พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายสุกรและการมอบหมายให้ขายแทน ไม่ใช่การซื้อเชื่อ แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ฟ้องบังคับได้
การที่โจทก์จำเลยตกลงกันว่า จำเลยรับสุกรโจทก์ไป 40 ตัว ไปขาย จำเลยคิดราคาให้โจทก์กิโลกรัมละ 4 บาท 20 สตางค์ ส่วนราคาที่จะขายได้เกินกว่านั้น และน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นจากเวลาที่รับจากโจทก์ตกเป็นของจำเลย เงินโจทก์จะติดตามไปรับหรือจำเลยจะมอบฉันทะให้ตัวแทนโจทก์ไปรับ เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่จำเลยซื้อเชื่อสุกรไปจากโจทก์ แต่เป็นเรื่องที่จำเลยรับสุกรไปขายแทนโจทก์ และหากจะฟังว่าเป็นเรื่องซื้อขาย โจทก์ก็ได้มอบสุกรให้จำเลยไปเป็นการชำระหนี้บางส่วนแล้ว แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์ก็ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าสุกรได้
ฎีกาที่ 1434/2495
ฎีกาที่ 1434/2495
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งมอบสุกรไปขายแทนกัน แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ฟ้องบังคับได้
การที่โจทก์จำเลยตกลงกันว่าจำเลยรับสุกรโจทก์ไป 40 ตัว ไปขาย จำเลยคิดราคาให้โจทก์กิโลกรัมละ 4 บาท 20สตางค์ส่วนราคาที่จะขายได้เกินกว่านั้น และน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นจากเวลาที่รับจากโจทก์ตกเป็นของจำเลยเงินโจทก์จะติดตามไปรับหรือจำเลยจะมอบฉันทะให้ตัวแทนโจทก์ไปรับเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จำเลยซื้อเชื่อสุกรไปจากโจทก์แต่เป็นเรื่องที่จำเลยรับสุกรไปขายแทนโจทก์และหากจะฟังว่าเป็นเรื่องซื้อขายโจทก์ก็ได้มอบสุกรให้จำเลยไปเป็นการชำระหนี้บางส่วนแล้วแม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์ก็ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าสุกรได้(ฎีกาที่ 1434/2495)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่ารักษาทรัพย์ยึดช้าง: ศาลมีอำนาจสั่งจ่ายตามความเห็นสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ค่ารักษาทรัพย์ เป็นค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งศาลอาจจะพิจารณาสั่งให้ได้ตามที่เห็นสมควรตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ก่อนพิพากษาเป็นอันยกเลิกเมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์ขอโอนการยึดไปบังคับคดีอื่นไม่ได้
โจทก์ยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษาในคดีหนึ่ง คดีนั้นถึงที่สุดโดยจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดี ต้องถือว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยึดทรัพย์ไว้ก่อนพิพากษานั้น เป็นอันยกเลิกไปในตัวโจทก์จะขอให้โอนการยึดทรัพย์เช่นว่านี้ไปจะขอให้โอนการยึดทรัพย์เช่นว่านี้ไปเป็นการบังคับคดีในอีกคดีหนึ่งซึ่งโจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีหาได้ไม่ การที่โจทก์จะขอให้บังคับคดีในคดีที่โจทก์เป็นฝ่ายชนะอย่างไร ก็จะต้องไปดำเนินการในคดีนั้นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษาเมื่อคดีถึงที่สุด และการโอนการยึดไปยังคดีอื่น
โจทก์ยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษาในดคีหนึ่ง คดีนั้นถึงที่สุด โดยจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดี ต้องถือว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยึดทรัพย์ไว้ก่อนพิพากษานั้น เป็นอันยกเลิกไปในตัว โจทก์จะขอให้โอนการยึดทรัพย์เช่นว่านี้ไปเป็นการบังคับคดีในอีกคดีหนึ่งซึ่งโจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีหาได้ไม่ การที่โจทก์จะขอให้บังคับคดีในคดีที่โจทก์เป็นฝ่ายชนะอย่างไร ก็จะต้องไปดำเนินการในคดีนั้นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 180/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมโอนที่ดินที่ทำให้โจทก์เสียเปรียบเนื่องจากจำเลยรู้ว่ามีสัญญาก่อนหน้า
จำเลยที่ 2 รู้ดีอยู่แล้วว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์อยู่ก่อนและรับเงินค่าที่ดินบางส่วนจากโจทก์แล้ว ทั้งสัญญานั้นก็ยังผูกพันอยู่ เมื่อจำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมยกที่ดินให้จำเลย ที่ 2 เสีย เช่นนี้ ถือว่าทำให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์ย่อมขอให้เพิกถอนนิติกรรม ยกที่ดินให้กันระหว่างจำเลยเสียได้ตาม ป.พ.พ.ม. 237.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 180/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมยกที่ดินที่ทำให้โจทก์เสียเปรียบ เนื่องจากจำเลยรู้ว่ามีสัญญาก่อนหน้าแล้ว
จำเลยที่ 2 รู้ดีอยู่แล้วว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์อยู่ก่อนและรับเงินค่าที่ดินบางส่วนจากโจทก์แล้ว ทั้งสัญญานั้นก็ยังผูกพันอยู่เมื่อจำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมยกที่ดินให้จำเลยที่ 2 เสียเช่นนี้ ถือว่าทำให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์ย่อมขอให้เพิกถอนนิติกรรมยกที่ดินให้กันระหว่างจำเลยเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา237
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเงื่อนไขการซื้อขายที่ดิน: การรับฟังพยานนอกเอกสารและขอบเขตสัญญา
สัญญาซื้อขายมีข้อความว่า ถ้าไม่ถูกตัดถนนต้องนำเงินมาชำระจำนวนหนึ่ง ถ้าถูกตัดถนนไม่ต้องใช้เงินจำนวนนี้ โจทก์จะนำพยานบุคคลมาสืบว่ายังมีข้อตกลงในเรื่องการตัดถนนในระยะเวลา 1 ปีด้วย นำสืบไม่ได้ ต้องห้าม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่มีเงื่อนไขการชำระเงินตามการเวนคืนที่ดิน การนำสืบพยานนอกเหนือเอกสาร
สัญญาซื้อขายมีข้อความว่าถ้าไม่ถูกตัดถนนต้องนำเงินมาชำระจำนวนหนึ่ง ถ้าถูกตัดถนนไม่ต้องใช้เงินจำนวนนี้โจทก์จะนำพยานบุคคลมาสืบว่ายังมีข้อตกลงในเรื่องการตัดถนนในระยะเวลา1 ปี ด้วย นำสืบไม่ได้ ต้องห้าม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาที่แท้จริงของสัญญาเช่า: สิทธิในการนำสืบพยานเพื่อพิสูจน์ว่าสัญญาเช่าเป็นเพียงอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดด้านดอกเบี้ย
โจทก์จำเลยทำสัญญาขายฝากที่ดิน แล้วจำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินนั้นในวันเดียวกัน ต่อมาเมื่อพ้นกำหนดไถ่คืนแล้ว
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าที่ดิน. จำเลยต่อสู้ว่า ความจริงเป็นเรื่องกู้เงินโดยเอาที่ดินเป็นประกันส่วนการเช่าที่ดินนั้นเป็นการเลี่ยงกฎหมาย เผื่อถ้าจำเลยไถ่ที่ดินคืนจะได้คิดแทนดอกเบี้ยซึ่งเกินกว่าอัตราในกฎหมายคดีนี้จำเลยไม่ได้ไถ่ที่ดินคืน และจำเลยไม่เคยเข้าทำประโยชน์ในที่เช่าที่ดินที่เช่าเป็นที่ว่างเปล่าไม่ควรมีค่าเช่าถึงอัตราที่กำหนดเป็นค่าเช่ากันไว้เช่นนี้ เท่ากับจำเลยต่อสู้ว่าสัญญาเช่าไม่สมบูรณ์ เพราะมิได้มีเจตนาที่จะให้ผูกพันด้วยการเช่ากันจริงๆ จำเลยมีสิทธิที่จะนำพยานมาสืบได้
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าที่ดิน. จำเลยต่อสู้ว่า ความจริงเป็นเรื่องกู้เงินโดยเอาที่ดินเป็นประกันส่วนการเช่าที่ดินนั้นเป็นการเลี่ยงกฎหมาย เผื่อถ้าจำเลยไถ่ที่ดินคืนจะได้คิดแทนดอกเบี้ยซึ่งเกินกว่าอัตราในกฎหมายคดีนี้จำเลยไม่ได้ไถ่ที่ดินคืน และจำเลยไม่เคยเข้าทำประโยชน์ในที่เช่าที่ดินที่เช่าเป็นที่ว่างเปล่าไม่ควรมีค่าเช่าถึงอัตราที่กำหนดเป็นค่าเช่ากันไว้เช่นนี้ เท่ากับจำเลยต่อสู้ว่าสัญญาเช่าไม่สมบูรณ์ เพราะมิได้มีเจตนาที่จะให้ผูกพันด้วยการเช่ากันจริงๆ จำเลยมีสิทธิที่จะนำพยานมาสืบได้