คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประวัติ ปัตตพงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 325/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสืบพยานหักล้างความสมบูรณ์ของสัญญา การข่มขู่เป็นเหตุให้สัญญาเป็นโมฆะ
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้จากจำเลย ๆ ให้การต่อสู้ว่า สัญญากู้เกิดจากการขมขู่และไม่ได้รับเงินเลย ดังนี้จำเลยย่อมนำสืบตามข้อต่อสู้ได้เพราะเป็นการสืบหักล้างว่าสัญญาหรือหนี้ตามเอกสารนั้นว่าไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 325/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้คดีสัญญา กู้ยืมเงิน และการสืบพยานหักล้างความสมบูรณ์ของสัญญา
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้จากจำเลย จำเลยให้การต่อสู้ว่าสัญญากู้เกิดจากการข่มขู่และไม่ได้รับเงินเลย ดังนี้จำเลยย่อมนำสืบตามข้อต่อสู้ได้เพราะเป็นการสืบหักล้างว่าสัญญาหรือหนี้ตามเอกสารนั้นว่าไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายสุรา: โจทก์มีหน้าที่จัดการขออนุญาตก่อน หากไม่จัดการ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าปรับจากจำเลย
จำเลยทำสัญญากับโจทก์รับจะจัดการนำสุราไปขายยัง 4 จังหวัด ซึ่งเป็นเขตต์ที่โจทก์ได้รับอนุญาตมาให้เป็นผู้ขายส่งสุรา แต่โจทก์ไม่จัดการออกใบขนสุราให้จำเลยและไม่จัดการขออนุญาตตั้งร้านค้าช่วงและผู้รับช่วงจำหน่ายในจังหวัดนั้น ๆให้จำเลย ซึ่งโจทก์เท่านั้นเป็นผู้มีอำนาจขออนุญาต จำเลยจะเป็นผู้ขออนุญาตไม่ได้ จำเลยจึงไม่ได้นำสุราไปขายยังจังหวัดนั้น ๆ เป็นเหตุให้โจทก์ถูกโรงงานปรับดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์มิได้จัดการในกรณีที่อยู่ในอำนาจของตัวเพื่อให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาโดยชอบโจทก์ย่อมไม่มีสิทธิฟ้องหาว่าจำเลยทำผิดสัญญาและเรียกให้จำเลยชดใช้ค่าปรับที่โจทก์เสียไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายสุราและการไม่ปฏิบัติตามสัญญาของผู้ขายส่ง
จำเลยทำสัญญากับโจทก์รับจะจัดการนำสุราไปขายยัง 4 จังหวัดซึ่งเป็นเขตที่โจทก์ได้รับอนุญาตมาให้เป็นผู้ขายส่งสุรา แต่โจทก์ไม่จัดการออกใบขนสุราให้จำเลย และไม่จัดการขออนุญาตตั้งร้านค้าช่วงและผู้รับช่วงจำหน่ายในจังหวัดนั้นๆ ให้จำเลย ซึ่งโจทก์เท่านั้นเป็นผู้มีอำนาจขออนุญาต จำเลยจะเป็นผู้ขออนุญาตไม่ได้ จำเลยจึงไม่ได้นำสุราไปขายยังจังหวัดนั้นๆ เป็นเหตุให้โจทก์ถูกโรงงานปรับดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์มิได้จัดการในกรณีที่อยู่ในอำนาจของตัวเพื่อให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาโดยชอบ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิฟ้องหาว่าจำเลยทำผิดสัญญาและเรียกให้จำเลยชดใช้ค่าปรับที่โจทก์เสียไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของข้าราชการฐานรับฝากเงินและละเมิดสัญญา การแบ่งแยกความรับผิดระหว่างตัวการและตัวแทน
ฟ้องโจทก์กล่าวไว้ชัดว่าจำเลยที่ 2 เป็นข้าราชการในกรมสรรพสามิตจำเลยที่ 1 มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกการเงิน จำเลยที่ 2 ได้รับฝากเงินของโจทก์ไว้ในหน้าที่ราชการ แล้วไม่คืนให้โจทก์ จึงขอให้จำเลยทั้ง2ร่วมกันรับผิดชดใช้เงินจำนวนนี้ ดังนี้ เป็นการหาเรื่องผิดสัญญา ไม่ใช่ละเมิดและเป็นการฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานเป็นตัวการ จำเลยที่ 2 ในฐานเป็นตัวแทนจำเลยที่1 จึงต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 820 มาใช้บังคับ คือจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์โดยถือว่าเป็นเรื่องละเมิด ซึ่งไม่ตรงกับท้องเรื่องจำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ แสดงว่าพอใจในคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ผู้เดียวศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง เลยไปถึงจำเลยที่ 1 ด้วย ดังนี้ เป็นการขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245 เพราะการชำระหนี้เช่นนี้ไม่ใช่ว่าไม่อาจแบ่งแยกได้อันจะเป็นกรณีเข้าอนุมาตรา 1 แห่งมาตรา245

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากสัญญาฝากทรัพย์ ตัวการตัวแทน ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินเลยถึงตัวการที่ไม่เคยอุทธรณ์
ฟ้องโจทก์กล่าวไว้ชัดว่าจำเลยที่ 2 เป็นข้าราชการในกรมสรรพสามิตต์ จำเลยที่ 1 มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกการเงิน จำเลยที่ 2 ได้รับฝากเงินของโจทก์ไว้ในหน้าที่ราชการ แล้วไม่คืนให้โจทก์ จึงขอให้จำเลยทั้ง 2 ร่วมกันรับผิดชดใช้เงินจำนวนนี้ ดังนี้ เป็นการหาเรื่องผิดสัญญา ไม่ใช่ละเมิด และเป็นการฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานเป็นตัวการ จำเลยที่ 2 ในฐานเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 จึงต้องนำ ป.ม.แพ่งฯมาตรา 820 มาใช้บังคับ คือจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์โดยถือว่าเป็นเรื่องละเมิด ซึ่งไม่ตรงกับท้องเรื่องจำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ แสดงว่าพอใจในคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ผู้เดียวศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง เลยไปถึงจำเลยที่ 1 ด้วย ดังนี้ เป็นการขัดกับ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 245 เพราะการชำระหนี้เช่นนี้ไม่ใช่ว่าไม่อาจแบ่งแยกได้อันจะเป็นกรณีเข้าอนุมาตรา 1 แห่งมาตรา 245

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41-42/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองค่าเช่าเคหะ: จำเลยต้องแสดงเจตนาใช้เป็นที่อยู่อาศัยเพื่อรับความคุ้มครอง
พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ คุ้มครองการเช่าเคหะที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ฉะนั้นเมื่อโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่าห้องเช่าอยู่ในเขตเทศบาล จำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ มิได้กล่าวในคำให้การเลยว่าห้องเช่าเป็นเคหะอันใช้เป็นที่อยู่อาศัย อันจะเป็นข้อแสดงว่าการเช่าอยู่ในความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติเมื่อคำให้การของจำเลยไม่แสดงให้เห็นว่าการเช่าของจำเลยอยู่ในข่ายคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติแล้วคดีก็ไม่มีทางที่จำเลยจะได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่า ฯลฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันเกียรติยศเกินสมควรแก่เหตุ: การกระทำความรุนแรงจนถึงแก่ความตาย
ไปพบผู้ตายนอนกอดภริยาตนอยู่บนแคร่ ซึ่งมีคนอื่นนอนอยู่ด้วยอีกหลายคน จึงเอาไม้ตีผู้ตายดังนี้เป็นการกระทำเพื่อป้องกันเกียรติยศและชื่อเสียงเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันเกียรติยศเกินสมควรแก่เหตุเป็นเหตุให้ความผิดฐานฆ่าลดลง
ไปพบผู้ตายนอนกอดภริยาตนอยู่บนแคร่ ซึ่งมีคนอื่นนอนอยู่ด้วยอีกหลายคน จึงเอาไม้ตีผู้ตาย และตีซ้ำอีกจนผู้ตายตาย ดังนี้ เป็นการกระทำเพื่อป้องกันเกียรติยศและชื่อเสียงเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1778/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาให้/หมั้นที่ยังไม่สมบูรณ์: ข้อกำหนดเรื่องการสมรสตามกฎหมายและการไม่เป็นไปตามเจตนาเดิม
พ่อแม่ฝ่ายชายทำสัญญายกที่นา 10 ไร่โดยแบ่งออกจากนาแปลงใหญ่ + ให้เป็นของหมั้นแก่หญิงต่อมาหญิงชายได้แต่งงานอยู่กินด้วยกันที่บ้านชายไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน นาที่ยกให้ก็ยังไม่ได้มอบหมายให้กันอย่างแท้จริง ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่านา 10 ไร่นี้เป็นของหมั้นตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1436 หญิงจะฟ้องเรียกนา 10 ไร่นี้ในฐานเป็นของหมั้นไม่ได้ หากจะถือว่าเป็นสัญญาให้ที่มีการตอบแทน จุดประสงค์ของผู้ให้เพื่อให้คู่สมรสได้ใช้สรอยทำกินด้วยกันเป็นสำคัญ เมื่อหญิงกับชายไม่ได้สมรสกันโดยถูกต้องตาม ก.ม.แล้วและบัดนี้ยังแยกไม่ได้อยู่กินด้วยกันอีก ก็นับว่าไม่เป็นไปตามความประสงค์ของผู้ให้ จึงไม่มีเหตุที่หญิงจะเรียกร้องเอานานี้ได้ส
of 172