พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเรียกค่าเสียหายซ้ำจากข้อพิพาทเดิมที่ศาลตัดสินแล้ว ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์เคยฟ้องจำเลยขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ศาลก็พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทต่อไปแล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายในระหว่างที่เป็นความกันในคดีก่อนว่า จำเลยได้ครอบครองและเก็บผลประโยชน์จากที่ดินพิพาท ซึ่งเป็นของโจทก์ไปอีกได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 796/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าสวนผสมการปลูกพืช: สิทธิการเช่าเมื่อปฏิบัติตามสัญญา
โจทก์จำเลยตกลงกัน ให้จำเลยเช่าสวนของโจทก์มีกำหนด 6 ปีโดยจำเลยมีหน้าที่ปลูกส้มเขียวหวานลงในสวนของโจทก์ดังนี้เป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดหนึ่ง ซึ่งมิใช่สัญญาเช่าตามธรรมดาฉะนั้นเมื่อจำเลยได้ปฏิบัติตามข้อสัญญา คือได้ปลูกส้มเขียวหวานลงแล้วจำเลยก็ย่อมมีสิทธิที่จะได้เช่าสวนต่อไปตามข้อสัญญาที่ตกลงกันไว้
จำเลยจึงมีอำนาจฟ้องขอให้โจทก์จัดการจดทะเบียนการเช่าให้จำเลยได้ตามนัยฎีกาที่ 172/2488
จำเลยจึงมีอำนาจฟ้องขอให้โจทก์จัดการจดทะเบียนการเช่าให้จำเลยได้ตามนัยฎีกาที่ 172/2488
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 796/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าสวนที่มีข้อตกลงพิเศษ: สิทธิในการเช่าต่อเนื่องเมื่อปฏิบัติตามข้อตกลง
โจทก์จำเลยตกลงกันให้จำเลยเช่าสวนของโจทก์มีกำหนด 6 ปี โดยจำเลยมีหน้าที่ปลูกส้มเขียวหวานลงในสวนของโจทก์ดังนี้ เป็นสัญญาต่างตอบแทนชะนิดหนึ่ง ซึ่งมิใช่สัญญาเช่าตามธรรมดา ฉะนั้นเมื่อจำเลยได้ปฏิบัติตามข้อสัญญา คือได้ปลูกส้มเขียวหวานลงแล้ว จำเลยก็ย่อมมีสิทธิที่จะได้เช่าสวนต่อไปตามข้อสัญญาที่ตกลงกันไว้จำเลยจึงมีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยจัดการจดทะเบียนการเช่าให้จำเลยได้ตามนัยฎีกาที่ 172/2488
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624-628/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเพื่ออยู่อาศัยเปลี่ยนเป็นค้า ย่อมไม่คุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เช่าห้องที่ตั้งอยู่ในทำเลการค้าแม้ในชั้นแรกเช่าโดยใช้เป็นที่อยู่อาศัยก็ดี แต่การเช่ามิได้ทำสัญญากันเป็นหนังสือ และมิได้กำหนดระยะเวลาการเช่าไว้เป็นที่แน่นอนคงมีแต่การเก็บและชำระค่าเช่ากันเป็นรายเดือนตลอดมาเป็นเวลาช้านาน ห้องเช่าบางห้องเปลี่ยนมือจากเจ้าของกันถึง3 เจ้าของก็มี ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่าวัตถุประสงค์แห่งการเช่าอาจเปลี่ยนแปลงไปเพื่อประกอบธุรกิจหรือการค้าก็ได้ ฉะนั้นในชั้นหลังนี้ เมื่อผู้เช่าใช้ห้องเช่าเป็นที่ประกอบธุรกิจหรือประกอบการค้า แล้วผู้เช่าก็ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624-628/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การเช่าจากที่อยู่อาศัยเป็นเชิงพาณิชย์ ทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เช่าห้องที่ตั้งอยู่ในทำเลการค้า แม้ในชั้นแรกเช่าโดยใช้เป็นที่อยู่อาศัยก็ดี แต่การเช่ามิได้ทำสัญญากันเป็นหนังสือ และมิได้กำหนดระยะเวลาการเช่าไว้เป็นที่แน่นอน คงมีแต่การเก็บและชำระค่าเช่ากันเป็นรายเดือนตลอดมาเป็นเวลาช้านาน ฟ้องเช่าบางห้องเปลี่ยนมือจากเจ้าของกันถึง 3 เจ้าของก็มี ดังนี้ย่อมเห็นได้ว่าวัตถุประสงค์แห่งการเช่าอาจเปลี่ยนแปลงไปเพื่อประกอบธุระกิจหรือการค้าก็ได้ ฉะนั้นในชั้นหลังนี้ เมื่อผู้เช่าใช้ห้องเช่าเป็นที่ประกอบธุระกิจหรือประกอบการค้า แล้ว ผู้เช่าก็ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสอบสวนของตำรวจสันติบาล - การรับฟังพยานหลักฐาน - การฎีกา
การที่ศาลชั้นต้นไม่รับฟังว่านายตำรวจสันติบาลผู้ทำการสอบสวนคดีหนึ่งเป็นผู้มีอำนาจสอบสวน เนื่องจากโจทก์มีแต่คำนายตำรวจผู้สอบสวนคนเดียวมาเบิกความว่าตำรวจสันติบาลมีตำแหน่งหน้าที่สอบสวนคดีได้ทั่วราชอาณาจักร โดยมิได้อ้างเหตุว่าอาศัยบทกฎหมายข้อบังคับหลักฐานอันใดมาแสดง จึงรับฟังไม่ได้และพิพากษายกฟ้องนั้นเป็นการพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ย่อมฎีกาไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสอบสวนของตำรวจสันติบาล: การพิพากษายกฟ้องเมื่อโจทก์มิได้แสดงหลักฐานทางกฎหมาย
การที่ศาลชั้นต้นไม่รับฟังว่านายตำรวจสันติบาลผู้ทำการสอบสวนคดีหนึ่งเป็นผู้มีอำนาจสอบสวนเนื่องจากโจทก์มีแต่คำนายตำรวจผู้สอบสวนคดีเดียวมาเบิกความว่า ตำรวจสันติบาลมีตำแหน่งหน้าที่สอบสวนคดีได้ทั้วราชอาณาจักร โดยมิได้อ้างเหตุว่าอาศัยบทกฎหมายข้อบังคับหลักฐานอันใดมาแสดง จึงรับฟังไม่ได้และพิพากษายกฟ้องนั้นเป็นการพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน โจทก์ย่อมฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดที่ดินหลังทำยอมโอนกรรมสิทธิ์แต่ยังไม่ได้โอนจริง เจ้าหนี้มีสิทธิยึดได้
จำเลยทำยอมต่อศาล ยอมโอนที่ดินแปลงหนึ่งของจำเลยให้ผู้ร้องภายใน 7 วัน นับแต่วันทำยอมในระหว่างนั้น โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงิน ตามสัญญากู้ จำเลยก็ทำยอมใช้เงินแก่โจทก์แล้วไม่ชำระ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานที่ดินที่จำเลยทำยอมแก่ผู้ร้องดังกล่าวข้างต้น ผู้ร้องจึงมาขัดทรัพย์ดังนี้ เมื่อปรากฏว่า ขณะนำยึด จำเลยยังไม่ได้ทำการโอนกรรมสิทธิในที่พิพาทจึงยังเป็นของจำเลยอยู่ โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้มีสิทธิที่จะยึดที่ดินรายนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งห้ามประกอบการค้าตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข: การวินิจฉัยข้อเท็จจริงและขอบเขตการฎีกา
พระราชบัญญัติสาธารณะสุขพ.ศ.2484 มาตรา 68 ให้ศาลมีอำนาจที่จะสั่งห้ามจำเลยมิให้ประกอบการค้านั้นต่อไป ซึ่งเป็นการให้อำนาจศาลใช้ดุลยพินิจวินิจฉัยตามเหตุการณ์แห่งคดี ถือว่าเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม พระราชบัญญัติสาธารณะสุข พ.ศ.2484 มาตรา 7,8,68 ปรับ 100 บาท ส่วนคำขอให้ห้ามจำเลยประกอบการค้าทำเต้าหู้ต่อไปนั้น ไม่บังคับให้แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ห้ามจำเลยทำการค้าเต้าหู้ต่อไป ดังนี้ จำเลยจะฎีกาในข้อห้ามทำการค้าทำเต้าหู้ไม่ได้เพราะเป็นฎีกาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม พระราชบัญญัติสาธารณะสุข พ.ศ.2484 มาตรา 7,8,68 ปรับ 100 บาท ส่วนคำขอให้ห้ามจำเลยประกอบการค้าทำเต้าหู้ต่อไปนั้น ไม่บังคับให้แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ห้ามจำเลยทำการค้าเต้าหู้ต่อไป ดังนี้ จำเลยจะฎีกาในข้อห้ามทำการค้าทำเต้าหู้ไม่ได้เพราะเป็นฎีกาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งห้ามประกอบการค้าตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข: การวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถฎีกาได้
พ.ร.บ.สาธารณะสุข พ.ศ. 2484 มาตรา 68 ให้ศาลมีอำนาจที่จะสั่งห้ามจำเลยมิให้ประกอบการค้านั้น ต่อไป ซึ่งเป็นการให้อำนาจศาลใช้ดุลยพินิจวินิจฉัยตามเหตุการณ์แห่งคดี ถือว่าเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ. 2484 มาตรา 7, 8, 68 ปรับ 100 บาท ส่วนคำขอให้ห้ามจำเลยประกอบการค้าทำเต้าหู้ต่อไปนั้น ไม่บังคับให้ แต่ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ให้ห้ามจำเลยทำการค้าเต้าหู้ต่อไป ดังนี้ จำเลยจะฎีกาในข้อห้ามทำการค้าเต้าหู้ ไม่ได้ เพราะเป็นฎีกาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ. 2484 มาตรา 7, 8, 68 ปรับ 100 บาท ส่วนคำขอให้ห้ามจำเลยประกอบการค้าทำเต้าหู้ต่อไปนั้น ไม่บังคับให้ แต่ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ให้ห้ามจำเลยทำการค้าเต้าหู้ต่อไป ดังนี้ จำเลยจะฎีกาในข้อห้ามทำการค้าเต้าหู้ ไม่ได้ เพราะเป็นฎีกาข้อเท็จจริง