พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 316/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนขายหุ้นห้างหุ้นส่วนสามัญที่มีทรัพย์สินเป็นอสังหาริมทรัพย์ ไม่ถือเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์
การโอนขายหุ้นในห้างหุ้นส่วนสามัญซึ่งมีทรัพย์สินเป็นอสังหาริมทรัพย์นั้นไม่ถือว่าเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ทำหนังสือสัญญากันเองก็ใช้ได้(อ้างฎีกาที่ 143/2475)
ผู้ใช้อำนาจปกครองทำนิติกรรมขายหุ้นของผู้เยาว์ในห้างหุ้นส่วนสามัญซึ่งมีทรัพย์เป็นอสังหาริมทรัพย์ได้โดยไม่ต้องรับอนุญาตจากศาล
สัญญาจะซื้อขายมีเงื่อนไขว่าจะต้องขออนุญาตต่อศาลเสียก่อนจึงจะขายได้โดยคู่สัญญาเข้าใจผิดคิดว่าจะต้องขออนุญาตจากศาล เมื่อตามกฎหมายไม่ต้องขออนุญาตดังนี้ เงื่อนไขนี้ก็ไม่มีผล ผู้ซื้อมีสิทธิฟ้องบังคับให้ผู้ขายปฏิบัติตามสัญญาได้ทีเดียว
ผู้ใช้อำนาจปกครองทำนิติกรรมขายหุ้นของผู้เยาว์ในห้างหุ้นส่วนสามัญซึ่งมีทรัพย์เป็นอสังหาริมทรัพย์ได้โดยไม่ต้องรับอนุญาตจากศาล
สัญญาจะซื้อขายมีเงื่อนไขว่าจะต้องขออนุญาตต่อศาลเสียก่อนจึงจะขายได้โดยคู่สัญญาเข้าใจผิดคิดว่าจะต้องขออนุญาตจากศาล เมื่อตามกฎหมายไม่ต้องขออนุญาตดังนี้ เงื่อนไขนี้ก็ไม่มีผล ผู้ซื้อมีสิทธิฟ้องบังคับให้ผู้ขายปฏิบัติตามสัญญาได้ทีเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 293/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และผลกระทบต่อการฟ้องขับไล่เมื่อคดีมีทุนทรัพย์น้อย
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์ 2 โฉนด ราคา 400 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยตามฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า ที่ดินเป็นของโจทก์เพียงโฉดเดียว อีกโฉนดหนึ่ง จำเลยครอบครองนาจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว ดังนี้ ถือว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 293/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีที่มีทุนทรัพย์น้อย ศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อยฎีกาไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์ 2 โฉนด ราคา 400 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยตามฟ้องแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า ที่ดินเป็นของโจทก์เพียงโฉนดเดียวอีกโฉนดหนึ่ง จำเลยครอบครองมาจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว ดังนี้ถือว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 284/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เทศมนตรีลักทรัพย์ของเทศบาล แม้คืนเงินก็ยังเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
เทศมนตรีไปที่โรงเก็บของของเทศบาล บอกแก่ผู้เก็บรักษาว่าจะเอาไปซ่อม แล้วเอาของนั้นไปโดนเจตนาทุจจริตนั้น เป็นผิดฐานลักทรัพย์
เอาทรัพย์ของผู้อื่นไปขายโดยเจตนาทุจจริต แม้จะเอาเงินมา+ให้เจ้าของบ้าง ก็คงเป็นผิดฐานลักทรัพย์
ฟ้องว่าจำเลยเป็นเทศมนตรีเอาทรัพย์ของเทศบาลไปขายโดยเจตนาทุจจริต อันเป็นผิดตามมาตรา 132 นั้น ถ้ามิได้ระบุว่าจำเลยมีหน้าที่เกี่ยวกับของนั้นอย่างไรแล้ว จะลงโทษตาม ม.132ไม่ได้
ในการกระทำอันเดียวกัน โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์และฐานเจ้าพนักงานทุจจริตต่อหน้าที่ ศาลชั้นต้นยกข้อหาฐานลักทรัพย์ แต่ให้ลงโทษฐานทุจจริตต่อหน้าที่ จำเลยอุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาฝ่ายเดียว เมื่อศาลสูงเห็นว่าการกระทำนั้น ไม่เป็นผิดฐานทุจจริตต่อหน้าที่ แต่เป็นผิดฐานลักทรัพย์ ดังนี้ย่อมลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ได้
เอาทรัพย์ของผู้อื่นไปขายโดยเจตนาทุจจริต แม้จะเอาเงินมา+ให้เจ้าของบ้าง ก็คงเป็นผิดฐานลักทรัพย์
ฟ้องว่าจำเลยเป็นเทศมนตรีเอาทรัพย์ของเทศบาลไปขายโดยเจตนาทุจจริต อันเป็นผิดตามมาตรา 132 นั้น ถ้ามิได้ระบุว่าจำเลยมีหน้าที่เกี่ยวกับของนั้นอย่างไรแล้ว จะลงโทษตาม ม.132ไม่ได้
ในการกระทำอันเดียวกัน โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์และฐานเจ้าพนักงานทุจจริตต่อหน้าที่ ศาลชั้นต้นยกข้อหาฐานลักทรัพย์ แต่ให้ลงโทษฐานทุจจริตต่อหน้าที่ จำเลยอุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาฝ่ายเดียว เมื่อศาลสูงเห็นว่าการกระทำนั้น ไม่เป็นผิดฐานทุจจริตต่อหน้าที่ แต่เป็นผิดฐานลักทรัพย์ ดังนี้ย่อมลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 284/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เทศมนตรีลักทรัพย์ของเทศบาล แม้คืนเงินก็ยังผิดฐานลักทรัพย์ ศาลพิพากษาแก้โทษจากทุจริตเป็นลักทรัพย์
เทศมนตรีไปที่โรงเก็บของของเทศบาลบอกแก่ผู้เก็บรักษาว่าจะเอาไปซ่อม แล้วเอาของนั้นไปโดยเจตนาทุจริตนั้นเป็นผิดฐานลักทรัพย์
เอาทรัพย์ของผู้อื่นไปขายโดยเจตนาทุจริต แม้จะเอาเงินมาคืนให้เจ้าของบ้าง ก็คงเป็นผิดฐานลักทรัพย์
ฟ้องว่าจำเลยเป็นเทศมนตรีเอาทรัพย์ของเทศบาลไปขายโดยเจตนาทุจริตอันเป็นผิดตามมาตรา 132 นั้น ถ้ามิได้ระบุว่าจำเลยมีหน้าที่เกี่ยวกับของนั้นอย่างไรแล้ว จะลงโทษตาม มาตรา132 ไม่ได้
ในการกระทำอันเดียวกัน โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์และฐานเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ศาลชั้นต้นยกข้อหาฐานลักทรัพย์แต่ให้ลงโทษฐานทุจริตต่อหน้าที่จำเลยอุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาฝ่ายเดียวเมื่อศาลสูงเห็นว่าการกระทำนั้นไม่เป็นผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ แต่เป็นผิดฐานลักทรัพย์ดังนี้ ก็ย่อมลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ได้
เอาทรัพย์ของผู้อื่นไปขายโดยเจตนาทุจริต แม้จะเอาเงินมาคืนให้เจ้าของบ้าง ก็คงเป็นผิดฐานลักทรัพย์
ฟ้องว่าจำเลยเป็นเทศมนตรีเอาทรัพย์ของเทศบาลไปขายโดยเจตนาทุจริตอันเป็นผิดตามมาตรา 132 นั้น ถ้ามิได้ระบุว่าจำเลยมีหน้าที่เกี่ยวกับของนั้นอย่างไรแล้ว จะลงโทษตาม มาตรา132 ไม่ได้
ในการกระทำอันเดียวกัน โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์และฐานเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ศาลชั้นต้นยกข้อหาฐานลักทรัพย์แต่ให้ลงโทษฐานทุจริตต่อหน้าที่จำเลยอุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาฝ่ายเดียวเมื่อศาลสูงเห็นว่าการกระทำนั้นไม่เป็นผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ แต่เป็นผิดฐานลักทรัพย์ดังนี้ ก็ย่อมลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดก: สัญญาต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่จำเลยมีสิทธิสืบพยานบุคคลเพื่อต่อสู้ได้
การฟ้องขอให้แบ่งมฤดกตามสัญญาแบ่งมฤดกนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อผู้รับผิด หรือตัวแทนเป็นสำคัญแล้ว จะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่ แต่ในกรณีที่โจทก์ฟ้องขอแบ่งมฤดกซึ่งมิใช่ฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาแบ่งมฤดกนั้น จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์จำเลยได้แบ่งปันทรัพย์มฤดกเสร็จไปแล้ว ดังนี้ จำเลยชอบที่จะนำสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้ของตนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดก: สัญญาต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ หากเป็นการต่อสู้เรื่องแบ่งปันแล้ว สามารถสืบพยานบุคคลได้
การฟ้องขอให้แบ่งมรดกตามสัญญาแบ่งมรดกนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใด ลงลายมือชื่อผู้รับผิดหรือตัวแทนเป็นสำคัญแล้ว จะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่แต่ในกรณีที่โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกซึ่งมิใช่ฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาแบ่งมรดกนั้น จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์จำเลยได้แบ่งปันทรัพย์มรดกเสร็จสิ้นไปแล้ว ดังนี้ จำเลยชอบที่จะนำสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้ของตนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 268/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้นตามมาตรา 24: ศาลสูงมีอำนาจยกเลิกคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นของศาลชั้นต้นได้หากยังไม่สมควรชี้ขาด
ศาลชั้นต้นทำคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้นตามมาตรา 24 ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ยังไม่สมควรที่ศาลจะมีคำสั่งชี้ขาด เพราะข้อเท็จจริงยังไม่ได้ความพอที่จะมีคำสั่งเช่นนั้น จึงพิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ดังนี้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวแล้ว หาใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ไม่ คู่ความย่อมฎีกาได้
แม้ศาลชั้นต้นสั่งชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 แล้ว เมื่อศาลสูงเห็นว่า รูปคดียังไม่สมควรชี้ขาดเบื้องต้น ก็ให้ยกคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นของศาลชั้นต้นเสียได้
แม้ศาลชั้นต้นสั่งชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 แล้ว เมื่อศาลสูงเห็นว่า รูปคดียังไม่สมควรชี้ขาดเบื้องต้น ก็ให้ยกคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นของศาลชั้นต้นเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 268/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสูงในการยกคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 และสิทธิในการฎีกา
ศาลชั้นต้นทำคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้นตามมาตรา 24 ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ยังไม่สมควรที่ศาลจะมีคำสั่งชี้ขาด เพราะข้อเท็จจริงยังไม่ได้ความพอที่จะมีคำสั่งเช่นนั้น จึงพิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ดังนี้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวแล้ว หาใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ไม่คู่ความย่อมฎีกาได้
แม้ศาลชั้นต้นสั่งชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 แล้วเมื่อศาลสูงเห็นว่า รูปคดียังไม่สมควรชี้ขาดเบื้องต้นก็ให้ยกคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นของศาลชั้นต้นเสียได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2491)
แม้ศาลชั้นต้นสั่งชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 แล้วเมื่อศาลสูงเห็นว่า รูปคดียังไม่สมควรชี้ขาดเบื้องต้นก็ให้ยกคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นของศาลชั้นต้นเสียได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 216/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องร้องคดีปลอมแปลงหนังสือสำคัญทางกฎหมาย และการใช้หนังสือปลอมที่ตนเองปลอม
หนังสือมอบฉันทะให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน เป็นหนังสือสำคัญตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 224
การใช้หนังสือปลอมอันจะเป็นผิดตามมาตรา 227 ต้องเป็นการนำหนังสือที่ผู้อื่นปลอมมาใช้ ถ้าตนปลอมขึ้นเองแล้วเอาไปใช้ด้วย ไม่เป็นผิดตามมาตรา 227
ความผิดฐานปลอมหนังสือตาม มาตรา 224 มีอายุความฟ้องร้องภายใน5 ปี
การใช้หนังสือปลอมอันจะเป็นผิดตามมาตรา 227 ต้องเป็นการนำหนังสือที่ผู้อื่นปลอมมาใช้ ถ้าตนปลอมขึ้นเองแล้วเอาไปใช้ด้วย ไม่เป็นผิดตามมาตรา 227
ความผิดฐานปลอมหนังสือตาม มาตรา 224 มีอายุความฟ้องร้องภายใน5 ปี