พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1568/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องละเมิด: จำเลยโต้แย้งการฟ้องเกินกำหนดอายุความได้ แม้โจทก์บรรยายวันที่ทราบเหตุ
ในฟ้องโจทก์บรรยายว่าโจทก์เพิ่งทราบเหตุละเมิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2498 คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ ในคำให้การจำเลยตัดฟ้องว่าโจทก์ทราบเหตุเรื่องนี้แล้วไม่ฟ้องเกิน 1 ปีแล้วคดีขาดอายุความ ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้โต้แย้งไว้แล้ว จะถือว่ารับตามฟ้องโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าช่วงต้องได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่า หากสัญญาเช่าเดิมรวมกับสัญญาใหม่ สัญญาเดิมย่อมระงับ
การที่ผู้เช่าจะให้เช่าช่วงที่ที่เช่ามาจากผู้ให้เช่าได้ ต้องนำสืบได้ว่าได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่า การที่จำเลยผู้เช่านำสืบได้เพียงว่าในการให้เช่าช่วงนั้นผู้ให้เช่าเพียงรู้หรือควรรู้เท่านั้นยังไม่พอ
จำเลยผู้เช่าที่ได้ทำสัญญาเช่าที่ 2 คราว คราวแรกและคราวที่ 2 ในการเช่าคราวหลัง(คราวที่ 2) ได้ขยายบริเวณเช่าออกไปอีกมากกว่าเก่า และนำเอาสัญญาเช่าเก่ามารวมกับสัญญาใหม่ด้วย เช่นนี้ ถือว่าสัญญาเช่าที่ทำครั้งแรกระงับไป
จำเลยผู้เช่าที่ได้ทำสัญญาเช่าที่ 2 คราว คราวแรกและคราวที่ 2 ในการเช่าคราวหลัง(คราวที่ 2) ได้ขยายบริเวณเช่าออกไปอีกมากกว่าเก่า และนำเอาสัญญาเช่าเก่ามารวมกับสัญญาใหม่ด้วย เช่นนี้ ถือว่าสัญญาเช่าที่ทำครั้งแรกระงับไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าช่วงและการระงับสัญญาเช่าเดิม การขยายพื้นที่เช่าถือเป็นการทำสัญญาใหม่
การที่ผู้เช่าจะให้เช่าช่วงที่ ๆ เช่ามาจากผู้ให้เช่าได้ ต้องนำสืบได้ว่าได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่า การที่จำเลยผู้เช่านำสืบได้เพียงว่าในการให้เช่าช่วงนั้นผู้ให้เช่าเพียงรู้หรือควรรู้เท่านั้นยังไม่พอ
จำเลยผู้เช่าที่ได้ทำสัญญาเช่าที่ 2 คราว คราวแรกและคราวที่ 2 ในการเช่าคราวหลัง (คราวที่ 2) ได้ขยายบริเวณเช่าออกไปอีกมากกว่าเก่า และนำเอาสัญญาเช่าเก่ามารวมกับสัญญาใหม่ด้วย เช่นนี้ ถือว่าสัญญาเช่าที่ทำครั้งแรกระงับไป
จำเลยผู้เช่าที่ได้ทำสัญญาเช่าที่ 2 คราว คราวแรกและคราวที่ 2 ในการเช่าคราวหลัง (คราวที่ 2) ได้ขยายบริเวณเช่าออกไปอีกมากกว่าเก่า และนำเอาสัญญาเช่าเก่ามารวมกับสัญญาใหม่ด้วย เช่นนี้ ถือว่าสัญญาเช่าที่ทำครั้งแรกระงับไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1475/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยทรัพย์สิน: การโอนที่ดินเพื่อหักกลบลบหนี้ ทำให้หนี้ระงับสิ้น
จำเลยกู้เงินโจทก์ไป แล้วตกลงกันว่า เมื่อถึงกำหนดชำระในสัญญาจำเลยไม่ชำระให้โจทก์โอนที่ 2 แปลงไปเป็นของโจทก์ตกลงกันแล้วจำเลยได้มอบที่ 2 แปลงพร้อมด้วยตราจอง และเซ็นใบมอบอำนาจไว้ในกระดาษเปล่าให้โจทก์กรอกข้อความเอาเองเพื่อโอนที่เป็นของโจทก์หรือของใครตามที่โจทก์ต้องการ ครั้นถึงกำหนดชำระ จำเลยไม่ชำระเงินตามสัญญา โจทก์จึงจัดการโอนที่ 2 แปลงใส่ชื่อภรรยาโจทก์และเข้าครอบครอง เช่นนี้ ถือได้ว่าเจ้าหนี้ยอมรับหนี้อย่างอื่นแทน นับว่าเป็นการสมบูรณ์แล้ว หนี้สินที่จำเลยกู้โจทก์มาย่อมระงับไป และกรณีไม่เข้ามาตรา 656เพราะไม่มีใครฟ้องร้องขอให้บังคับตามข้อตกลงนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1475/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยทรัพย์สิน: โอนที่ดินหักหนี้ ย่อมระงับหนี้เดิม
จำเลยกู้เงินโจทก์ไป แล้วตกลงกันว่าเมื่อถึงกำหนดชำระในสัญญาจำเลยไม่ชำระให้โจทก์โอนที่ 2 แปลงไปเป็นของโจทก์ตกลงกันแล้วจำเลยได้มอบที่ 2 แปลงพร้อมด้วยตราจอง และเซ็นใบมอบอำนาจไว้ในกระดาษเปล่าให้โจทก์กรอกข้อความเอาเอง เพื่อโอนที่เป็นของโจทก์หรือของใครตามที่โจทก์ต้องการ ครั้นถึงกำหนดชำระ จำเลยไม่ชำระเงินตามสัญญา โจทก์จึงจัดการโอนที่ 2 แปลงใส่ชื่อภรรยาโจทก์และเข้าครอบครอง เช่นนี้ ถือได้ว่าเจ้าหนี้ยอมรับหนี้อย่างอื่นแทน นับว่าเป็นการสมบูรณ์แล้ว หนี้สินที่จำเลยกู้ โจทก์มาย่อมระงับไป และกรณีไม่เข้ามาตรา 656 เพราะไม่มีใครฟ้องร้องขอให้บังคับตามข้อตกลงนั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจงใจละทิ้งร้างต้องพิจารณาพฤติการณ์โดยรวม แม้แยกบ้านแต่ยังมีความสัมพันธ์และอุปการะบุตรย่อมไม่ถือเป็นการละทิ้ง
ถึงแม้สามีจะได้แยกไปอยู่กับภริยาใหม่แล้วก็ดี แต่ก็ยังไปมาที่บ้านภริยาเดิม ไปร่วมรับประทานอาหารกับบุตรเกือบทุกวันและทั้งยังเป็นผู้อุปการะบุตรอยู่ด้วย ภริยาเดิมสั่งคนเฝ้าบ้านไม่ให้ใครเข้าห้องนอกจากตนเองกับลูกๆ แม้กระนั้นสามีก็ยังอุตส่าห์ไปมาที่บ้านภริยาเดิมอยู่แทบทุกวัน.สามีไปบ้านภริยาเดิมทีไร ก็ตั้งข้อสังเกตสอบถามคนในบ้านว่ามีใครไปมาหาโจทก์ เป็นการแสดงกิริยาหวงแหนสนใจในความเป็นอยู่ของโจทก์ พฤติการณ์ดังกล่าวนี้ จะถือว่าสามีจงใจละทิ้งภริยาเดิมเพื่ออ้างมาเป็นเหตุฟ้องหย่าหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจงใจทิ้งร้างและการแสดงความห่วงใย: ศาลฎีกาตัดสินว่าการไปมาหาสู่และอุปการะบุตร ไม่ถือเป็นการจงใจทิ้งร้าง
ถึงแม้สามีจะได้แยกไปอยู่กับภริยาใหม่แล้วก็ดี แต่ก็ยังไปมาที่บ้านภริยาเดิม ไปร่วมรับประทานอาหารกับบุตรเกือบทุกวันและทั้งยังเป็นผู้อุปการะบุตรอยู่ด้วย ภริยาเดิมสั่งคนเฝ้าบ้านไม่ให้ใครเข้าห้องนอกจากตนเองกับลูก ๆ แม้กระนั้นสามีก็ยังอุตส่าห์ไปมาที่บ้านภริยาเดิมอยู่แทบทุกวัน สามีไปบ้านภริยาเดิมทีไร ก็ตั้งข้อสังเกตุสอบถามคนในบ้านว่ามีใครไปมาหาโจทก์เป็นการแสดงกิริยาหวงแหนสนใจในความเป็นอยู่ของโจทก์ พฤติการณ์ดั่งกล่าวนี้ จะถือว่าสามีจงใจละทิ้งร้างภริยาเดิมเพื่ออ้างมาเป็นเหตุฟ้องหย่าหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1371/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุพยานล่าช้า: ศาลอนุญาตได้หากไม่ทำให้คู่ความเสียเปรียบ และมีเหตุผลสมควร
โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน ได้หลงลืมมิได้ระบุพยานให้ถูกต้องตามกฏหมาย ครั้นล่วงเลยมา 2 วัน โจทก์นึกได้รีบยื่นคำร้องขอระบุพยานโดยมีเหตุผลแสดงความสมควร เพราะความเข้าใจผิด เช่นนี้ เมื่อคำนึงว่าหากถ้าศาลอนุญาตคู่ความก็ไม่มีทางเสียรัดเสียเปรียบกัน ศาลก็อนุญาตให้ระบุพยานได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1371/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุพยานล่าช้า: ศาลอนุญาตได้หากมีเหตุสมควรและไม่ทำให้คู่ความเสียเปรียบ
โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อนได้หลงลืมมิได้ระบุพยานให้ถูกต้องตามกฎหมาย ครั้นล่วงเลยมา 2 วันโจทก์นึกได้รีบยื่นคำร้องขอระบุพยานโดยมีเหตุผลแสดงความสมควรเพราะความเข้าใจผิดเช่นนี้ เมื่อคำนึงว่าหากถ้าศาลอนุญาต คู่ความก็ไม่มีทางเสียรัดเสียเปรียบกัน ศาลก็อนุญาตให้ระบุพยานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักลอบนำทองคำเข้าประเทศ แม้ยังมิได้นำขึ้นจากเรือ หากมีเจตนาทุจริตก็ถือเป็นความผิด
การที่จำเลยซึ่งเป็นอินยิเนียร์เรือมีทองไว้ในครอบครองมากเกินจะเป็นของใช้ส่วนตัว ซึ่งทองนี้ซุกไว้ในโต๊ะทำงานของจำเลยในเรือซึ่งเข้ามาสู่ประเทศไทยจากต่างประเทศ เป็นการส่อว่าจำเลยไม่สุจริตในการพาเข้ามาในประเทศเมื่อมีกฎหมายศุลกากรบัญญัติให้ต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงาน จำเลยไม่แจ้ง แม้จำเลยจะยังมิได้เอาทองเคลื่อนย้ายออกจากเรือเพื่อนำขึ้นบก ก็ถือว่าจำเลยกระทำผิด ฐานพาทองอันเป็นของต้องห้ามเข้ามาในประเทศ โดยมิได้รับอนุญาตแล้ว