คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประวัติ ปัตตพงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 131/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกาศควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคไม่ใช่กฎหมาย การเพิกถอนการควบคุมมีผลย้อนหลังไม่ได้
ประกาศของเจ้าหน้าที่ออกตาม พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯ ไม่ใช่กฎหมาย ฉะนั้น เมื่อภายหลังวันโจทก์หาว่าจำเลยได้ทำผิดคือยักย้ายผ้าได้มีประกาศเลิกการควบคุมผ้า จึงมิใช่เป็นเรื่องมีกฎหมายใหม่ยกเลิกความผิด
พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ ระบุว่า ผู้ใดฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการฯ มีความผิด หาได้มีข้อความจะพึงให้เห็นว่า จำเลยต้องมีเจตนาเพื่อมิให้ถูกควบคุมหรือเพื่อให้ควบคุมยากด้วยจึงจะมีความผิดไม่./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 131/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกาศควบคุมราคาไม่ใช่กฎหมาย การเพิกถอนประกาศไม่เป็นการยกเลิกความผิดเดิม
ประกาศของเจ้าหน้าที่ออกตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯไม่ใช่กฎหมาย ฉะนั้น เมื่อภายหลังวันโจทก์หาว่าจำเลยได้ทำผิดคือยักย้ายผ้าได้มีประกาศเลิกการควบคุมผ้าจึงมิใช่เป็นเรื่องมีกฎหมายใหม่ยกเลิกความผิด
พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ ระบุว่า ผู้ใดฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการฯมีความผิด หาได้มีข้อความจะพึงให้เห็นว่า จำเลยต้องมีเจตนาเพื่อมิให้ถูกควบคุมหรือเพื่อให้ควบคุมยากด้วยจึงจะมีความผิดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 93/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำหน่ายคดีเนื่องจากจำเลยตายและไม่มีผู้สืบสิทธิ
จำเลยฎีกา แล้วต่อมาปรากฎว่าจำเลยตาย นับแต่จำเลยตายมาเป็นเวลาเกิน 1 ปี ไม่มีผู้ใดขอเข้าเป็นคู่ความแทน และไม่มีคำขอของโจทก์ขอให้เรียกผู้ใดเข้ามาเป็นคู่ความแทน ศาลฎีกาจึงให้สั่งจำหน่ายคดี และคืนค่าตัดสินและค่าคำบังคับ./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 78/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกขายสินค้าเกินราคาไม่เป็นความผิด หากไม่มีการขายจริง และประกาศควบคุมราคาห้ามเฉพาะการขาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบอกขายข้าวสารเกินราคา เป็นการฝ่าฝืนประกาศข้าหลวงประจำจังหวัด แต่ประกาศที่โจทก์อ้างเป็นแต่ห้ามการขายเกินราคา มิได้ห้ามการบอกขาย และการบอกขายยังไม่เป็นการกระทำถึงขั้นพยายามขาย คดีไม่มีทางลงโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 78/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกขายสินค้าเกินราคาไม่เป็นความผิดตามประกาศห้ามขายเกินราคา การบอกขายไม่ใช่ความพยายามในการขาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบอกขายข้าวสารเกินราคา เป็นการฝ่าฝืนประกาศข้าหลวงประจำจังหวัด แต่ประกาศที่โจทก์อ้างเป็นแต่ห้ามการขายเกินราคา มิได้ห้ามการบอกขาย และการบอกขายยังไม่เป็นการกระทำถึงคั่นพยายามขาย คดีไม่มีทางลงโทษจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นสำคัญของคดีอยู่ที่การผิดสัญญา ไม่ใช่ประเภทสัญญา (เช่าหรือจ้างทำของ) โดยการนำสืบไม่ขัดแย้งกับฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนเงินให้โจทก์ เพราะจำเลยผิดสัญญาที่โจทก์จ้างจำเลยไปพูดโฆษณาโดยใช้เครื่องวิทยุกระจายเสียงและเครื่องทำไฟฟ้าของจำเลย จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ทำสัญญาเช่าเครื่องขยายเสียง เครื่องทำไฟฟ้าของจำเลย แล้วผิดสัญญาไม่จัดการนำเครื่องไปเอง ดังนี้ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยจะเป็นสัญญาเช่าหรือสัญญาจ้างทำของ ไม่ใช่ข้อสำคัญ ข้อสำคัญในคดีอยู่ที่ว่าฝ่ายใดเป็นผู้ผิดสัญญา
การที่จำเลยค้านว่า ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า โจทก์ว่าจ้างจำเลยให้ไปทำการโฆษณาเพื่อหาเสียงในการเลือกตั้ง แต่แล้วนำสืบเป็นเรื่องเช่าเครื่องขยายเสียงจากจำเลยไปโฆษณาด้วยตนเองเป็นการสืบไม่สมฟ้องนั้น แม้ฟ้องของโจทก์ตอนต้นจะกล่าวมีนัยดังจำเลยว่าก็ดี แต่ฟ้องตอนกล่าวถึงรายละเอียด โจทก์ได้บรรยายถึงรายละเอียดเป็นที่เข้าใจได้แล้วว่าโจทก์จำเลยตกลงกันอย่างไรและจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู่แต่อย่างใดดังนี้ ข้อค้านของจำเลยย่อมฟังไม่ขึ้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทสัญญาเช่าหรือจ้างทำของ ศาลพิจารณาจากฝ่ายใดผิดสัญญาเป็นหลัก
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนเงินให้โจทก์ เพราะจำเลยผิดสัญญาที่โจทก์จ้างจำเลยไปพูดโฆษณาโดยใช้เครื่องวิทยุกระจายเสียงและเครื่องทำไฟฟ้าของจำเลย จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ทำสัญญาเช่าเครื่องขยายเสียงเครื่องทำไฟฟ้าของจำเลย แล้วผิดสัญญาไม่จัดการนำเครื่องไปเองดังนี้ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยจะเป็นสัญญาเช่าหรือสัญญาจ้างทำของ ไม่ใช่ข้อสำคัญ ข้อสำคัญในคดีอยู่ที่ว่าฝ่ายใดเป็นผู้ผิดสัญญา
การที่จำเลยค้านว่า ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า โจทก์ว่าจ้างจำเลยให้ไปทำการโฆษณาเพื่อหาเสียงในการเลือกตั้ง แต่แล้วนำสืบเป็นเรื่องเช่าเครื่องขยายเสียงจากจำเลยไปโฆษณาด้วยตนเองเป็นการสืบไม่สมฟ้องนั้นแม้ฟ้องของโจทก์ตอนต้นจะกล่าวมีนัยดังจำเลยว่าก็ดี แต่ฟ้องตอนกล่าวถึงรายละเอียด โจทก์ได้บรรยายถึงรายละเอียดเป็นที่เข้าใจได้แล้วว่าโจทก์จำเลยตกลงกันอย่างไรและจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้แต่อย่างไร ดังนี้ ข้อค้านของจำเลยย่อมฟังไม่ขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ พิจารณาเจตนาการเช่าเพื่ออยู่อาศัยหรือไม่
โจทก์ผู้ให้เช่ามีหนังสือไปยังจำเลยผู้เช่าเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2488 บอกเลิกสัญญาเช่าในวันที่ 31 พฤษภาคม 2489 ในวันใช้ พ.ร.บ. 2489 จึงยังคงมีสัญญาเช่าระหว่างโจทก์, จำเลยอยู่และโจทก์ได้ยื่นฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2490 คดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาตลอดมา พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่า ฯ 2490 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2490 คดีจึงตกอยู่ในบังคับแห่งมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่า ฯ 2490 ต้องใช้ พ.ร.บ.ฉะบับนี้บังคับ
การที่จะวินิจฉัยว่าเป็น "เคหะ" ตามความหมายใน พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่า ในภาวะคับขัน 2490 หรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาถึงเจตนาของคู่กรณีในเวลาที่ทำสัญญากัน ประกอบกับเหตุผลแวดล้อมอื่น ๆ รวมกันว่าการเช่าสิ่งปลูกสร้างนั้น เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยหรือมิใช่ การที่ผู้เช่าอยู่ในที่เช่าจะต้องพิจารณาด้วยว่าการอยู่, อยู่ในฐานะอย่างใด (อ้างฎีกา 1099-1147/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ พิจารณาเจตนาการเช่าเพื่ออยู่อาศัยหรือไม่
โจทก์ผู้ให้เช่ามีหนังสือไปยังจำเลยผู้เช่าเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2488บอกเลิกสัญญาเช่าในวันที่ 31 พฤษภาคม 2489 ในวันใช้พระราชบัญญัติ 2489 จึงยังคงมีสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยอยู่ และโจทก์ได้ยื่นฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2490 คดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาตลอดมา พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ 2490 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2490 คดีจึงตกอยู่ในบังคับแห่งมาตรา 4แห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ 2490 ต้องใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้บังคับ
การที่จะวินิจฉัยว่าเป็น 'เคหะ' ตามความหมายในพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2490 หรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาถึงเจตนาของคู่กรณีในเวลาที่ทำสัญญากัน ประกอบกับเหตุผลแวดล้อมอื่น ๆ รวมกันว่าการเช่าสิ่งปลูกสร้างนั้น เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยหรือมิใช่ การที่ผู้เช่าอยู่ในที่เช่าจะต้องพิจารณาด้วยว่าการอยู่,อยู่ในฐานะอย่างใด
(อ้างฎีกา 1099-1147/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าไม่มีกำหนดระยะเวลา สิทธิบอกเลิกสัญญา และผลของการบอกเลิกสัญญาโดยตัวแทน
สัญญาเช่ามีข้อความว่า "เมื่อผู้เช่าชำระค่าเช่าให้ตามกำหนดและปฏิบัติตามข้อสัญญาที่ปรากฎอยู่ในนี้แล้วผู้เช่าจะอยู่ในสถานที่เช่าได้ โดยปรกติสุขตลอดระยะเวลาเช่า" เป็นสัญญาที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาเช่า ผู้ให้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตามประมวลแพ่งฯ มาตรา566.
of 172