พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 872/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่เพียงพอ ศาลยกฟ้องจำเลยทั้งสอง แม้มีการฎีกาเฉพาะบางคน
ในกรณีที่ศาลเห็นว่าคำพยานบุคคลของโจทก์เชื่อเป็นความจริงไม่ได้ และตามรูปเรื่องแห่งลักษณะคดีทั้งหมดพยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่พอให้ฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ทำให้มีขึ้นซึ่งการกระทำผิดดังฟ้อง ถือว่าเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นไปด้วยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863-864/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพรางการหย่าและซื้อขายทรัพย์สิน: โมฆะเมื่อเจตนาหลอกลวง
สามีภริยาไปจดทะเบียนหย่าที่อำเภอ แต่ความจริงนั้นทั้งสองฝ่ายมิได้มี่เจตนาจะหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยา กันเลย ที่ทำไปก็เพื่อจะลวงผู้อื่นเกี่ยวกับทรัพย์สินของสามีภริยานั่นเอง แล้วภริยาทำนิติกรรมขายที่ดินบ้านเรือนอัน เป็นสินเดิมให้สามีเพื่อกีดกันบุตรของภริยาอันเกิดแก่สามีคนเก่า แต่ความจริงมิได้ขายกัน ดังนี้ นิติกรรมซื้อขาย ย่อมเป็นโมฆะ.
ภริยามีเจตนาจะขายฝากที่ดินแก่ผู้อื่น แต่เนื่องจากไม่เข้าใจในกิจธุระเช่นนี้ และไม่รู้หนังสือ สามีจัดการขายฝาก ให้แก่ผู้อื่นไป โดยสามีใช้กลฉ้อฉล ดังนี้ เมื่อที่ดินนั้นกลับตกมาเป็นของสามีอีก และสามีภริยามิได้เจตนาหย่ากัน จริง สามีจะเอาที่ดินนั้นไว้เป็นของตนไม่ได้/
ภริยามีเจตนาจะขายฝากที่ดินแก่ผู้อื่น แต่เนื่องจากไม่เข้าใจในกิจธุระเช่นนี้ และไม่รู้หนังสือ สามีจัดการขายฝาก ให้แก่ผู้อื่นไป โดยสามีใช้กลฉ้อฉล ดังนี้ เมื่อที่ดินนั้นกลับตกมาเป็นของสามีอีก และสามีภริยามิได้เจตนาหย่ากัน จริง สามีจะเอาที่ดินนั้นไว้เป็นของตนไม่ได้/
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863-864/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพรางและการซื้อขายที่ดินโดยกลฉ้อฉล ศาลเพิกถอนได้
สามีภริยาไปจดทะเบียนหย่าที่อำเภอ แต่ความจริงนั้นทั้งสองฝ่ายมิได้มีเจตนาจะหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากันเลย ที่ทำไปก็เพื่อจะลวงผู้อื่นเกี่ยวกับทรัพย์สินของสามีภริยานั่นเอง แล้วภริยาทำนิติกรรมขายที่ดินบ้านเรือนอันเป็นสินเดิมให้สามีเพื่อกีดกันบุตรของภริยาอันเกิดแต่สามีคนเก่า แต่ความจริงมิได้ขายกัน ดังนี้นิติกรรมซื้อขายย่อมเป็นโมฆะ
ภริยามีเจตนาจะขายฝากที่ดินแก่ผู้อื่น แต่เนื่องจากไม่เข้าใจในกิจธุระเช่นนี้ และไม่รู้หนังสือ สามีจัดการขายขาดให้แก่ผู้อื่นไป โดยสามีใช้กลฉ้อฉล ดังนี้ เมื่อที่ดินนั้นกลับตกมาเป็นของสามีอีก และสามีภริยามิได้เจตนาหย่ากันจริง สามีจะเอาที่ดินนั้นไว้เป็นของตนไม่ได้
ภริยามีเจตนาจะขายฝากที่ดินแก่ผู้อื่น แต่เนื่องจากไม่เข้าใจในกิจธุระเช่นนี้ และไม่รู้หนังสือ สามีจัดการขายขาดให้แก่ผู้อื่นไป โดยสามีใช้กลฉ้อฉล ดังนี้ เมื่อที่ดินนั้นกลับตกมาเป็นของสามีอีก และสามีภริยามิได้เจตนาหย่ากันจริง สามีจะเอาที่ดินนั้นไว้เป็นของตนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกจำเลยคดีอาญา: การที่จำเลยไม่ได้หลบหนี ย่อมไม่ออกหมายจับ
ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลย 40 บาท จำเลยชำระค่าปรับครบแล้ว อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา แต่ส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยไม่ได้ เพราะไม่ทราบว่าจำเลยอยู่ที่ไหน มิใช่ว่าจำเลยพยายามจะหลบตัว ไม่รับสำเนาฎีกาของโจทก์หรือตั้งใจจะหลบหนีคดี ดังนี้ ศาลย่อมไม่ออกหมายจับจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งสำเนาฎีกาไม่สำเร็จ ไม่ถือเป็นการหลบหนีคดี ศาลไม่ออกหมายจับ
ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลย 40 บาท จำเลยชำระค่าปรับครบแล้ว อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา แต่ส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยไม่ได้ เพราะไม่ทราบว่าจำเลยอยู่ที่ไหน มิใช่ว่าจำเลยพยายามจะหลบตัว ไม่รับ สำเนาฎีกาของโจทก์หรือตั้งใจจะหลบหนีคดี ดังนี้ ศาลย่อมไม่ออกหมายจับจำเลย./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 856-857/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีร้านค้าต้องอิงค่าเช่าที่สมควรตามวิญญูชนและข้อเท็จจริง
การประเมินเก็บภาษีร้านค้านั้น ต้องอาศัยความจริงแห่งประโยชน์ที่บังเกิดจากทรัพย์สิน อันเป็นมูลที่จะเก็บภาษี
หลักที่จะคำนวณค่ารายปีในชั้นแรกก็คือ จำนวนเงินซึ่งร้านค้านั้นสมควรให้เช่าได้ในปีหนึ่งๆ เท่าใด ซึ่งจะพึงเห็นได้จากความคิดเห็นของวิญญูชนธรรมดาตามกาละเทศะและมุ่งเอาความจริงเป็นหลัก ถ้าทางเจ้าหน้าที่สรรพากรเรียกประเมินเกินไปแล้ว ผู้เสียภาษีก็ย่อมมีสิทธิขอคืนได้
หลักที่จะคำนวณค่ารายปีในชั้นแรกก็คือ จำนวนเงินซึ่งร้านค้านั้นสมควรให้เช่าได้ในปีหนึ่งๆ เท่าใด ซึ่งจะพึงเห็นได้จากความคิดเห็นของวิญญูชนธรรมดาตามกาละเทศะและมุ่งเอาความจริงเป็นหลัก ถ้าทางเจ้าหน้าที่สรรพากรเรียกประเมินเกินไปแล้ว ผู้เสียภาษีก็ย่อมมีสิทธิขอคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 856-857/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีร้านค้าต้องอ้างอิงค่าเช่าที่สมควรตามวิญญูชนธรรมดา ไม่ใช่ราคาที่สูงเกินจริง
การประเมินเก็บภาษีร้านค้านั้น ต้องอาศัยความจริงแห่งประโยชน์ที่บังเกิดจากทรัพย์สิน อันเป็นมูลที่จะเก็บภาษี
หลักที่จะคำนวณค่ารายปีในชั้นแรกก็คือ จำนวนเงินซึ่งร้านค้านั้นสมควรให้เช่าได้ในปีหนึ่ง ๆ เท่าใด ซึ่งจะเล็งเห็น ได้จากความคิดเห็นของวิญญูชนธรรมดาตามกาละเทศะ และมุ่งเอาความจริงเป็นหลัก ถ้าทางเจ้าหน้าที่สรรพากร เรียกประเมินเกินไปแล้ว ผู้เสียภาษีก็ย่อมมีสิทธิขอคืนได้./
หลักที่จะคำนวณค่ารายปีในชั้นแรกก็คือ จำนวนเงินซึ่งร้านค้านั้นสมควรให้เช่าได้ในปีหนึ่ง ๆ เท่าใด ซึ่งจะเล็งเห็น ได้จากความคิดเห็นของวิญญูชนธรรมดาตามกาละเทศะ และมุ่งเอาความจริงเป็นหลัก ถ้าทางเจ้าหน้าที่สรรพากร เรียกประเมินเกินไปแล้ว ผู้เสียภาษีก็ย่อมมีสิทธิขอคืนได้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาจำเลยในคดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้ไต่สวนมูลฟ้อง – จำเลยยังไม่มีฐานะคู่ความ
คดีอาญาที่ราษฎรฟ้องกันเอง เมื่อศาลชั้นต้นงดไต่สวนมูลฟ้องแล้ว โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้น ดำเนินการไต่สวนต่อไปนั้น ในชั้นนี้จำเลยยังไม่มีฐานะเป็นคู่ความเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับศาลฉะนั้น จำเลยจึง ไม่มีสิทธิฎีกา./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาจำเลยในคดีอาญาที่ศาลชั้นต้นงดไต่สวนมูลฟ้อง: จำเลยยังไม่มีฐานะคู่ความ
คดีอาญาที่ราษฎรฟ้องกันเอง เมื่อศาลชั้นต้นงดไต่สวนมูลฟ้องแล้ว โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนต่อไปนั้นในชั้นนี้จำเลยยังไม่มีฐานะเป็นคู่ความ เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับศาล ฉะนั้น จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 839/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดกรอบเวลาเกิดเหตุในคดีอาญา: ฟ้องระบุช่วงวัน, เหตุเกิดภายในช่วงนั้น แม้ไม่ตรงวันเป๊ะ ศาลไม่ยกฟ้อง
ฟ้องว่า จำเลยปล่อยช้างเข้าไปในเรือกสวนไร่นาของผู้เสียหาย ฯลฯ เมื่อระหว่างวันที่ 18 และ 19 เวลากลางวันและ กลางคืน แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าเหตุเกิดเมื่อคืนวันขึ้น 15 ค่ำ จนเช้าวันแรม 1 ค่ำ ซึ่งตรงกับวันที่ 17 - 18 ก็ ปรากฎว่า ตรงกับฟ้องของโจทก์ส่วนหนึ่งแล้ว จะฟังว่าข้อเท็จจริงต่างกับคำฟ้องอันจะเป็นเหตุยกฟ้องไม่ได้./