คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประวัติ ปัตตพงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าสิ้นสุดแล้วอยู่ต่อไม่ได้อ้าง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า และการพิจารณาความเป็น 'เคหะเดียวกัน' เพื่อคุ้มครองตามกฎหมาย
เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลงก่อนใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ พ.ศ. 2489 และ 2490 แล้ว การที่อยู่ต่อมาย่อมเป็นการอยู่โดยละเมิด จะอ้าง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ ทั้ง 2 ฉบับมาคุ้มครองหาได้ไม่
ตึก 2 เลขที่ซึ่งอยู่ติดต่อกันแต่ฟ้องของโจทก์และสัญญาท้ายฟ้องซึ่งระบุสิ่งของซึ่งมีอยู่ในตึกรายนี้แยกเป็นคนละตึก แสดงว่าตึก 2 เลขหมายเป็นเคหะ ไม่มีข้อความใด ๆ ที่แสดงว่าเป็นเคหะเดียวกัน แม้ตึกรายนี้ติดต่อกัน ทำสัญญาฉบับเดียวกัน และกำหนดค่าเช่ารวมกัน ก็มิใช่แสดงว่าตึกที่เช่าเป็นเคหะเดียวกันเสมอไป เมื่อโจทก์แสดงไม่ได้ว่าตึกที่เช่าเป็นเคหะเดียว และมีค่าเช่าเกิน 40 บาทแล้ว ก็ต้องตกอยู่ในความคุ้มครองแห่ง พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ 2486 มาตรา 5.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1045/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขนส่ง: เหตุการณ์เรือชนจากปัจจัยภายนอก ถือเป็นอุบัติเหตุตามสัญญา
ในสัญญาขนส่งข้าวสารระบุไว้ว่า ถ้าของที่บรรทุกขาดจำนวนหรือเปียกน้ำ ผู้รับจ้างจะใช้ค่าเสียหาย หากถูกพายุหรือเอกซิเด็นท์ใดๆ ต่างยกเลิกสัญญานี้ทั้งสิ้น ปรากฏว่าเรือบรรทุกข้าวสารขณะจอดอยู่ เรือกลไฟจูงเรือพ่วงตัดหน้าในระยะใกล้ ในขณะนั้นลมแรงและน้ำเชี่ยวเรือพ่วงลำสุดท้ายชนเรือบรรทุกข้าวสารหัวเรือแตกน้ำเข้าเรือเป็นเหตุให้ข้าวสารที่บรรทุกเสียหาย ดังนี้ นับว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุอันเกิดขึ้นแก่การขนส่งตามความมุ่งหมายแห่งสัญญาดังกล่าวนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1045/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุบัติเหตุในการขนส่งทางเรือ: ผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิดชอบเมื่อเกิดจากเหตุสุดวิสัยที่ไม่ใช่ความผิดของตน
ในสัญญาขนส่งข้าวสารระบุไว้ว่า ถ้าของที่บันทุกขาดจำนวนหรือเปียกน้ำ ผู้รับจ้างจะใช้ค่าเสียหาย หากถูกพายุหรือเอกซิเด็นท์ใด ๆ ต่างยกเลิกสัญญานี้ทั้งสิน ปรากฏว่าเรือบันทุกข้าวสารขณะจอดอยู่ เรือกลไฟจูงเรือพ่วงตัดหน้าในระยะใกล้ ในขณะนั้นลมแรงและน้ำเชี่ยว เรือพ่วงลำสุดท้ายชนเรือบันทุกข้าวสารหัวเรือแตกน้ำเข้าเรือ เป็นเหตุให้ข้าวสารที่บันทุกเสียหายดังนี้ นับว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุอันเกิดขึ้นแก่การขนส่งตามความมุ่งหมายแห่งสัญญาดังกล่าวนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้คำให้การชั้นสอบสวนที่ไม่สามารถซักค้านได้เป็นหลักฐานลงโทษจำเลยไม่ได้
โจทก์มีเจ้าของทรัพย์คนเดียวที่รู้เห็นว่า ใครเป็นคนร้ายชิงทรัพย์แต่โจทก์อ้างมาสืบไม่ได้ จะใช้คำให้การชั้นสอบสวนมาฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะจำเลยไม่มีโอกาสซักค้าน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้คำให้การชั้นสอบสวนลงโทษจำเลยต้องให้โอกาสซักค้านพยานหลักฐานอื่นไม่เพียงพอ
โจทก์มีเจ้าของทรัพย์คนเดียวที่รู้เห็นว่า ใครเป็นคนร้ายชิงทรัพย์ แต่โจทก์อ้างมาสืบไม่ได้ จะใช้คำให้การชั้นสิบสวนมาฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะจำเลยไม่มีโอกาสซักค้าน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1037/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายจากผิดสัญญา: ศาลให้ได้ทั้งค่าเสียหายจริงและค่าปรับตามสัญญา
คดีเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญา เมื่อจำเลยรู้ดีว่า เมื่อตนผิดสัญญาโจทก์จะต้องเสียหาย ดังนี้ จำเลยต้องรับผิดในค่าเสียหาย ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 380 วรรค2 ซึ่งศาลอาจจะให้ค่าเสียหายได้
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญา 1,000 บาทและค่าเสียหายจากการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 7,000 บาทศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 1,000 บาท โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์เห็นควรให้ค่าเสียหายทั้งหมดรวมกัน 7,000 บาทดังนี้ จะเรียกว่าศาลอุทธรณ์ไปวินิจฉัยในเรื่อง 1,000 บาทซึ่งโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ไม่ได้
เมื่อมีกรณีผิดสัญญาแล้ว ก็ย่อมเรียกค่าเสียหายแก่กันได้ถ้าผู้ได้รับความเสียหายพิสูจน์ได้ว่าตนได้เสียหายจริงจังเป็นเงินเท่าใดแล้ว ศาลก็ให้ตามนั้น หากพิสูจน์ไม่ได้ ศาลก็ให้ค่าเสียหายตามควรแก่กรณีโดยศาลกำหนดให้เองแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร และผู้เสียหายอาจได้รับค่าเสียหายทั้งสองประเภทก็ได้
คดีนี้ โจทก์ต้องเสียหายเพราะต้องรื้อสิ่งปลูกสร้างไป และต้องเสียหายเพราะไม่ได้ที่ดิน โจทก์จึงชอบที่จะได้ค่าเสียหายทั้งสองจำนวนรวมกันเป็น8,000 บาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1037/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายจากผิดสัญญา: ผู้ผิดสัญญาต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงและค่าเสียหายตามที่ตกลงกันไว้
คดีเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญา เมื่อจำเลยรู้ดีว่า เมื่อตนผิดสัญญา โจทก์จะต้องเสียหาย ดังนี้จำเลยต้องรับผิดในค่าเสียหายตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 380 วรรค 2 ซึ่งศาลอาจจะให้ค่าเสียหายได้
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญา 1,000 บาท และค่าเสียหายจากการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 7000 บาท ศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 1000 บาท โจทก์อุทธรณ์, ศาลอุทธรณ์เห็นควรให้ค่าเสียหายทั้งหมดรวมกัน 7,000 บาท ดังนี้ จะเรียกว่าศาลอุทธรณ์ไปวินิจฉัยในเรื่อง 1000 บาท ซึ่งโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ไม่ได้
เมื่อมีกรณีผิดสัญญาแล้ว ก็ย่อมเรียกค่าเสียหายแก่กันได้ ถ้าผู้ได้รับความเสียหายพิสูจน์ได้ว่าตนได้เสียหายจริงจังเป็นเงินเท่าใดแล้ว ศาลก็ให้ตามนั้น หากพิสูจน์ไม่ได้ ศาลก็ให้ค่าเสียหายตามควรแก่กรณีโดยศาลกำหนดให้เองแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร และผู้เสียหายอาจได้รับค่าเสียหายทั้งสองประเภทก็ได้
คดีนี้โจทก์ต้องเสียหายเพราะต้องรื้อสิ่งปลูกสร้างไป และต้องเสียหายเพราะไม่ได้ที่ดิน โจทก์ชอบที่จะได้ค่าเสียหายทั้งสองรวมกันเป็น 8, 000 บาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1036/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยผิดสัญญาขนส่งสินค้าแม้ถูกปล้นกลางทาง เหตุละเลยไม่รีบขนส่งตามกำหนด สัญญาครอบคลุมค่าเสียหายทั้งสินค้าและค่าเสียหาย
จำเลยทำสัญญารับจ้างขนสินค้าโดยการล่องแพ เมื่อจำเลยละเลยไม่จัดการขนส่งให้ทันกำหนดเวลา จนพ้นกำหนดเวลาตามสัญญาแล้วจึงมาถูกปล้นกลางทาง ดังนี้ ถือว่าจำเลยผิดสัญญา จะยกเอาข้อถูกปล้นเป็นเหตุแก้ตัวไม่ได้
ในสัญญาขนส่งกระเทียมมีว่า จำเลยยอมใช้ค่าเสียหายเป็นเงินแสนละ 100 บาท ดังนี้ค่าเสียหายที่กำหนดไว้ในสัญญาย่อมรวมทั้งค่ากระเทียมด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1036/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขนส่ง: ผู้รับจ้างผิดสัญญาแม้ถูกปล้นกลางทาง เหตุสุดวิสัยใช้ไม่ได้ หากละเลยไม่จัดการขนส่งตามกำหนด และค่าเสียหายรวมค่าสินค้า
จำเลยทำสัญญารับจ้างขนสินค้าโดยการล่อแพ เมื่อจำเลยละเลยไม่จัดการขนส่งให้ทันกำหนดเวลา จนพ้นกำหนดเวลาตามสัญญาแล้วจึงมาถูกปล้นกลางทาง ดังนี้ ถือว่าจำเลยผิดสัญญา จะยกเอาข้อถูกปล้นเป็นเหตุแก้ตัวไม่ได้
ในสัญญาขนส่งกระเทียมมีว่า จำเลยยอมใช้ค่าเสียหายเป็นเงินแสนละ 100 บาท ดังนี้ ค่าเสียหายที่กำหนดไว้ในสัญญาย่อมรวมทั้งค่ากระเทียมด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของที่ดินสละเจตนาครอบครองเกิน 10 ปี และมีการครอบครองต่อเนื่องโดยผู้อื่น เจ้าของที่ดินไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่
เจ้าของที่ดินมีโฉนดได้สละเจตนาครอบครองที่ดินเป็นเวลาเกิน 10 ปีแล้ว บุคคลอื่นหลายคนได้เข้าครอบครองสืบเนื่องกันมา แม้การซื้อขายที่เป็นหลั่น ๆ กันไม่มีหนังสือ เจ้าของที่ดินเดิมจะฟ้องขับไล่ผู้ครอบครองที่นั้นหาได้ไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดิน 2 แปลง ทุนทรัพย์ 200 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่แปลงหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องทั้งสองแปลง ดังนี้ เป็นการแก้น้อย ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
of 172