คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประวัติ ปัตตพงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฎีกา: ดุลพินิจศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ที่แตกต่างกัน มิใช่เหตุรับฎีกา
คดีที่ห้ามฎีกา ผู้พิพากษาผู้พิจารณาในศาลชั้นต้นบันทึกมาในฎีกาว่า 'ศาลชั้นต้นลงโทษแต่ให้รอการลงโทษไว้ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกทันที จึงเป็นเรื่องดุลพินิจของศาลศาลชั้นต้นเห็นด้วยความเคารพและสุจริตใจว่า ชอบที่ศาลฎีกาจะได้ชี้ขาดเพื่อเป็นบรรทัดฐานทั้งศาลชั้นต้นก็เคยมีเรื่องศาลชั้นต้นให้รอการลงโทษ และศาลอุทธรณ์ลงโทษทันทีแต่ศาลฎีกาให้รอไว้ดังที่ผู้ฎีกาได้อ้างมานั้น จึงเห็นควรให้รับฎีกาไว้ เพื่อศาลฎีกาจะได้พิจารณาต่อไป' ดังนี้ มิได้แสดงว่าข้อความที่ตัดสินมาเป็นปัญหาสำคัญมิได้ แสดงว่า ผู้พิพากษาผู้พิจารณา อนุญาตให้ฎีกาศาลฎีกาจึงจะรับฎีกาไว้พิจารณา ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาฎีกาและการดุลยพินิจของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับการรอการลงโทษ
คดีที่ห้ามฎีกา ผู้พากษาผู้พิจารณาในศาลชั้นต้นบรรทึกมาในฎีกา "ศาลชั้นต้นลงโทษแต่ให้รอการลงโทษไว้ ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกทันที จึงเป็นเรื่องดุลยพินิจของศาลชั้นต้นเห็นด้วยความเคารพและสุจริตใจว่า ชอบที่ศาล ฎีกาจะได้ชี้ขาดเพื่อเป็นบรรทัดฐานทั้งศาลชั้นต้นก็เคยมีเรื่องศาลชั้นต้นให้รอการลงโทษ และศาลอุทธรณ์ลงโทษ ทันที แต่ศาลฎีกาให้รอไว้ดังที่ผู้ฎีกาได้อ้างมานั้น จึงเห็นควรให้รับฎีกาไว้ เพื่อศาลฎีกาจะได้พิจารณาต่อไป" ดังนี้ มิได้แสดงว่าข้อความที่ตัดสินมาเป็นปัญหาสำคัญ มิได้ แสดงว่า ผู้พิพากษาผู้พิจารณา อนุญาตให้ฎีกา ศาลฎีกาจึงรับ ไว้พิจารณา ไม่ได้./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดก: ทรัพย์สินที่จำเลยอ้างเป็นของตน หากศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นมรดก จะแบ่งเฉพาะผู้ที่อุทธรณ์เท่านั้น
ในคดีที่โจทก์หลายคนฟ้องจำเลย ขอให้แบ่งมรดก จำเลยต่อสู้ว่าเป็นทรัพย์ของจำเลย ไม่ใช่มรดก เมื่อศาลชั้นต้น ฟังว่าทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลยไม่ใช่มรดก จึงพิพากษาไม่ใช่แบ่งนั้น ถ้าโจทก์บางคนอุทธรณ์ขอให้แบ่งส่วนโจทก์บางคนไม่อุทธรณ์ ยินยอมตามคำพิพากษา ดังนี้ถ้าศาลอุทธรรณ์เห็นว่า ทรัพย์พิพาทตกเป็นมรดก อันจะต้องแบ่งให้ทายาทแล้วศาลอุทธรณ์ก็จะพิพากษาให้แบ่งเฉพาะโจทก์ที่อุทธรณ์ขึ้นมา เท่านั้นจะพิพากษาให้โจทก์ที่มิได้อุทธรณืขึ้นมาได้รับส่วนแบ่งด้วย ไม่ได้./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดกเฉพาะส่วน ทายาทที่ไม่อุทธรณ์ไม่ได้รับส่วนแบ่ง
ในคดีที่โจทก์หลายคนฟ้องจำเลย ขอให้แบ่งมรดก จำเลยต่อสู้ว่าเป็นทรัพย์ของจำเลย ไม่ใช่มรดก เมื่อศาลชั้นต้นฟังว่าทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลยไม่ใช่มรดกจึงพิพากษาไม่ให้แบ่งนั้นถ้าโจทก์บางคนอุทธรณ์ขอให้แบ่งส่วนโจทก์บางคนไม่อุทธรณ์ ยินยอมตามคำพิพากษาดังนี้ถ้าศาลอุทธรณ์เห็นว่าทรัพย์พิพาทตกเป็นมรดก อันจะต้องแบ่งให้ทายาทแล้วศาลอุทธรณ์ก็จะพิพากษาให้แบ่งเฉพาะโจทก์ที่อุทธรณ์ขึ้นมาเท่านั้นจะพิพากษาให้โจทก์ที่มิได้อุทธรณ์ขึ้นมาได้รับส่วนแบ่งด้วย ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำแนกความผิดระหว่างลักทรัพย์กับยักยอกทรัพย์ กรณีทรัพย์สินอยู่ในความดูแลของผู้อื่น
จำเลยเป็นคนงานของกรมทาง ผู้บังคับบัญชาใช้ให้จำเลยเฝ้าฟืนหลาของกรมทางไว้ไม่ให้เป็นอันตรายสูญหาย ดังนี้ถือว่าฟืนหลานั้นไม่ได้อยู่ในความยึดถือครอบครองของจำเลยแต่อยู่กับผู้บังคับบัญชาจำเลย ฉะนั้นเมื่อจำเลยเอาฟืนหลานั้นไปโดยทุจริตจำเลยก็ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์มิใช่ยักยอกทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายทรัพย์สินที่อยู่ในความดูแล แต่ไม่ได้ครอบครอง ยึดถือเป็นลักทรัพย์ ไม่ใช่ยักยอกทรัพย์
จำเลยเป็นคนงานของกรมทางผู้บังคับบัญชาใช้ให้จำเลยเฝ้าฟืนหลาของกรมทางไว้ไม่ให้เป็นอันตรายสูญหาย ดังนี้ ถือว่าฟืนหลานั้นไม่ได้อยู่ในความยึดถือครอบครองของจำเลย แต่อยู่กับผู้บังคับบัญชาจำเลย ฉะนั้นเมื่อจำเลยเอาฟืนเหลานั้นไปโดยทุจริตจำเลยก็ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์, มิใช่ยักยอกทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 504/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัว: พี่ชายไล่ทำร้าย น้องชายใช้มีดป้องกันตนเองจนพี่ชายเสียชีวิต ศาลฎีกายืนหยัดการยกฟ้อง
พี่ชายถือขวานไล่ทำร้ายน้องชาย น้องชายหนีเข้าใต้ถุนเรือนก็ยังติดตามเข้าใต้ถุนเรือนไปเพื่อจะทำร้ายน้องชายหนีขึ้นเรือนของน้องชายพี่ชายก็ยังตามขึ้นบันไดเรือนเพื่อจะทำร้ายอีกน้องชายจึงใช้มีดหวดทำร้ายพี่ชาย 2 ที พี่ชายตกบันไดเรือนและถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลที่ถูกทำร้าย ดังนี้ ถือได้ว่า น้องชายกระทำเพื่อป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 504/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัว: การใช้สัดส่วนในการตอบโต้การประทุษร้ายด้วยอาวุธอันตราย
พี่ชายถือขวานไล่ทำร้ายน้องชาย น้องชายหนีเข้าใต้ถุนเรือนก็ยังติดตามเข้าใต้ถุนเรือนไปเพื่อจะทำร้าย น้องชายหนีขึ้นเรือนของน้องชาย พี่ชายก็ยังตามขึ้นบันไดเรือนเพื่อจะร้ายอีก น้องชายจึงใช้มีดหวด ทำร้ายพี่ชาย 2
ที พี่ชายตกบันไดเรือนและถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลที่ถูกทำร้ายดังนี้ ถือได้ว่า น้องชายกระทำเพื่อป้องกัน
ตัวพอสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 498/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ข้อเท็จจริงจากคดีอาญาในคดีแพ่ง: ศาลต้องพิจารณาข้อเท็จจริงใหม่ในคดีแพ่ง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ไม่ใช่หนองสาธารณะจำเลยต่อสู้ว่าเป็นหนองสาธารณะคู่ความต่างไม่ติดใจสืบพยานโดยตกลงกันว่าให้ศาลฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานที่สืบมาแล้วในคดีอาญาคดีหนึ่งซึ่งอัยการเป็นโจทก์ ฟ้องโจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทดังนี้เมื่อศาลฎีกาพิพากษาคดีอาญาเรื่องนั้นว่าที่พิพาทจะเป็นหนองสาธารณะหรือไม่ ไม่วินิจฉัยให้คู่ความชอบที่จะโต้แย้งกันในทางแพ่งดังนี้ ข้อที่คู่ความร้องขอให้ฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญา จึงเป็นอันไร้ผลชอบที่คู่ความจะต้องนำสืบข้อเท็จจริงกันในคดีแพ่งนี้ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 498/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานจากคดีอาญามาใช้ในคดีแพ่ง: ศาลต้องพิจารณาข้อเท็จจริงด้วยตนเอง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ไม่ใช่หนองสาธารณะ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นหนองสาธารณะ คู่ความต่างไม่ติดในสืบพยาน โดยตกลงกันว่าให้ศาลฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานที่สืบมาแล้วในคดีอาญาคดี
หนึ่ง ซึ่งอัยการเป็นโจทก์ ฟ้องโจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทดังนี้ เมื่อศาลฎีกาพิพากษาคดีอาญาเรื่องนั้นว่า ที่พิพาทจะเป็นหนองสาธารณะหรือไม ไม่วินิจฉัยให้คู่ความชอบที่จะโต้แย้งกันในทางแพ่ง ดังนี้ ข้อที่คู่ความร้องขอให้ฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญา จึงเป็นอันไร้ผล ชอบที่คู่ความจะต้องนำสืบข้อเท็จจริงกันในคดีแพ่งนี้ต่อไป./
of 172