พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1363-1365/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกาศรัฐมนตรีเรื่องเขตควบคุมการแปรรูปไม้: ผลบังคับใช้และการคัดสำเนาประกาศ
ประกาศของรัฐมนตรี ซึ่งจะต้องคัดสำเนาประกาศไว้ ณที่ต่างๆตามความในมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 นั้นเป็นประกาศซึ่งรัฐมนตรีกำหนดขึ้นตามบท แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้อันเป็นเรื่องที่จะให้มีผลบังคับแก่ประชาชนทั่วไป เช่นประกาศกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ เป็นต้น ส่วนประกาศยกเลิกประกาศนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ต้องการให้ประกาศนั้นมีผลบังคับแก่ประชาชนต่อไป จึงหาจำต้องนำไปปิดในที่ต่างๆตามที่กำหนดไว้ไม่ ก็ย่อมมีผลใช้ได้
ประกาศรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการมีข้อความยกเลิกประกาศฉบับแรกๆที่กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ไว้ แล้วมีข้อความกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ขึ้นใหม่ แต่ประกาศฉบับนี้หาได้มีการคัดสำเนาปิดไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอ ที่ว่าการกำนันหรือที่สาธารณะสถานในท้องที่ในเขตที่เกี่ยวข้องไม่ ดังนี้ ประกาศฉบับหลังนี้คงมีผลใช้ได้เฉพาะที่ให้ยกเลิกประกาศฉบับแรกๆที่ กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้เท่านั้น
ประกาศรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการมีข้อความยกเลิกประกาศฉบับแรกๆที่กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ไว้ แล้วมีข้อความกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ขึ้นใหม่ แต่ประกาศฉบับนี้หาได้มีการคัดสำเนาปิดไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอ ที่ว่าการกำนันหรือที่สาธารณะสถานในท้องที่ในเขตที่เกี่ยวข้องไม่ ดังนี้ ประกาศฉบับหลังนี้คงมีผลใช้ได้เฉพาะที่ให้ยกเลิกประกาศฉบับแรกๆที่ กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท: การเก็บผลผลิตไม่ใช่ลักทรัพย์ หากเป็นข้อพิพาททางแพ่ง
จำเลยเก็บมะพร้าวในสวนที่จำเลยครอบครอง ในฐานะที่ถือตนว่าเป็นเจ้าของสวนตลอดมา แม้จะมีกรณีโต้เถียงกับโจทก์ในเรื่องกรรมสิทธิ์ของสวนพิพาทนี้ ก็เป็นเรื่องลักทรัพย์ทางอาญาไม่ได้ กรณีเป็นเรื่องแย่งกรรมสิทธิ์ทางแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเก็บผลผลิตในที่ดินที่พิพาทเรื่องกรรมสิทธิ ไม่ถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ แต่เป็นเรื่องแย่งกรรมสิทธิทางแพ่ง
จำเลยเก็บมะพร้าวในสวนที่จำเลยครอบครอง ในฐานะที่ถือตนว่าเป็นเจ้าของสวนตลอดา แม้จะมีกรณีโต้เถียงกับโจทก์ในเรื่องกรรมสิทธิของสวนพิพาทนี้ ก็เป็นเรื่องลักทรัพย์ทางอาญาไม่ได้ กรณีเป็นเรื่องแย่งกรรมสิทธิทางแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1253/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องฎีกา: ผลของการไม่จัดการเมื่อศาลสั่งให้ดำเนินการ
จำเลยยื่นฎีกา เจ้าพนักงานกองหมายนำหมายนัดและสำเนาฎีกาส่งแก่โจทก์แต่ส่งไม่ได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า"ให้จำเลยทราบและจะจัดการอย่างไร" ทนายจำเลยได้ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่ 10 มกราคม 2494 และจนถึงวันที่29 มกราคม 2494 ก็มิได้แถลงให้ศาลทราบ จนศาลชั้นต้นส่งสำนวนมาศาลฎีกา พฤติการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นการทิ้งฟ้องฎีกาตามความในมาตรา 174 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามมาตรา 132 ประกอบมาตรา 247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1253/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้อง: การไม่ดำเนินการใดๆ หลังศาลสั่งให้จำเลยทราบเรื่อง
พฤติการณ์ที่ถือว่า ทิ้งฟ้องชั้นฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1235/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภริยาร้างไม่มีสิทธิในทรัพย์สินสมรสที่สามีได้มาช่วงแยกกันอยู่
สามีภริยาร้างกันอยู่ก่อนใช้ ป.ม.แพ่ง ฯ บรรพ 5 ก็ยังคงเป็นภริยาร้างตามกฎหมายเก่า กฎหมายใหม่หาได้บัญญัติเปลี่ยนแปลงไม่ เพราะกฎหมายใหม่ไม่กระทบกระเทือนถึงการสัมพันธูในครอบครัว สิทธิและหน้าที่ในเรื่องนี้ยังคงเป็นอยู่ตามกฎหมายเดิม เช่น ในการแบ่งสินสมรส
ภริยาร้างไม่มีสิทธิจะขอแบ่งทรัพยสินสมรส ที่สามีได้มาในระหว่างร้างกัน เพราะเหตุว่าทรัพย์นั้นมิใช่ได้มาโดยการอยู่กินสมรสร่วมกัน หากเป็นโดยอีกฝ่ายหนึ่ง หามาได้ตามลำพังและแยกไว้เป็นส่วนตัวแล้ว
ภริยาร้างไม่มีสิทธิจะขอแบ่งทรัพยสินสมรส ที่สามีได้มาในระหว่างร้างกัน เพราะเหตุว่าทรัพย์นั้นมิใช่ได้มาโดยการอยู่กินสมรสร่วมกัน หากเป็นโดยอีกฝ่ายหนึ่ง หามาได้ตามลำพังและแยกไว้เป็นส่วนตัวแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1235/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภริยาร้าง สิทธิในทรัพย์สินสมรส: ทรัพย์ที่ได้มาขณะแยกกันอยู่ไม่เป็นสินสมรส
สามีภริยาร้างกันอยู่ก่อนใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ก็ยังคงเป็นภริยาร้างตามกฎหมายเก่า กฎหมายใหม่หาได้บัญญัติเปลี่ยนแปลงไม่ เพราะกฎหมายใหม่ไม่กระทบกระเทือนถึงการสัมพันธ์ในครอบครัว สิทธิและหน้าที่ในเรื่องนี้ยังคงเป็นอยู่ตามกฎหมายเดิม เช่น ในการแบ่งสินสมรส
ภริยาร้างไม่มีสิทธิจะขอแบ่งทรัพย์สินสมรส ที่สามีได้มาในระหว่างร้างกัน เพราะเหตุว่าทรัพย์นั้นมิใช่ได้มาโดยการอยู่กินสมรสร่วมกัน หากเป็นโดยอีกฝ่ายหนึ่งหามาได้ตามลำพังและแยกไว้เป็นส่วนตัวแล้ว
ภริยาร้างไม่มีสิทธิจะขอแบ่งทรัพย์สินสมรส ที่สามีได้มาในระหว่างร้างกัน เพราะเหตุว่าทรัพย์นั้นมิใช่ได้มาโดยการอยู่กินสมรสร่วมกัน หากเป็นโดยอีกฝ่ายหนึ่งหามาได้ตามลำพังและแยกไว้เป็นส่วนตัวแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1145/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจบังคับคดีและการขัดขวางสิทธิเจ้าหนี้หลังยึดทรัพย์
เมื่อเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดทรัพย์ของลูกหนี้เพื่อขายทอดตลาดแล้ว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 278 ให้ทรัพย์ที่ยึดและเงินที่ขายทอดตลาดตกอยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดี ลูกหนี้ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์ไม่มีอำนาจจะกระทำการอันเป็นการเสื่อมเสียต่อการบังคับคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ เช่นลูกหนี้ทำสัญญายกเงินที่ขายทอดตลาดให้แก่ผู้ใด ผู้นั้นก็หามีอำนาจที่จะยกสิทธินั้นมาอ้างเพื่อขัดขวางสิทธิของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่บังคับคดีหรือขอเฉลี่ยทรัพย์ ได้ไม่ และเมื่อปรากฏว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ยึดทรัพย์ลูกหนี้ขายทอดตลาดแล้วเจ้าหนี้อื่นก็ไม่มีสิทธิขัดขวางสิทธิของเจ้าหนี้ที่ได้ดำเนินการบังคับคดีนั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ก็อนุญาตเฉพาะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่จะร้องขอเฉลี่ยในเงินที่ขายทอดตลาดได้เท่านั้น จะไปขอยึดทรัพย์นั้นโดยวิธีการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ก็หาทำให้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1145/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องเงินจากการบังคับคดี: ลำดับสิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าหนี้อื่น
เมื่อเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดทรัพย์ของลูกหนี้เพื่อขายทอดตลาดแล้ว ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 278 ให้ทรัพย์ที่ยึดและเงินที่ขายทอดตลาดตกอยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดี ลูกหนี้ ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์ไม่มีอำนาจจะกระทำการอันเป็นการเสื่อมเสียต่อการบังคับคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ เช่นลูกหนี้ทำสัญญายกเงินที่ขายทอดตลาดให้แก่ผู้ใด ผู้นั้นก็หามีอำนาจที่จะยกสิทธินั้นมาอ้างเพื่อขัดขวางสิทธิของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่บังคับคดีหรือขอเฉลี่ยทรัพย์ ได้ไม่ และเมื่อปรากฎว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ยึดทรัพย์ลูกหนี้ขายทอดตลาดแล้วเจ้าหนี้อื่นก็ไม่มีสิทธิขัดขวางสิทธิของเจ้าหนี้ที่ได้ดำเนินการบังคับดคีนั้น ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 290 ก็อนุญาตเฉพาะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่จะร้องขอเฉลี่ยในเงินที่ขายทอดตลาดได้เท่านั้นจะไปขอยึดทรัพย์นั้นโดยวิธีการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ก็หาทำให้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายฝากที่ดินโดยผู้ไม่มีอำนาจ สัญญาไม่ผูกพันบุตร และการครอบครองปรปักษ์ที่ต้องเจตนาเป็นเจ้าของ
บิดาเอาที่ดิน ( ไม่มีโฉนด ) พร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน อันเป็นของบุตรไปขายฝากเขาไว้มีกำหนดไถ่คืนภายใน 10 ปี ในนามตนเองเป็นส่วนตัว มิใช่ทำแทนบุตร ผู้รับซื้อฝากก็ทราบว่าที่ดินเป็นของบุตร ดังนี้จะนำสัญญามาใช้ยันบุตรไม่ได้และผู้รับซื้อฝากจะอ้างว่าได้ครอบครองมาครบ 10 ปีแล้ว ก็ไม่ได้อีกเพราะเมื่อสัญญานั้นไม่ผูกพันบุตรดังกล่าวแล้ว การครอบครองของจำเลยตามข้อสัญญาและตามกิริยาที่ปฏิบัติต่อกันเป็นทำนองเอาที่ดินประกันเงินกู้ โดยยอมให้มีสิทธิไถ่ถอนได้ภายใน 10 ปี ฉะนั้นภายในกำหนด 10 ปีนั้นผู้รับซื้อฝากจะอ้างว่า ตนครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของหาได้ไม่
จำเลยรับซื้อฝากที่ดินจากบิดาของโจทก์โดยรู้ว่าบิดาครอบครองแทนโจทก์และไม่มีอำนาจโอน จำเลยอ้างอายุความปกครองโดยปรปักษ์ยันโจทก์ไม่ได้
จำเลยเคยฟ้องมารดาของเด็ก ( ซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว ) ขอให้ศาลขัลไล่ออกจากที่พิพาทโดยอ้างว่าได้กรรมสิทธิมาจากการขายฝากหลุดเป็นกรรมสิทธิ ศาลพิพากษาให้จำเลยชนะ แต่คดียังไม่ถึงที่สุดเด็กกลับมาเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของเด็ก มิใช่ของบิดามารดา การที่บิดเอาที่ไปขายฝากแก่จำเลย เด็กไม่ทราบ เป็นเรื่องจำเลยสมคบกับบิดาเด็กแจ้งเท็จต่ออำเภอว่าเป็นที่ของบิดาเด็ก จึงขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝาก ดังนี้ ถือว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ และคำพิพากษาในคดีก่อนก็ไม่ผูกพันเด็ก
จำเลยรับซื้อฝากที่ดินจากบิดาของโจทก์โดยรู้ว่าบิดาครอบครองแทนโจทก์และไม่มีอำนาจโอน จำเลยอ้างอายุความปกครองโดยปรปักษ์ยันโจทก์ไม่ได้
จำเลยเคยฟ้องมารดาของเด็ก ( ซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว ) ขอให้ศาลขัลไล่ออกจากที่พิพาทโดยอ้างว่าได้กรรมสิทธิมาจากการขายฝากหลุดเป็นกรรมสิทธิ ศาลพิพากษาให้จำเลยชนะ แต่คดียังไม่ถึงที่สุดเด็กกลับมาเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของเด็ก มิใช่ของบิดามารดา การที่บิดเอาที่ไปขายฝากแก่จำเลย เด็กไม่ทราบ เป็นเรื่องจำเลยสมคบกับบิดาเด็กแจ้งเท็จต่ออำเภอว่าเป็นที่ของบิดาเด็ก จึงขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝาก ดังนี้ ถือว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ และคำพิพากษาในคดีก่อนก็ไม่ผูกพันเด็ก