คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประวัติ ปัตตพงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 466/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกคืนเงินที่ชำระเกิน การฟ้องใหม่ไม่ขาดอายุความหากอ้างฐานลาภมิควรได้
คดีก่อนโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักย้ายหลักเขตต์ที่ดินที่จำเลยขายแก่โจทก์ ขอให้จำเลยส่งมอบที่ดินที่ขาด หรือใช้ราคา ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ไม่ใช่เรื่องยักย้ายหลักเขตต์เป็นเรื่องเนื้อที่ที่ซื้อขายกันมีไม่ครบตามสัญญา และจะบังคับให้จำเลยใช้เงินราคาที่ดินไม่ได้ เพราะเป็นการฟ้องเรียกราคาที่ดินที่ขาด พิพากษายกฟ้อง โจทก์จึงมาฟ้องเป็นคดีใหม่เรียกเงินที่ชำระให้แก่จำเลยเกินไป อันเป็นการฟ้องเรียกเงินคืนฐานลาภมิควรได้ จึงนำอายุความตามมาตรา 467 มาบังคับไม่ได้ ต้องบังคับตามมาตรา 419 ซึ่งเป็นบทบัญญัติว่าด้วยการเรียกคืนลาภมิควรได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 448/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในความผิดอาญาที่ศาลยกฟ้องแล้วเนื่องจากไม่มีพยาน
ศาลได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ เพราะโจทก์ไม่มีพะยานมาให้ศาลสืบในวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์จะกลับมาฟ้องขึ้นใหม่อีกไม่ได้ ดังนี้ เป็นคำพิพากษาที่เสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 39 ข้อ 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 448/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในความผิดเดิมที่ศาลยกฟ้องเนื่องจากไม่มีพยาน ถือเป็นคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาด ห้ามฟ้องใหม่
ศาลได้พิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะโจทก์ไม่มีพยานมาให้ศาลสืบในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์จะกลับมาฟ้องขึ้นใหม่อีกไม่ได้ ดังนี้ เป็นคำพิพากษาที่เสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 ข้อ 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 442/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้แย้งเฉพาะประเด็นกฎหมายโดยไม่โต้แย้งข้อเท็จจริง ทำให้ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม แม้ฟ้องจะสมบูรณ์
ศาลชั้นต้นยกฟ้อง เพราะฟ้องไม่สมบูรณ์ และชั้นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อข้อเท็จจริง ชั้นฎีกาโจทก์มิได้โต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดไว้นั้น กลับฎีกาฉะเพาะเรื่องฟ้องสมบูรณ์หรือไม่ ดังนี้ แม้ฟ้องจะสมบูรณ์จริง เมื่อข้อเท็จจริงยังคงเป็นดั่งที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดไว้ ก็ต้องยกฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 442/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องไม่สมบูรณ์และข้อเท็จจริงไม่สอดคล้อง แม้ฟ้องสมบูรณ์ก็ต้องยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นยกฟ้อง เพราะฟ้องไม่สมบูรณ์และชั้นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อข้อเท็จจริง ชั้นฎีกาโจทก์มิได้โต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดไว้นั้นกลับฎีกาเฉพาะเรื่องฟ้องสมบูรณ์หรือไม่ ดังนี้ แม้ฟ้องจะสมบูรณ์จริงเมื่อข้อเท็จจริงยังคงเป็นดังที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดไว้ ก็ต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 431/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความสัญญาจะซื้อขายที่ยังมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน
โจทก์ฟ้องกล่าวว่า โจทก์ตกลงซื้อนาจากจำเลย ชำระราคาแล้ว และเข้าครอบครองตลอดมา หลักฐานการจะซื้อขายอยู่ที่ทำการสหกรณ์ ยังไม่ได้โอนกันตามระเบียบ จึงฟ้องขอให้จำเลยโอนขาย ฟ้องดังนี้ตีความได้ว่า สัญญาระหว่างโจทก์จำเลย เป็นสัญญาจะซื้อขาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 431/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขาย: การตีความสัญญาจากข้อความในฟ้องและหลักฐานที่อ้างอิง
โจทก์ฟ้องกล่าวว่า โจทก์ตกลงซื้อนาจากจำเลย ชำระราคาแล้ว และเข้าครอบครองตลอดมา หลักฐานการจะซื้อขายอยู่ที่ทำการสหกรณ์ ยังไม่ได้โอนกันตามระเบียบ จึงฟ้องขอให้จำเลยโอนขาย ฟ้องดังนี้ตีความได้ว่า สัญญาระหว่างโจทก์จำเลย เป็นสัญญาจะซื้อขาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักษณะของพินัยกรรมที่ถูกต้องตามกฎหมาย และการรับรองของพยาน
ผู้ตายได้ทำเอกสารฉะบับหนึ่งมีข้อกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินของตนว่า ให้ยกเงินสองหมื่นบาทให้แก่ อ. เมื่อตนตาย ดังนี้ เอกสารดังกล่าวจึงมีลักษณะเป็นพินัยกรรม์
ในพินัยกรรม ตอนท้ายมีข้อความว่า (นางลำดวน) ผู้ทำพินัยกรรม์ ได้ลงลายมือชื่อต่อหน้าผู้รู้เห็นไว้เป็นสำคัญแล้ว ยังมีคำว่า "ต่อหน้า" อยู่ข้างหน้ากึ่งกลางระหว่างลายมือชื่อพะยานกับผู้เขียนอีกด้วย จึงนับได้ว่าเป็นข้อความอันแสดงว่าบุคคลทั้ง 2 นี้ได้ลงชื่อในฐานะเป็นพะยาน ดังนี้ พินัยกรรม์รายนี้นับว่าถูกต้องตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1656 แล้ว แม้ตามมาตรา 1671 จะมีข้อความว่า ถ้าผู้เขียนข้อความแห่งพินัยกรรม์เป็นพะยาน ก็ให้เขียนข้อความระบุว่าตนเป็นพะยานต่อท้ายลายมือชื่อของตนเช่นเดียวกับพะยานผู้อื่นก็ดี ความมุ่งหมายสำคัญของมาตรานี้ ก็เพื่อให้มีข้อความแสดงว่า ผู้เขียนนั้นเป็นพะยานด้วย ซึ่งในคดีนี้ผู้เขียนก็ได้เบิกความรับรองไว้แล้ว พินัยกรรม์ จึงหาขัดกับมาตรา 1671 ไม่
พะยานจะลงชื่อก่อนหรือหลังผู้ทำพินัยกรรม์ไม่สำคัญ เมื่อได้ความว่า ผู้ทำพินัยกรรม์ได้ลงชื่อของตนในเวลาที่อยู่พร้อมกันในขณะนั้น ก็เป็นการใช้ได้.
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2492)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรม: ลักษณะถูกต้องตามกฎหมาย แม้ผู้เขียนเป็นพยาน และพยานลงชื่อก่อนหรือหลังผู้ทำพินัยกรรม
ผู้ตายได้ทำเอกสารฉบับหนึ่งมีข้อกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินของตนว่า ให้ยกเงินสองหมื่นบาทให้แก่ อ. เมื่อตนตาย ดังนี้ เอกสารดังกล่าวจึงมีลักษณะเป็นพินัยกรรม
ในพินัยกรรม ตอนท้ายมีข้อความว่า (นางลำดวน)ผู้ทำพินัยกรรมได้ลงลายมือชื่อต่อหน้าผู้รู้เห็นไว้เป็นสำคัญแล้ว ยังมีคำว่า 'ต่อหน้า' อยู่ข้างหน้ากึ่งกลางระหว่างลายมือชื่อพยานกับผู้เขียนอีกด้วย จึงนับได้ว่าเป็นข้อความอันแสดงว่าบุคคลทั้ง 2 นี้ได้ลงชื่อในฐานะเป็นพยาน ดังนี้ พินัยกรรมรายนี้นับว่าถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1656 แล้ว แม้ตามมาตรา1671 จะมีข้อความว่า ถ้าผู้เขียนข้อความแห่งพินัยกรรมเป็นพยาน ก็ให้เขียนข้อความระบุว่าตนเป็นพยานต่อท้ายลายมือชื่อของตนเช่นเดียวกับพยานผู้อื่นก็ดี ความมุ่งหมายสำคัญของมาตรานี้ ก็เพื่อให้มีข้อความแสดงว่า ผู้เขียนนั้นเป็นพยานด้วย ซึ่งในคดีนี้ผู้เขียนก็ได้เบิกความรับรองไว้แล้ว พินัยกรรม จึงหาขัดกับมาตรา 1671 ไม่
พยานจะลงชื่อก่อนหรือหลังผู้ทำพินัยกรรมไม่สำคัญ เมื่อได้ความว่า ผู้ทำพินัยกรรมได้ลงชื่อของตนในเวลาที่อยู่พร้อมกันในขณะนั้น ก็เป็นการใช้ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8/92)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 359/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาปรานีประนอมยอมความและการฟ้องละเมิด/ผิดสัญญา: ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงก่อนวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องในฐานะผู้อนุญาตนายชัยยะว่า เดิมนายชัยยะให้จำเลยเช่าที่พิพาทแล้วผิดสัญญา นายชัยยะฟ้องขับไล่แล้ว นายชัยยะกับจำเลยได้ทำสัญญาปราณีประนอมยอมความกันต่อศาลว่า จำเลยยอมรับซื้อที่ดินและสิ่งของจำเลยหาได้ปฏิบัติตามสัญญานั้นไม่ กลับเพิกเฉยจนล่วงพ้นกำหนดในสัญญา และโดยเหตุที่ที่ดินเป็นของโจทก์ ๆ จึงถือว่าจำเลยอยู่ต่อมาเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ ส่วนจำเลยต่อสู้ว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาปราณีประนอมยอมความเอง ดังนี้ ถ้าข้อเท็จจริงเป็นอย่างโจทก์ว่า ฝ่ายจำเลยก็เป็นผู้ผิดสัญญาปราณีประนอมยอมความ การที่โจทก์มาฟ้องจำเลยเช่นนี้ อาจไม่เป็นฟ้องซ้ำก็ได้ ถ้าหากข้อเท็จจริงเป็นอย่างจำเลยว่า คือฝ่ายโจทก์เป็นผู้ผิดสัญญาปราณีประนอมยอมความนั้นเองแล้ว ก็อาจเป็นการฟ้องซ้ำกับคดีก่อน ซึ่งนายชัยยะทำยอมกับจำเลยไปแล้วก็ได้ ฉะนั้นการวินิจฉัยปัญหาดังกล่าว จึงต้องฟังข้อเท็จจริงที่คู่ความโต้เถียงกันต่อไปก่อน.
of 172