่มือเปล่าให้จำเลยทำต่างดอกเบี้ย บิดาโจทก์ตายแล้วนางแย้มขายที่พิพาทให้จำเลย จำเลยครอบครองอย่างเป็นเจ้าของมา 4 ปี โจทก์ยังเถียงอยู่ว่า นางแย้มไม่ใช่ภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดาโจทก์ และยังเถียงอยู่ว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์มาแต่เดิม ได้ความเพียงนี้ยังไม่เพียงพอที่จะชี้ว่าจำเลยได้สิทธิครอบครอง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกคืน
บิดาโจทก์มอบให้จำเลยยึดถือที่นาทำต่างดอกเบี้ย จำเลยจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือได้ก็แต่โดยมีกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา 1381 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินจากการยึดถือต่างดอกเบี้ยและการเปลี่ยนแปลงฐานะทางกฎหมาย จำเป็นต้องมีการสืบพยานเพื่อพิสูจน์ความเป็นเจ้าของ
ข้อเท็จจริงได้ความว่า บิดาโจทก์ได้มอบที่พิพาท ซึ่งเป็นที่มือเปล่าให้จำเลยทำต่างดอกเบี้ย บิดาโจทก์ตายแล้วนางแย้มขายที่พิพาทให้จำเลย จำเลยครอบครองอย่างเป็นเจ้าของมา 4 ปี โจทก์ยังเถียงอยู่ว่า นางแย้มไม่ใช่ภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดาโจทก์ และยังเถียงอยู่ว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์มาแต่เดิม ได้ความเพียงนี้ยังไม่เพียงพอที่จะชี้ว่าจำเลยได้สิทธิครอบครอง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกคืน
บิดาโจทก์มอบให้จำเลยยึดถือที่นาทำต่างดอกเบี้ย จำเลยจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือได้ก็แต่โดยมีกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา 1381 ป.ม.แพ่ง ฯ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 487/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาและการยื่นฎีกาก่อนคู่ความอีกฝ่ายได้รับฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
โจทก์ยื่นฎีกาก่อนจำเลยฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาจะรับฎีกาโจทก์ไว้พิจารณาไม่ได้ เพราะได้ยื่นก่อนที่มีสิทธิจะฎีกาได้.
(อ้างฎีกาที่ 218/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 485/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามตามลักษณะอาญาใช้ได้กับ พรบ.สำรวจข้าว การพิพากษาไม่ได้วินิจฉัยนอกสำนวน
ความผิดฐานพยายามที่ได้บัญญัติไว้ในภาค 1 แห่ง ก.ม.ลักษณะอาญา ย่อมนำมาใช้ใน พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าวได้
ปรากฎตามคำพะยานโจทก์ว่า จำเลยซื้อข้าวในอำเภอบางเลนเพียงเกวียนเดียว อีก 25 เกวียนจำเลยแสดงไม่ได้ว่าซื้อมาจากที่ใด แต่ปรากฎว่าเจ้าพนักงานจับข้าวทั้ง 26 เกวียนได้ในอำเภอบางเลน กำลังจะเอาออกนอกเขตต์อำเภอบางเลน การที่ศาลพิพากษาว่า จำเลยนำข้าว 26 เกวียนออกนอกเขตต์ จึงไม่ใช่การวินิจฉัยคำพะยานหลักฐานนอกสำนวน
จำเลยนำข้าวออกนอกเขตต์อีก 8 เส้นจะพ้นเขตต์อำเภอบางเลน ถ้าหากเจ้าพนักงานไม่จับจำเลยได้เสียก่อน จำเลยก็นำข้าวออกไปได้สำเร็จการกระทำของจำเลยผ่านคั่นตระเตรียมการเข้าคั่นพยายามแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 485/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามตามกฎหมายลักษณะอาญาใช้ได้กับพ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว การกระทำผ่านขั้นตระเตรียมเข้าสู่พยายาม
ความผิดฐานพยายามที่ได้บัญญัติไว้ในภาค 1 แห่งกฎหมายลักษณะอาญา ย่อมนำมาใช้ในพ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าวได้
ปรากฏตามคำพยานโจทก์ว่า จำเลยซื้อข้าวในอำเภอบางเลนเพียงเกวียนเดียว อีก 25 เกวียนจำเลยแสดงไม่ได้ว่าซื้อมาจากที่ใด แต่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานจับข้าวทั้ง 26 เกวียนได้ในอำเภอบางเลน กำลังจะเอาออกนอกเขตอำเภอบางเลน การที่ศาลพิพากษาว่า จำเลยนำข้าว 26 เกวียนออกนอกเขต จึงไม่ใช่การวินิจฉัยคำพยานหลักฐานนอกสำนวน
จำเลยนำข้าวออกนอกเขตอีก 8 เส้นจะพ้นเขตอำเภอบางเลนถ้าหากเจ้าพนักงานไม่จับจำเลยได้เสียก่อน จำเลยก็นำข้าวออกไปได้สำเร็จการกระทำของจำเลยผ่านขั้นตระเตรียมการเข้าขั้นพยายามแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 466/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกคืนเงินที่ชำระเกิน การฟ้องใหม่ไม่ขาดอายุความหากอ้างฐานลาภมิควรได้
คดีก่อนโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักย้ายหลักเขตต์ที่ดินที่จำเลยขายแก่โจทก์ ขอให้จำเลยส่งมอบที่ดินที่ขาด หรือใช้ราคา ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ไม่ใช่เรื่องยักย้ายหลักเขตต์เป็นเรื่องเนื้อที่ที่ซื้อขายกันมีไม่ครบตามสัญญา และจะบังคับให้จำเลยใช้เงินราคาที่ดินไม่ได้ เพราะเป็นการฟ้องเรียกราคาที่ดินที่ขาด พิพากษายกฟ้อง โจทก์จึงมาฟ้องเป็นคดีใหม่เรียกเงินที่ชำระให้แก่จำเลยเกินไป อันเป็นการฟ้องเรียกเงินคืนฐานลาภมิควรได้ จึงนำอายุความตามมาตรา 467 มาบังคับไม่ได้ ต้องบังคับตามมาตรา 419 ซึ่งเป็นบทบัญญัติว่าด้วยการเรียกคืนลาภมิควรได้.
of 172