พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อแตกต่างข้อเท็จจริงในฟ้องและพิจารณา ทำให้ลงโทษจำเลยไม่ได้
ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำผิดเมื่อคืนระหว่างวันที่ 11,12 ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดในคืนวันที่ 10 ถือว่า ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่บรรยายมาในฟ้อง ลงโทษจำเลยไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเพียงพอของฟ้องอาญา: การบรรยายฟ้องที่ทำให้จำเลยเข้าใจข้อหา แม้ไม่มีพฤติการณ์เฉพาะเจาะจง
ฟ้องโจทก์บรรยายในข้อ 1 ว่า มีโจรลักทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไป ข้อ 2 บรรยายว่า จับของกลางบางส่วนได้ที่จำเลยที่ 1-2 กำลังจะนำไปจำหน่ายทั้งนี้โดยจำเลยทั้ง 4 ได้สมคบกันเป็นคนร้ายลักมาตามที่กล่าวในข้อ 1 หรือมิฉะนั้นจำเลยทั้ง 4 บังอาจสมคบกันรับทรัพย์ของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย ขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์และรับของโจร ดังนี้ แม้จะมิได้บรรยายข้อเท็จจริงให้ปรากฏว่าจำเลยที่ 3-4 ได้กระทำการเกี่ยวข้องแก่ทรัพย์ของกลางประการใดด้วย ก็ยังถือได้ว่าเป็นฟ้องที่ ที่ทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเพียงพอของฟ้องอาญา: การบรรยายฟ้องให้จำเลยเข้าใจข้อหา แม้ไม่มีรายละเอียดการกระทำผิดโดยตรง
ฟ้องโจทก์บรรยายในข้อ 1 ว่า มีโจรลักทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไป ข้อ 2 บรรยายว่า จับของกลางบางส่วนได้ที่จำเลยที่ 1-2 กำลังจะนำไปจำหน่าย ทั้งนี้โดยจำเลยทั้ง 4 ได้สมคบกันเป็นคนร้ายลักมาตามที่กล่าวในข้อ 1 หรือมิฉะนั้นจำเลยทั้ง 4 บังอาจสมคบกันรับทรัพย์ของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย ขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์และรับของโจรดังนี้ แม้จะมิได้บรรยายข้อเท็จจริงให้ปรากฏว่าจำเลยที่ 3-4 ได้กระทำการเกี่ยวข้องแก่ทรัพย์ของกลางประการใดด้วยก็ยังถือได้ว่าเป็นฟ้องที่ทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ตาม ป.วิ.อาญา ม.158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของที่ดินฟ้องขับไล่ผู้เช่าจอดแพ และการเช่าไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เช่าสิทธิจอดแพในคลองซึ่งเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินหน้าที่ดินของผู้อื่นนั้น เจ้าของที่ดินย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่ได้
ผู้ได้รับแต่งตั้งจากข้าหลวงประจำจังหวัดให้เป็นผู้จัดการปกครองและผู้ตรวจตราสอดส่องศาลจ้าวย่อมมีอำนาจฟ้อง ขับไล่ผู้เช่าสิทธิจอดแพหน้าที่ดินของศาลจ้าวได้
การเช่าสิทธิจอดแพหน้าที่ดินของผู้อื่นนั้น ไม่ใช่เช่าที่ดินหรือโรงเรือน จึงไม่อยู่ในความคุ้มครองแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
โจทก์จำเลยแถลงรับต่อศาลว่าได้มีหนังสือสัญญาเช่าไว้ต่อกัน ศาลย่อมฟังข้อเท็จจริงได้ว่าการเช่ามีหนังสือสัญญาเช่าไว้ต่อกัน โดยโจทก์ไม่จำต้องนำสืบความข้อนี้อีก.
ผู้ได้รับแต่งตั้งจากข้าหลวงประจำจังหวัดให้เป็นผู้จัดการปกครองและผู้ตรวจตราสอดส่องศาลจ้าวย่อมมีอำนาจฟ้อง ขับไล่ผู้เช่าสิทธิจอดแพหน้าที่ดินของศาลจ้าวได้
การเช่าสิทธิจอดแพหน้าที่ดินของผู้อื่นนั้น ไม่ใช่เช่าที่ดินหรือโรงเรือน จึงไม่อยู่ในความคุ้มครองแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
โจทก์จำเลยแถลงรับต่อศาลว่าได้มีหนังสือสัญญาเช่าไว้ต่อกัน ศาลย่อมฟังข้อเท็จจริงได้ว่าการเช่ามีหนังสือสัญญาเช่าไว้ต่อกัน โดยโจทก์ไม่จำต้องนำสืบความข้อนี้อีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของที่ดินฟ้องขับไล่ผู้เช่าจอดแพ แม้ไม่มีสัญญาเช่าที่ดินโดยตรง และการเช่าไม่เข้าข่ายกฎหมายควบคุมค่าเช่า
เช่าสิทธิจอดแพในคลองซึ่งเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินหน้าที่ดินของผู้อื่นนั้น เจ้าของที่ดินย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่ได้
ผู้ได้รับแต่งตั้งจากข้าหลวงประจำจังหวัด ให้เป็นผู้จัดการปกครองและผู้ตรวจตราสอดส่อง ศาลจ้าวย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่ ผู้เช่าสิทธิจอดแพหน้าที่ดินของศาลจ้าวได้
การเช่าสิทธิจอดแพหน้าที่ดินของผู้อื่นนั้น ไม่ใช่เช่าที่ดินหรือโรงเรือนจึงไม่อยู่ในความคุ้มครองแห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
โจทก์จำเลยแถลงรับต่อศาลว่าได้มีหนังสือสัญญาเช่าไว้ต่อกัน ศาลย่อมฟังข้อเท็จจริงได้ว่าการเช่ามีหนังสือสัญญาเช่าไว้ต่อกันโดยโจทก์ไม่จำต้องนำสืบความข้อนี้อีก
ผู้ได้รับแต่งตั้งจากข้าหลวงประจำจังหวัด ให้เป็นผู้จัดการปกครองและผู้ตรวจตราสอดส่อง ศาลจ้าวย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่ ผู้เช่าสิทธิจอดแพหน้าที่ดินของศาลจ้าวได้
การเช่าสิทธิจอดแพหน้าที่ดินของผู้อื่นนั้น ไม่ใช่เช่าที่ดินหรือโรงเรือนจึงไม่อยู่ในความคุ้มครองแห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
โจทก์จำเลยแถลงรับต่อศาลว่าได้มีหนังสือสัญญาเช่าไว้ต่อกัน ศาลย่อมฟังข้อเท็จจริงได้ว่าการเช่ามีหนังสือสัญญาเช่าไว้ต่อกันโดยโจทก์ไม่จำต้องนำสืบความข้อนี้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อเท็จจริงในคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง: การรุกที่ดิน
ศาลพิพากษาชี้ขาดข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ว่า 'ผู้เสียหายไม่รู้ว่าเขตโฉนดของตนอยู่แค่ไหนจำเลยจะบุกรุกเข้าไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ ที่หาว่าจำเลยบุกรุกเข้าไป ก็เพราะสังเกตไว้เข้าใจเอาเท่านั้น ฟังไม่ได้แน่นอนว่า จำเลยรุกที่ดินของผู้เสียหายฯลฯ'ดังนี้ ถือว่าศาลไม่ได้ชี้ขาดว่าจำเลยไม่ได้รุกที่ดินของผู้เสียหาย เป็นแต่ว่า ผู้เสียหายไม่รู้เขตที่ คือนำสืบไม่ชัดว่า ที่ดินของผู้เสียหายแค่ไหน จึงลงโทษจำเลยทางอาญาไม่ได้เท่านั้น ฉะนั้นเมื่อผู้เสียหายเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายทางแพ่งได้จัดการทำแผนที่วิวาท และนำสืบจนฟังได้แน่นอนว่า จำเลยรุกที่ของโจทก์แล้ว ศาลก็ย่อมฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่งว่าจำเลยรุกที่ดินโจทก์ได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างรับผิดร่วมกับการละเมิดของลูกจ้างต้องแสดงการกระทำในทางการจ้าง
การฟ้องนายจ้างให้รับผิดร่วมกับลูกจ้างในผลแห่งการละเมิดซึ่งลูกจ้างได้กระทำนั้น จะต้องบรรยายฟ้องให้เห็นว่าลูกจ้างได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้าง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นนายจ้าง จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างสมคบกันเอาเพลิงจุดเผาป่าในสวนของจำเลยที่ 1 โดยประมาทเป็นเหตุให้ไฟไหม้สวนของโจทก์ดังนี้ ไม่เป็นคำบรรยายฟ้องอันจะพึงให้นายจ้างต้องรับผิดตามมาตรา 425
ศาลต้องพิพากษาชี้ขาดคดีตามข้อหาและประเด็นในคำฟ้อง เมื่อฟ้องโจทก์ขาดสาระสำคัญ อันเป็นประเด็นที่จะให้จำเลยต้องรับผิดแล้ว ก็ต้องยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นนายจ้าง จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างสมคบกันเอาเพลิงจุดเผาป่าในสวนของจำเลยที่ 1 โดยประมาทเป็นเหตุให้ไฟไหม้สวนของโจทก์ดังนี้ ไม่เป็นคำบรรยายฟ้องอันจะพึงให้นายจ้างต้องรับผิดตามมาตรา 425
ศาลต้องพิพากษาชี้ขาดคดีตามข้อหาและประเด็นในคำฟ้อง เมื่อฟ้องโจทก์ขาดสาระสำคัญ อันเป็นประเด็นที่จะให้จำเลยต้องรับผิดแล้ว ก็ต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องนายจ้างต้องแสดงการกระทำละเมิดในทางการจ้าง
การฟ้องนายจ้างให้รับผิดร่วมกับลูกจ้างในผลแห่งการละเมิดซึ่งลูกจ้างได้กระทำนั้น จะต้องบรรยายฟ้องให้เห็นว่าลูกจ้างได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้าง.
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นนายจ้าง จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้าง สมคบกันเอาเพลิงจุดเผาป่าในสวนของจำเลยที่ 1 โดยประมาท เป็นเหตุให้ไฟไหม้สวนของโจทก์ดังนี้ ไม่เป็นคำบรรยายฟ้องอันจะพึงให้นายจ้างต้องรับผิดตาม ม. 425.
ศาลต้องพิพากษาชี้ขาดคดีตามข้อหาและประเด็นในคำฟ้อง เมื่อฟ้องโจทก์ขาดสาระสำคัญอันเป็นประเด็นที่จะให้จำเลยต้องรับผิดแล้ว ก็ต้องยกฟ้อง.
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นนายจ้าง จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้าง สมคบกันเอาเพลิงจุดเผาป่าในสวนของจำเลยที่ 1 โดยประมาท เป็นเหตุให้ไฟไหม้สวนของโจทก์ดังนี้ ไม่เป็นคำบรรยายฟ้องอันจะพึงให้นายจ้างต้องรับผิดตาม ม. 425.
ศาลต้องพิพากษาชี้ขาดคดีตามข้อหาและประเด็นในคำฟ้อง เมื่อฟ้องโจทก์ขาดสาระสำคัญอันเป็นประเด็นที่จะให้จำเลยต้องรับผิดแล้ว ก็ต้องยกฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 952-953/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฎีกาและการคืนค่าธรรมเนียมในคดีขับไล่
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตัดสินต้องกันให้จำเลยแพ้คดีจำเลยฎีกาแล้วต่อมายื่นคำร้องขอถอนฎีกา ศาลฎีกาอนุญาตให้ถอนได้ ในกรณีเช่นนี้ศาลฎีกาให้คืนค่าธรรมเนียมชั้นฎีกาเฉพาะค่าตัดสินและคำบังคับแก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเคหะและการบอกเลิกสัญญาภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ หากไม่ได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่
การเช่าเคหะอันอยู่ในบังคับแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พ.ศ.2486 นั้น ถ้ามิได้ใช้อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่แล้ว ย่อไม่ใช่เคหะตามความหมายแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน(ฉบับที่ 2) 2488 ผู้ให้เช่าย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าภายในบังคับแห่ง ป.ม.แพ่งฯ ในระหว่างเวลาที่ใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน(ฉบับที่ 2) 2488 ได้
ในคดีที่คู่ความฎีกาในข้อ ก.ม. ถ้าศาลฎีกาเห็นว่า ศาลล่างทั้งสองยังมิได้พิจารณาวินิจฉัยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญในประเด็น ก็มีอำนาจให้ศาลชั้นต้นพิจารณาข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีได้.
ในคดีที่คู่ความฎีกาในข้อ ก.ม. ถ้าศาลฎีกาเห็นว่า ศาลล่างทั้งสองยังมิได้พิจารณาวินิจฉัยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญในประเด็น ก็มีอำนาจให้ศาลชั้นต้นพิจารณาข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีได้.