พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาที่แท้จริงของสัญญาเช่า: สิทธิในการนำสืบพยานเพื่อพิสูจน์ว่าสัญญาเช่าเป็นเพียงอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดด้านดอกเบี้ย
โจทก์จำเลยทำสัญญาขายฝากที่ดิน แล้วจำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินนั้นในวันเดียวกัน ต่อมาเมื่อพ้นกำหนดไถ่คืนแล้ว
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าที่ดิน. จำเลยต่อสู้ว่า ความจริงเป็นเรื่องกู้เงินโดยเอาที่ดินเป็นประกันส่วนการเช่าที่ดินนั้นเป็นการเลี่ยงกฎหมาย เผื่อถ้าจำเลยไถ่ที่ดินคืนจะได้คิดแทนดอกเบี้ยซึ่งเกินกว่าอัตราในกฎหมายคดีนี้จำเลยไม่ได้ไถ่ที่ดินคืน และจำเลยไม่เคยเข้าทำประโยชน์ในที่เช่าที่ดินที่เช่าเป็นที่ว่างเปล่าไม่ควรมีค่าเช่าถึงอัตราที่กำหนดเป็นค่าเช่ากันไว้เช่นนี้ เท่ากับจำเลยต่อสู้ว่าสัญญาเช่าไม่สมบูรณ์ เพราะมิได้มีเจตนาที่จะให้ผูกพันด้วยการเช่ากันจริงๆ จำเลยมีสิทธิที่จะนำพยานมาสืบได้
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าที่ดิน. จำเลยต่อสู้ว่า ความจริงเป็นเรื่องกู้เงินโดยเอาที่ดินเป็นประกันส่วนการเช่าที่ดินนั้นเป็นการเลี่ยงกฎหมาย เผื่อถ้าจำเลยไถ่ที่ดินคืนจะได้คิดแทนดอกเบี้ยซึ่งเกินกว่าอัตราในกฎหมายคดีนี้จำเลยไม่ได้ไถ่ที่ดินคืน และจำเลยไม่เคยเข้าทำประโยชน์ในที่เช่าที่ดินที่เช่าเป็นที่ว่างเปล่าไม่ควรมีค่าเช่าถึงอัตราที่กำหนดเป็นค่าเช่ากันไว้เช่นนี้ เท่ากับจำเลยต่อสู้ว่าสัญญาเช่าไม่สมบูรณ์ เพราะมิได้มีเจตนาที่จะให้ผูกพันด้วยการเช่ากันจริงๆ จำเลยมีสิทธิที่จะนำพยานมาสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 161/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งตัวแทนบอกเลิกสัญญาเช่าโดยวาจาเป็นโมฆะหรือไม่ แม้กฎหมายไม่ได้บังคับทำเป็นหนังสือ
การบอกเลิกสัญญาเช่า กฎหมายมิได้บังคับว่า จะต้องทำเป็นหนังสือ ดังนั้น แม้โจทก์จะเพียงมอบอำนาจด้วยวาจาให้บุคคลที่สามบอกเลิกสัญญาเช่าแทนโจทก์บุคคลที่สามที่ว่านั้น ก็ย่อมเป็นตัวแทนของโจทก์โดยชอบเพราะถือได้ว่าการตั้งตัวแทนเช่นนี้ เป็นการแต่งตั้งแสดงออกชัดแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 161/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าด้วยวาจา การแต่งตั้งตัวแทนโดยชัดแจ้ง
การบอกเลิกสัญญาเช่า กฎหมายมิได้บังคับว่า จะต้องทำเป็นหนังสือ ดังนั้นแม้โจทก์จะเพียงมอบอำนาจด้วยวาจาให้บุคคลที่สามบอกเลิกสัญญาเช่าแทนโจทก์บุคคลที่สามที่ว่านั้น ก็ย่อมเป็นตัวแทนของโจทก์โดยชอบ เพราะถือได้ว่าการตั้งตัวแทนเช่นนี้ เป็นการแต่งตั้งแสดงออกชัดแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงประนีประนอมและการฟ้องขับไล่: จำเลยโต้แย้งสิทธิในที่ดินภายหลังยอมรับข้อตกลงไม่ได้
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมกันที่อำเภอว่าจำเลยยอมออกจากที่พิพาท เมื่อจำเลยไม่ยอมออก โจทก์จึงฟ้องขับไล่
จำเลยจะเถียงว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะ โจทก์มีกรรมสิทธิ์ไม่ได้ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น หาได้ไม่
จำเลยจะเถียงว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะ โจทก์มีกรรมสิทธิ์ไม่ได้ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมและการฟ้องขับไล่: จำเลยอ้างที่สาธารณะไม่ได้เมื่อเคยยอมคืนที่ดิน
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมกันที่อำเภอว่าจำเลยยอมออกจากที่พิพาท เมื่อจำเลยไม่ยอมออก โจทก์จึงฟ้องขับไล่ จำเลยจะเถียงว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะ โจทก์มีกรรมสิทธิ์ไม่ได้ ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น หาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีนายหน้า: การกระทำโดยไม่เป็นผู้ค้า ทำให้ใช้ อายุความ 10 ปี
โจทก์ใช้เวลาว่างจากการงานประจำมาทำการเป็นนายหน้าหารายได้ชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ทำให้โจทก์เป็นผู้ค้าในการนั้น การฟ้องเรียกค่านายหน้าในกรณีเช่นว่านี้ มีอายุความ 10 ปีไม่ใช่ 2 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีนายหน้า: หากเป็นงานชั่วคราว ไม่ถือเป็นผู้ค้า ใช้อายุความ 10 ปี
โจทก์ใช้เวลาว่างจากการงานประจำมาทำการเป็นนายหน้าหารายได้ชั่วครั้งชั่วคราวไม่ทำให้โจทก์เป็นผู้ค้าในการนั้นการฟ้องเรียกค่านายหน้าในกรณีเช่นว่านี้ มีอายุความ 10 ปี ไม่ใช่ 2 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 136/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรส สินเดิม การบอกล้างนิติกรรมขายฝาก ศาลมีคำสั่งให้ถอนการยึดทรัพย์ได้
คดีร้องขอให้ถอนการยึด โจทก์มิได้ต่อสู้คดีว่าผู้ร้องปล่อยให้จำเลยแสดงว่ามีอำนาจขายทรัพย์ที่พิพาทข้อนี้ย่อมอยู่นอกประเด็นศาลยกขึ้นวินิจฉัยไม่ได้
แต่ถ้าได้ความว่า ทรัพย์นั้นเป็นของคนอื่น ไม่ใช่ของผู้ร้อง ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิมาขอให้ปล่อยทรัพย์ ศาลยกขึ้นวินิจฉัยได้ แม้โจทก์ต่อสู้เพียงว่าทรัพย์เป็นของจำเลย มิได้ต่อสู้ว่าทรัพย์นั้นเป็นของผู้ใดอื่นก็ตาม
คำพิพากษาให้จำเลยส่งมอบทรัพย์ที่จำเลยขายฝากแก่โจทก์ไม่ผูกพันสามีจำเลยที่จะร้องเข้ามาในชั้นบังคับคดีว่าทรัพย์นั้นเป็นสินบริคณห์ นิติกรรมเป็นโมฆียะ ซึ่งสามีได้บอกล้างแล้ว ให้ถอนการยึด
การบอกล้างนิติกรรม ทำเป็นหนังสือถึงคู่กรณี แต่คู่กรณีนั้นไม่อยู่จึงให้คนในร้านรับไว้แทน ถือว่าบอกล้างโดยชอบแล้ว
แต่ถ้าได้ความว่า ทรัพย์นั้นเป็นของคนอื่น ไม่ใช่ของผู้ร้อง ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิมาขอให้ปล่อยทรัพย์ ศาลยกขึ้นวินิจฉัยได้ แม้โจทก์ต่อสู้เพียงว่าทรัพย์เป็นของจำเลย มิได้ต่อสู้ว่าทรัพย์นั้นเป็นของผู้ใดอื่นก็ตาม
คำพิพากษาให้จำเลยส่งมอบทรัพย์ที่จำเลยขายฝากแก่โจทก์ไม่ผูกพันสามีจำเลยที่จะร้องเข้ามาในชั้นบังคับคดีว่าทรัพย์นั้นเป็นสินบริคณห์ นิติกรรมเป็นโมฆียะ ซึ่งสามีได้บอกล้างแล้ว ให้ถอนการยึด
การบอกล้างนิติกรรม ทำเป็นหนังสือถึงคู่กรณี แต่คู่กรณีนั้นไม่อยู่จึงให้คนในร้านรับไว้แทน ถือว่าบอกล้างโดยชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 111-114/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ผู้เช่าหลังยินยอมออก และการพิสูจน์ฐานะการเข้าครอบครองที่ดิน
ฟ้องขับไล่ อ้างว่าจำเลยปลูกโรงโกดังในบริเวณที่ดินของโจทก์ เพื่อใช้เป็นที่ประกอบการค้า โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ บอกกล่าวให้รื้อไปใน 60 วัน จำเลยให้ความยินยอมไว้ตามหนังสือยินยอมดังนี้ ถือว่าโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย โดยข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์อยู่ที่ว่า โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ จนบอกกล่าวและจำเลยก็ยอมออกไปโดยทำหนังสือยินยอมออกไปให้ไว้
แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าเป็นการเช่า หากจำเลยได้ทำหนังสือให้ความยินยอมออกจากที่โจทก์แล้ว จำเลยก็ย่อมหมดสิทธิที่จะอยู่ต่อไป
ฟ้องว่า จำเลยเข้าปลูกสร้างโดยอาศัย ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องเช่า ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้อง
แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าเป็นการเช่า หากจำเลยได้ทำหนังสือให้ความยินยอมออกจากที่โจทก์แล้ว จำเลยก็ย่อมหมดสิทธิที่จะอยู่ต่อไป
ฟ้องว่า จำเลยเข้าปลูกสร้างโดยอาศัย ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องเช่า ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 111-114/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่และการสิ้นสิทธิการครอบครองเมื่อยินยอมออกไป แม้มีการเช่าก่อนหน้า
ฟ้องขับไล่ อ้างว่าจำเลยปลูกโรงโกดังในบริเวณที่ดินของโจทก์ เพื่อใช้เป็นที่ประกอบการค้า โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ บอกกล่าวให้รื้อไปใน 60 วัน จำเลยให้ความยินยอมไว้ตามหนังสือยินยอมดังนี้ถือว่าโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์อยู่ที่ว่า โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่จนบอกกล่าวและจำเลยก็ยอมออกไปโดยทำหนังสือยินยอมออกไปให้ไว้
แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าเป็นการเช่าหากจำเลยได้ทำหนังสือให้ความยินยอมออกจากที่โจทก์แล้ว จำเลยก็ย่อมหมดสิทธิที่จะอยู่ต่อไป
ฟ้องว่า จำเลยเข้าปลูกสร้างโดยอาศัย ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องเช่า ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้อง
แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าเป็นการเช่าหากจำเลยได้ทำหนังสือให้ความยินยอมออกจากที่โจทก์แล้ว จำเลยก็ย่อมหมดสิทธิที่จะอยู่ต่อไป
ฟ้องว่า จำเลยเข้าปลูกสร้างโดยอาศัย ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องเช่า ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้อง