พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1834/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตควบคุมการแปรรูปไม้: การพิสูจน์ประกาศและการปิดประกาศ
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทำการแปรรูปไม้สัก ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุเกิดในป่าตำบลหนึ่ง อันเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ซึ่งรัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา พ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันประกาศ และได้คัดสำเนาประกาศไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอ และที่ทำการกำนันและที่สาธารณะสถานในท้องที่ซึ่งเกี่ยวข้องที่เกิดเหตุนี้แล้ว ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดเฉยๆ แม้มิได้ต่อสู้ว่าตำบลที่เกิดเหตุไม่ใช่เขตควบคุมแปรรูปไม้ และมิได้ต่อสู้ว่าไม่มีการปิดประกาศณที่เกิดเหตุก็ดีศาลก็ยังต้องวินิจฉัยว่าตำบลที่เกิดเหตุนั้น เป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้แล้วหรือไม่ และมีการประกาศและปิดสำเนาประกาศถูกต้องแล้วหรือไม่ด้วย ซึ่งในข้อวินิจฉัยนี้แม้โจทก์จะมีพยานคือ ป่าไม้เขตและป่าไม้จังหวัดนั้น มาเบิกความว่าตำบลที่เกิดเหตุได้ประกาศกำหนดเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้และได้ปิดประกาศไว้ด้วยแล้วก็ตามแต่เมื่อโจทก์มิได้นำตัวประกาศหรือสำเนา อันเจ้าหน้าที่รับรองว่า ถูกต้องมาแสดงให้ปรากฏ ทั้งผู้ปิดประกาศนั้นก็ไม่มีมาเบิกความเช่นนี้ ศาลย่อมวินิจฉัยได้ว่าที่ว่าที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยมีประกาศและปิดประกาศแล้วนั้นฟังไม่ได้
จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดเฉยๆ แม้มิได้ต่อสู้ว่าตำบลที่เกิดเหตุไม่ใช่เขตควบคุมแปรรูปไม้ และมิได้ต่อสู้ว่าไม่มีการปิดประกาศณที่เกิดเหตุก็ดีศาลก็ยังต้องวินิจฉัยว่าตำบลที่เกิดเหตุนั้น เป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้แล้วหรือไม่ และมีการประกาศและปิดสำเนาประกาศถูกต้องแล้วหรือไม่ด้วย ซึ่งในข้อวินิจฉัยนี้แม้โจทก์จะมีพยานคือ ป่าไม้เขตและป่าไม้จังหวัดนั้น มาเบิกความว่าตำบลที่เกิดเหตุได้ประกาศกำหนดเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้และได้ปิดประกาศไว้ด้วยแล้วก็ตามแต่เมื่อโจทก์มิได้นำตัวประกาศหรือสำเนา อันเจ้าหน้าที่รับรองว่า ถูกต้องมาแสดงให้ปรากฏ ทั้งผู้ปิดประกาศนั้นก็ไม่มีมาเบิกความเช่นนี้ ศาลย่อมวินิจฉัยได้ว่าที่ว่าที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยมีประกาศและปิดประกาศแล้วนั้นฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1834/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตควบคุมการแปรรูปไม้: การพิสูจน์การประกาศและการปิดประกาศเพื่อความถูกต้องตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทำการแปรรูปไม้สัก ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตเหตุเกิดในป่าตำบลหนึ่ง อันเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ซึ่งรัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา พ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันประกาศ และได้คัดสำเนาประกาศไว้ ณะที่ว่าการอำเภอ และที่ทำการกำนันและที่สาธารณะสถานในท้องที่ซึ่งเกี่ยวข้องที่เกิดเหตุนี้แล้ว ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิด เฉย ๆ แม้มิได้ต่อสู้ว่าตำบลที่เกิดเหตุไม่ใช่เหตุควบคุมแปรรูปไม้ และมิได้ต่อสู้ว่าไม่มีการปิดประกาศที่เกิดเหตุ ก็ดี ศาลก็ยังต้องวินิจฉัยว่าตำบลที่เกิดเหตุนั้น เป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้แล้วหรือไม่ และมีการประกาศและปิดสำเนาประกาศถูกต้องแล้วหรือไม่ด้วย ซึ่งในข้อวินิจฉัยนี้ แม้โจทก์จะมีพยานคือ ป่าไม้เขตและป่าไม้จังหวัดนั้น มาเบิกความว่าตำบลที่เกิดเหตุได้ประกาศกำหนดเป็นเขตควบคุมกรแปรรูปไม้และได้ปิดประกาศไว้ด้วยแล้วก็ตามแต่เมื่อโจทก์มิได้นำตัวประกาศหรือสำเนา อันเจ้าหน้าที่รับรองว่า ถูกต้องมาแสดงให้ปรากฎ ทั้งผู้ปิดประกาศนั้น ก็ไม่มีมาเบิกความเช่นนี้ ศาลย่อมวินิจฉัยได้ว่า ที่ว่าที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยมีประกาศและปิดประกาศแล้วนั้น ฟังไม่ได้ จึงต้องพิพากษายกฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิด เฉย ๆ แม้มิได้ต่อสู้ว่าตำบลที่เกิดเหตุไม่ใช่เหตุควบคุมแปรรูปไม้ และมิได้ต่อสู้ว่าไม่มีการปิดประกาศที่เกิดเหตุ ก็ดี ศาลก็ยังต้องวินิจฉัยว่าตำบลที่เกิดเหตุนั้น เป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้แล้วหรือไม่ และมีการประกาศและปิดสำเนาประกาศถูกต้องแล้วหรือไม่ด้วย ซึ่งในข้อวินิจฉัยนี้ แม้โจทก์จะมีพยานคือ ป่าไม้เขตและป่าไม้จังหวัดนั้น มาเบิกความว่าตำบลที่เกิดเหตุได้ประกาศกำหนดเป็นเขตควบคุมกรแปรรูปไม้และได้ปิดประกาศไว้ด้วยแล้วก็ตามแต่เมื่อโจทก์มิได้นำตัวประกาศหรือสำเนา อันเจ้าหน้าที่รับรองว่า ถูกต้องมาแสดงให้ปรากฎ ทั้งผู้ปิดประกาศนั้น ก็ไม่มีมาเบิกความเช่นนี้ ศาลย่อมวินิจฉัยได้ว่า ที่ว่าที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยมีประกาศและปิดประกาศแล้วนั้น ฟังไม่ได้ จึงต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1680/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วมขายส่วนของตนได้ แม้ไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของร่วมอื่น หากระบุส่วนสัดชัดเจน
เจ้าของร่วมคนหนึ่ง ๆ ขายที่ดินให้ผู้อื่นโดยระบุส่วนสัดของคนบอกจำนวนเนื้อที่ไว้อย่างชัดแจ้ง มิได้เกินกว่าส่วนสิทธิของตนนั้น แม้เจ้าของร่วมคนอื่นจะมิได้รู้เห็นยินยอมด้วย ก็ตาม การซื้อขายนั้นก็ย่อมสมบูรณ์ตาม ป.ม.แพ่ง ฯมาตรา 1361 วรรค 1 ส่วนมาตรา 1361 วรรค 2 นั้น ท่านประสงค์ห้ามมิให้เจ้าของร่วมคนหนึ่ง ๆ จำหน่าย จำนำ หรือก่อให้เกิดภาระติดพันแก่ตัวทรัพย์สินนั้น โดยมิได้รับความยินยอมแห่งเจ้าของร่วมทุกคนเพราะเป็นการทำลายสิทธิของเจ้าของรวมคนอื่นด้วย มิใช่แต่เฉพาะส่วนของตน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1674/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฐานะจำเลยและการฟ้องคดี: สิทธิการฟ้องคดีระงับ
ในคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ ศาลสั่งไม่รับฟ้อง โดยอ้างว่าสิทธิการฟ้องคดีระงับ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องไว้ดำเนินการไต่สวนต่อไปนั้น จำเลยจะฎีกายังไม่ได้เพราะจำเลยยังไม่มีฐานะเป็นจำเลย หากเป็นเรื่องระหว่างศาลกับโจทก์เท่านั้น (อ้างฎีกาที่296/2480 และที่ 199/2483)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1674/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฐานะจำเลยยังไม่เกิดขึ้นก่อนศาลประทับฟ้อง: สิทธิฎีกา
ในคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ ศาลสั่งไม่รับฟ้อง โดยอ้างว่าสิทธิการฟ้องคดีระงับแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องไว้ดำเนินการไต่สวนต่อไปนั้น จำเลยจะฎีกายังไม่ได้เพราะจำเลยยังไม่มีฐานะเป็นจำเลย หากเป็นเรื่องระหว่างศาลกับโจทก์เท่านั้น
(อ้างฎีกาที่ 296/2480 และ ที่ 199/2483)
(อ้างฎีกาที่ 296/2480 และ ที่ 199/2483)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1666/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือกู้จากการพนัน: ไม่สมบูรณ์ ไม่เป็นหนังสือสำคัญทางกฎหมายอาญา
ทำหนังสือกู้ให้ไว้แทนเงินที่แพ้พนันแก่เขานั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 855 บัญญัติไว้ว่าหนังสือกู้เช่นนี้ ย่อมไม่สมบูรณ์ ฉะนั้นหนังสือกู้นี้จึงไม่มีผลเป็นสำคัญแก่การก่อตั้งกรรมสิทธิหรือหนี้สินตามกฎหมายอย่างไรเลย จึงขาดลักษณะการเป็นหนังสือสำคัญตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 6(20) ฉะนั้นถ้าหลอกลวงให้เขาส่งหนังสือเช่นว่านี้มาให้ตนแล้ว ฉีกทำลายเสีย ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานทำลายหนังสือสำคัญตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 304
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1666/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือกู้จากการพนันไม่สมบูรณ์ ไม่ถือเป็นหนังสือสำคัญทางกฎหมาย การทำลายจึงไม่ผิด
ทำหนังสือกู้ให้ไว้แทนเงินที่แพ้พะนันแก่เขานั้น ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 855 บัญญัติไว้ว่าหนังสือกู้เช่นนี้ ย่อมไม่สมบูรณ์ ฉะนั้นหนังสือกู้นี้จึงไม่มีผลเป็นสำคัญแก่การก่อตั้งกรรมสิทธิหรือหนี้สินตามกฎหมายอย่างไรเลย จึงขาดลักษณะการเป็นหนังสือสำคัญตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 6 (20) ฉะนั้นถ้าหลอกลวงให้เขาส่งหนังสือเช่นว่านี้มาให้ตนแล้ว ฉีกทำลายเสีย ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานทำลายหนังสือสำคัญตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 304
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1663/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บาดแผลจากการทำร้ายร่างกายไม่ถึงขั้นเสียโฉมติดตัว ศาลลดโทษจากมาตรา 256 เป็น 254
หญิงที่ถูกทำร้ายมีบาดแผลที่หน้าผากซ้ายถึงใต้หัวคิ้วข้างซ้ายยาว 4 ซม. กว้าง 7 ม.ม. ลึก 8 ม.ม. เมื่อผู้เสียหายมาเบิกความเป็นพยานที่ศาล แผลหายสนิทแล้ว มีแผลเป็น ศาลผู้พิจารณาให้ผู้เสียหายอยู่ห่าง 5 วา ปรากฎว่าแผลเป็นมองเห็นถนัด เพียงเท่านี้ยังไม่ถึงรูปหน้าเสียโฉมติดตัว จึงจะลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 256 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1663/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บาดแผลเป็นไม่ถึงขั้นเสียโฉม ไม่เข้าข่ายความผิดมาตรา 256
หญิงที่ถูกทำร้ายมีบาดแผลที่หน้าผากซ้ายถึงใต้หัวคิ้วข้างซ้ายยาว 4 ซ.ม. กว้าง 7 ม.ม. ลึก 8 ม.ม. เมื่อผู้เสียหายมาเบิกความเป็นพยานที่ศาล แผลหายสนิทแล้ว มีแผลเป็น ศาลผู้พิจารณาให้ผู้เสียหายอยู่ห่าง 5 วา ปรากฏว่าแผลเป็นมองเห็นถนัด เพียงเท่านี้ยังไม่ถึงรูปหน้าเสียโฉมติดตัว จึงจะลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 256 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1660/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานจำเลยและการรวบรัดตัดสินคดี ศาลอุทธรณ์ต้องรอการสืบพยานจำเลยให้สิ้นสุดก่อน
ในคดีอาญา เมื่อศาลชั้นต้นเชื่อข้อต่อสู้ของจำเลยแล้ว จึงให้งดสืบพยานจำเลยต่อไปแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์เสียดังนี้ เมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อข้อต่อสู้ของจำเลย ก็จะรวบรัดตัดสินลงโทษจำเลยไปยังไม่ชอบ เพราะจำเลยยังสืบพยานไม่หมด ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยเสียให้สิ้นกระแสความก่อนแล้วศาลอุทธรณ์จึงจะวินิจฉัยตัดสินคดีต่อไป