พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าของผู้ที่อาศัยร่วมกับผู้เช่า แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส: การเป็น 'ผู้หนึ่งในครอบครัว' ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
หญิงที่เป็นภรรยาผู้เช่าบ้านและอยู่กับผู้เช่าในบ้านเช่ามาช้านานในฐานะเป็นภรรยาผู้เช่า ทั้งในทะเบียนสำมะโน
ครัว ก็ลงชื่อภรรยาผู้นั้นเป็นเจ้าบ้าน แม้ภรรยาผู้นั้นจะมิได้จดทะเบียนสมรสกับผู้เช่าให้ถูกต้องตามกฎหมายก็เป็น
อันเพียงพอที่จะฟังได้ว่าภรรยานั้นเป็น "ผู้หนึ่งในครอบครัว" ของผู้เช่าตามความหมายแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
ฯลฯ ฉะนั้น เมื่อผู้เช่าตายลง ภรรยาผู้นั้น ย่อมมีสิทธิแสดงความจำนงขออยู่ในบ้านเช่านนั้นต่อไปตามมาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ได้./
ครัว ก็ลงชื่อภรรยาผู้นั้นเป็นเจ้าบ้าน แม้ภรรยาผู้นั้นจะมิได้จดทะเบียนสมรสกับผู้เช่าให้ถูกต้องตามกฎหมายก็เป็น
อันเพียงพอที่จะฟังได้ว่าภรรยานั้นเป็น "ผู้หนึ่งในครอบครัว" ของผู้เช่าตามความหมายแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
ฯลฯ ฉะนั้น เมื่อผู้เช่าตายลง ภรรยาผู้นั้น ย่อมมีสิทธิแสดงความจำนงขออยู่ในบ้านเช่านนั้นต่อไปตามมาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ได้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการอยู่อาศัยของผู้ที่อยู่ร่วมกันฉันท์ภรรยาในบ้านเช่าหลังผู้เช่าเสียชีวิต แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส
หญิงที่เป็นภรรยาผู้เช่าบ้านและอยู่กับผู้เช่าในบ้านเช่ามาช้านานในฐานะเป็นภรรยาผู้เช่า ทั้งในทะเบียนสำมะโนครัว ก็ลงชื่อภรรยาผู้นั้นเป็นเจ้าบ้านแม้ภรรยาผู้นั้นจะมิได้จดทะเบียนสมรสกับผู้เช่าให้ถูกต้องตามกฎหมายก็เป็นอันเพียงพอที่จะฟังได้ว่าภรรยานั้นเป็น 'ผู้หนึ่งในครอบครัว' ของผู้เช่าตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯฉะนั้น เมื่อผู้เช่าตายลงภรรยาผู้นั้น ย่อมมีสิทธิแสดงความจำนงขออยู่ในบ้านเช่านั้นต่อไปตามมาตรา 17 แห่ง พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งเลื่อนคดีและการอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสิ้น
ศาลชั้นต้นสั่งประทับฟ้องคดีอาญาไว้แล้ว สั่งนัดชี้สองสถานถึงวันนัด โจทก์ไม่มา ไม่ปรากฏเหตุขัดข้องฝ่ายจำเลยมาศาลศาลจึงสั่งเลื่อนคดีไป 15 วันต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลยกฟ้องโจทก์เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 ศาลชั้นต้นสั่งว่าศาลได้พิเคราะห์สั่งให้เลื่อนคดีไปแล้ว จะให้ยกฟ้องโจทก์ไม่ได้ดังนี้ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวนจำเลยจะอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งนั้นก่อนศาลชี้ขาดตัดสินคดีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งเลื่อนคดีไม่เป็นอุปสรรคในการดำเนินคดี การอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นสั่งประทับฟ้องคดีอาญาไว้แล้ว สั่งนัดชี้สองสถานถึงวันนัด โจทก์ไม่มา ไม่ปรากฎเหตุขัดข้อง ฝ่ายจำเลยมา
ศาล ๆ จึงสั่งเลื่อนคดีไป 15 วัน ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลยกฟ้องโจทก์เสียตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 166 ศาลชั้นต้นสั่งว่าศาลได้พิเคราะห์สั่งให้เลื่อนคดีไปแล้ว จะให้ยกฟ้องโจทก์ไม่ได้ดังนี้ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่ง
ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน จำเลยจะอุทธรณ์คัดค้านสคำสั่งนั้นก่อนศาลชี้ขาดตัดสินคดีไม่ได้.
ศาล ๆ จึงสั่งเลื่อนคดีไป 15 วัน ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลยกฟ้องโจทก์เสียตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 166 ศาลชั้นต้นสั่งว่าศาลได้พิเคราะห์สั่งให้เลื่อนคดีไปแล้ว จะให้ยกฟ้องโจทก์ไม่ได้ดังนี้ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่ง
ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน จำเลยจะอุทธรณ์คัดค้านสคำสั่งนั้นก่อนศาลชี้ขาดตัดสินคดีไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 131/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คปลอม: ธนาคารต้องรับผิดแม้ไม่มีประมาทเลินเล่อตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1008
เช็คที่มีผู้ปลอมลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย แล้วเอาไปขึ้นเงินจากธนาคารไปนั้น เป็นกรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1008 แม้ธนาคารจะจ่ายเงินไปโดยมิได้ประมาทเลินเล่อธนาคารก็ยังต้องรับผิดตามจำนวนเงินที่จ่ายให้ไปนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยไม่ต้องรับผิดฐานละเมิดหรือผิดสัญญา แม้ทรัพย์สินเสียหาย เนื่องจากไม่มีเจตนาประมาทเลินเล่อและไม่มีมูลหนี้ผูกพัน
การละเว้นไม่ระมัดระวังในสิ่งที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ทำหรือที่ตนไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายจะต้องทำ ไม่เป็นละเมิด
การลงนามรับรองว่าของมีถูกต้องไม่ใช่สัญญาเป็นแต่หลักฐานอันหนึ่ง อาจสืบความจริงเป็นอย่างอื่นได้
การลงนามรับรองว่าของมีถูกต้องไม่ใช่สัญญาเป็นแต่หลักฐานอันหนึ่ง อาจสืบความจริงเป็นอย่างอื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิในสวนยางเป็นประกันหนี้: ศาลยืนตามศาลล่าง หากสละสิทธิแล้วโจทก์หมดสิทธิเรียกร้อง
โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่า ได้กู้เงินจำเลยไปและมอบสวนยางให้จำเลยเป็นประกัน บัดนี้จำเลยไม่ยอมให้ไถ่สวนยางคืน แต่จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ตกลงสละสิทธิในสวนยางรายนั้นให้แก่จำเลยแล้วประเด็นในคดีจึงมีว่า โจทก์ได้สละสิทธิในสวนยางรายนี้ให้แก่จำเลยแล้วหรือไม่ การที่จำเลยจะเป็นคนต่างด้าวหรือไม่จะได้สิทธิในสวนยางตาม พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าวเพียงไรหรือไม่นั้น ไม่เกี่ยวกับประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยเมื่อปรากฏว่าโจทก์สละสิทธิในสวนยางให้จำเลยแล้ว โจทก์ก็ย่อมหมดสิทธิที่จะมาขอให้ศาลบังคับจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิในสวนยางเป็นประกันการกู้ยืม การสละสิทธิทำให้โจทก์หมดสิทธิเรียกร้อง
โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่า ได้กู้เงินจำเลยไปและมอบสวนยางให้จำเลยเป็นประกัน บัดนี้จำเลยไม่ยอมให้ไถ่สวนยางคืน แต่จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ตกลงสละสิทธิในสวนยางรายนั้นให้แก่จำเลยแล้ว ประเด็นในคดีจึงมีว่า โจทก์ได้สละสิทธิในสวนยางรายนี้ให้แก่จำเลยแล้วหรือไม่การที่จำเลยจะเป็นคนต่างด้าวหรือไม่ จะได้สิทธิในสวนยางตาม พ.ร.บ.ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าวเพียงไรหรือไม่นั้น ไม่เกี่ยวกับประเด็นที่จะต้องวินิจฉัย เมื่อปรากฎว่า โจทก์สละสิทธิในสวนยางให้จำเลยแล้ว โจทก์ก็ย่อมหมดสิทธิที่จะมาขอให้ศาลบังคับจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1576/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุเวลาผิดในฟ้องอาญาเป็นสาระสำคัญ หากไม่ระบุ ศาลต้องยกฟ้องและห้ามฟ้องใหม่
ศาลพิพากษายกฟ้องคดีก่อนโดยวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่ระบุเวลากระทำผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) เป็นฟ้องไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ให้ยกเสียตามมาตรา 161 ดังนี้พึงเห็นได้ว่าเวลากระทำผิดเป็นข้อสำคัญที่โจทก์จะต้องกล่าวในฟ้อง และเวลากระทำผิดเช่นว่านี้ก็เป็นข้อเท็จจริงในเรื่องความผิดที่จำเลยกระทำนั่นเอง จึงได้ชื่อว่าศาลได้ยกฟ้องในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) จะฟ้องจำเลยใหม่ ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1576/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำในคดีอาญา: ศาลยกฟ้องเนื่องจากข้อบกพร่องในฟ้องเดิม และเวลากระทำผิดเป็นสาระสำคัญ
ศาลพิพากษายกฟ้องคดีก่อนโดยวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่ระบุเวลากระทำผิดตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158(5) เป็นฟ้องไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ให้ยกเสียตามมาตรา 161 ดังนี้ พึงเห็นได้ว่าเลากระทำผิดเป็นข้อสัญญาที่โจทก์จะต้องกล่าวในฟ้อง และเวลากระทำผิดเช่นว่านี้ ก็เป็นข้อเท็จจริงในเรื่องความผิดที่จำเลยกระทำนั่นเอง จึงได้ชื่อว่าศาลได้ยกฟ้องในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้ว ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 39(4) จะฟ้องจำเลยใหม่ ไม่ได้