คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประวัติ ปัตตพงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าที่ดินเพื่อประกอบธุรกิจคานเรือ ไม่เข้าข่ายคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ
โจทก์ฟ้องกล่าวว่า จำเลยเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อทำคานเรือ จำเลยให้การรับในข้อนี้แล้ว ให้การต่อไปอีกว่า ที่ซึ่งจำเลยเช่านี้ใช้ทำเป็นคานเรือและปลูกสร้างโรงเรือนใช้เป็นที่อยู่อาศัยและประกอบธุรกิจการค้ามาก่อนโจทก์ซื้อ ถือว่าคำให้การดังกล่าวไม่แสดงว่าจำเลยเช่าเป็นที่อยู่อาศัยอันจะอยู่ในข่ายคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯลฯ คดีจึงไม่มีประเด็นที่จำเลยจะพึงอ้างว่าได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ
จำเลยรับว่าอยู่ในที่ดินของโจทก์ จำเลยอ้างความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ ซึ่งฟังไม่ได้ โจทก์ไม่จำต้องสืบถึงการละเมิดและค่าเสียหายที่ฟ้อง ถือว่าจำเลยไม่ต่อสู้ว่า ตนมีสิทธิจะอยู่ได้อย่างไรและไม่ได้ยกข้อคำนวณค่าเสียหายขึ้นต่อสู้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1281-1283/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าเช่าและทรัพย์สินหลังสัญญาหมดอายุ, ความสัมพันธ์ทางกฎหมายระหว่างผู้เช่าช่วง, ผู้เช่าเดิม, และเจ้าของทรัพย์
เช่าทรัพย์สินจากเจ้าของทรัพย์มาแล้วให้เช่าช่วง เมื่อหมดสัญญาเช่าแล้วเจ้าของทรัพย์กลับให้คนอื่นเป็นผู้เช่าแทนส่วนผู้เช่าช่วงยังคงเป็นคนเดิม ดังนี้ ผู้เช่าคนแรกจะเรียกค่าเช่าจากผู้เช่าช่วง ตั้งแต่วันที่ สัญญาของตนกับเจ้าของทรัพย์สิ้นสุดลงแล้ว ต่อไปอีกไม่ได้
ในกรณีเช่นนี้ ถ้าผู้เช่าช่วงชำระค่าเช่าให้แก่ผู้เช่าคนก่อนสำหรับการเช่าภายหลังสัญญาที่ผู้เช่าคนก่อนกับเจ้าของทรัพย์สิ้นอายุแล้วก็ดี ผู้เช่าคนใหม่ก็ไม่มีสิทธิมาฟ้องผู้เช่าคนก่อนเรียกค่าเช่าที่ผู้เช่าช่วงชำระไปแก่ผู้เช่าคนก่อนได้ เพราะผู้เช่าคนก่อนกับผู้เช่าคนใหม่ไม่มีนิติสัมพันธ์กันอย่างใด และการที่ผู้เช่าคนก่อนรับชำระค่าเช่าไว้จากผู้เช่าช่วง ก็ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดต่อผู้เช่าคนใหม่แต่อย่างใด
ผู้เช่าคนก่อนฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างจากผู้เช่าช่วง ผู้เช่าคนใหม่ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วย แม้ศาลจะตัดสินให้ผู้เช่าช่วงชำระค่าเช่าที่ค้างแก่ผู้เช่าคนก่อนก็เป็นหนี้เฉพาะตัวผู้เช่าช่วง ผู้เช่าคนใหม่ไม่ต้องรับผิดในหนี้ส่วนตัวระหว่างผู้เช่าช่วงกับผู้เช่าคนก่อนด้วย
สัญญาเช่าข้อหนึ่งมีข้อความว่า "ทรัพย์สินที่ผู้รับเช่าได้เปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติมหรือนำมาติดต่อเป็นเครื่องประกอบตกแต่งในโรงมหรสพก็ดี ผู้รับเช่ายอมยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้ให้เช่าทั้งสิ้น แต่ทรัพย์สิ่งใดที่ผู้แสดงมหรสพนำมาใช้ เพียงเพื่อประกอบการแสดงของตนนั้นอยู่นอกสัญญานี้ฯ" ดังนี้ เมื่อปรากฏเพียงแต่ว่าเป็นทรัพย์ของผู้เช่า ซึ่งผู้เช่านำเข้ามาในโรงมหรสพเท่านั้น จึงยังไม่พอที่จะชี้ขาดว่า ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของโรงมหรสพ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1277/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบการใช้เงินกู้ยืม ต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด โดยหลักฐานการกู้ยืมต้องเป็นเอกสารสัญญา
การนำสืบว่า ได้ใช้เงินที่กู้ยืมแล้วนั้น จะนำสืบได้เฉพาะเท่าที่กฎหมายได้กำหนดไว้ในมาตรา 653 เท่านั้น การนำสืบว่าได้มีการเวนคืนเอกสารใบสั่งซื้อของ ซึ่งให้ไว้เป็นประกันในการกู้ยืม ส่วนเอกสารสัญญากู้ยังไม่ได้เวนคืนนั้นยังฟังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1277/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบการใช้เงินกู้ยืมต้องเป็นไปตาม กม. การเวนคืนเอกสารหลักประกันไม่ใช่การใช้เงิน
การนำสืบว่าได้ใช้เงินที่กู้ยืมแล้วนั้น จะนำสืบได้เฉพาะเท่าที่ ก.ม.ได้กำหนดไว้ในมาตรา 653 เท่านั้น การนำสืบว่าได้มีการเวนคืนเอกสารใบสั่งซื้อของ ซึ่งให้ไว้เป็นประกันในการกู้ยืม ส่วนเอกสารสัญญากู้ยังไม่ได้เวนคืนนั้นยังฟังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1256/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีค่าเช่า: การปลดหนี้ต้องทำเป็นหนังสือ และห้ามเถียงในชั้นบังคับคดีประเด็นที่ยุติแล้ว
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ชำระค่าเช่าที่ค้างและตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบสถานที่เช่าแก่โจทก์ จำเลยก็มิได้ต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้อยู่ในสถานที่เช่า จนศาลพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่าตามฟ้องโจทก์และบังคับจำเลยตามคำพิพากษาแล้ว จำเลยจะกลับมาเถียงในชั้นบังคับคดีว่าโจทก์ไม่มีสิทธิบังคับเอาค่าเช่าดังกล่าวแล้วจากจำเลยเพราะมีคนอื่นเช่าไป และจำเลยไม่เคยครอบครองสถานที่เช่าดังนี้เป็นการเถียงฝืนคำพิพากษาและคำบังคับคดีที่ออกบังคับแก่จำเลย ย่อมฟังไม่ได้
การปลดหนี้ค่าเช่าบ้านซึ่งมีคำพิพากษาให้ใช้หนี้นั้นแล้วต้องทำเป็นหนังสือ หนังสือที่โจทก์มีถึงคนภายนอกไม่ใช่หนังสือที่จำเลยจะอ้างได้ว่าเป็นหนังสือปลดหนี้ที่โจทก์ทำให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1256/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีค่าเช่า: การปลดหนี้ต้องทำเป็นหนังสือ และห้ามเถียงฝืนคำพิพากษาในชั้นบังคับคดี
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ชำระค่าเช่าที่ค้างและตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบสถานที่เช่าแก่โจทก์ จำเลยก็มิได้ต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้อยู่ในสถานที่เช่า จนศาลพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่าตามฟ้องโจทก์ และบังคับจำเลยตามคำพิพากษาแล้ว จำเลยจะกลับมาเถียงในชั้นบังคับคดีว่าโจทก์ไม่มีสิทธิบังคับเอาค่าเช่าดังกล่าวแล้วจากจำเลยเพราะมีคนอื่นเช่าไป และจำเลยไม่เคยครอบครองสถานที่เช่า ดังนี้เป็นการเถียงฝืนคำพิพากษาและคำบังคับคดีที่ออกบังคับแก่จำเลยย่อมฟังไม่ได้
การปลดหนี้ค่าเช่าบ้านซึ่งมีคำพิพากษาให้ใช้หนี้นั้นแล้ว ต้องทำเป็นหนังสือ หนังสือที่โจทก์มีถึงคนภายนอกไม่ใช่หนังสือที่จำเลยจะอ้างได้ว่าเป็นหนังสือปลดหนี้ที่โจทก์ทำให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1251/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความมรดกและการฟ้องคดีอนาถา: การขยายเวลาและการขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องและยื่นคำร้องขอว่าความอย่างคนอนาถานั้น เมื่อศาลสั่งยกคำร้องขอว่าความอย่างคนอนาถาเสียแล้ว การร้องขอฟ้องอย่างคนอนาถาในครั้งนั้น ก็เป็นอันหมดสิ้นไป โจทก์จะฟ้องหรือร้องขอว่าความอย่างคนอนาถาใหม่ก็ต้องกระทำภายในกำหนดอายุความ
มาตรา 23 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นเรื่องขยายเวลา ส่วนอายุความมรดกนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี และมาตรา 191 บัญญัติว่าอายุความที่กฎหมายกำหนดไว้นั้นผู้ใดหาอาจจะขยายออกหรือย่นเข้าได้ไม่
เจ้ามรดกตายเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2490 โจทก์มาร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาในวันที่ 19 กรกฎาคม 2491 ศาลไต่สวนแล้วสั่งยกคำร้องขอว่าความอย่างคนอนาถาในวันที่ 7 สิงหาคม 2491 ครั้นวันที่ 9 สิงหาคม 2491 โจทก์จึงได้นำค่าธรรมเนียมศาลที่จะต้องชำระเมื่อเวลายื่นคำฟ้องมาชำระต่อศาล ศาลสั่งรับฟ้องของโจทก์ในวันนั้น ดังนี้ ต้องถือว่า คดีขาดอายุความมรดกแล้ว (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2493)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1251/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความมฤดกและการฟ้องคดีโดยคนอนาถา เมื่อศาลยกคำร้องขอว่าความอย่างคนอนาถา คดีถือว่าขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องและยื่นคำร้องขอว่าความอย่างคนอนาถานั้นเมื่อศาลสั่งยกคำร้องขอว่าความอย่างคนอนาถาเสียแล้ว การร้องขอฟ้องอย่างคนอนาถาในครั้งนั้นก็เป็นอันหมดสิ้นไป โจทก์จะฟ้องหรือร้องขอว่าความอย่างคนอนาถาใหม่ก็ต้องกระทำภายในกำหนดอายุความ
มาตรา 23 ป.ม.แพ่งเป็นเรื่องขยายเวลา ส่วนอายุความมฤดกนั้น ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1754 ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี และมาตรา 191 บัญญัติว่าอายุความที่กฎหมายกำหนดไว้นั้นผู้ใดหาอาจจะขยายออกหรือย่นเข้าได้ไม่
เจ้ามฤดกตายเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2490 โจทก์มาร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาในวันที 19 กรกฎาคม 2491 ศาลไต่สวนแล้วสั่งยกคำร้องขอว่าความอย่างคนอนาถา ในวันที่ 7 สิงหาคม 2491 ครั้นวันที่ 9 สิงหาคม 2491 โจทก์จึงได้นำค่าธรรมเนียมศาลที่จะต้องชำระเมื่อเวลายืนคำฟ้องมาชำระต่อศาล ศาลจังรับฟ้องของโจทก์ใน+นั้น ดังนี้ต้องถือว่าคดีขายอายุความมฤดกแล้ว
(ประชุมใหญ่)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นข้อพิพาทที่ศาลกะไว้แล้ว คู่ความไม่โต้แย้ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นใหม่
ในคดีแพ่งที่ศาลได้กะประเด็นให้สืบไว้อย่างใดแล้ว คู่ความทั้งสองฝ่ายหาได้โต้แย้งคัดค้านประการใดไม่ จนศาลชั้นต้นตัดสินไปตามประเด็นที่กะไว้แล้ว ในชั้นอุทธรณ์ก็หาได้โต้แย้งว่ายังมีประเด็นข้ออื่นนอกจากที่ศาลกะไว้และศาลไม่ได้ตัดสิน ดังนี้จะฎีกาว่าศาลล่างทั้งสองมิได้วินิจฉัยประเด็นข้ออื่นที่ศาลชั้นต้นมิได้กะไว้อีก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นข้อพิพาทจำกัด: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นใหม่ที่มิได้กะไว้ในชั้นต้นและอุทธรณ์
ในคดีแพ่งที่ศาลได้กะประเด็นให้สืบไว้อย่างใดแล้ว คู่ความทั้งสองฝ่ายหาได้โต้แย้งคัดค้านประการใดไม่ จนศาลชั้นต้นตัดสินไปตามประเด็นที่กะไว้แล้วในชั้นอุทธรณ์ก็หาได้โต้แย้งว่ายังมีประเด็นข้ออื่นนอกจากที่ศาลกะไว้และศาลไม่ได้ตัดสิน ดังนี้จะฎีกาว่าศาลล่างทั้งสองมิได้วินิจฉัยประเด็นข้ออื่นที่ศาลชั้นต้นมิได้กะไว้อีก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
of 172