คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประวัติ ปัตตพงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วันกระทำผิดไม่ตรงตามฟ้อง ทำให้ศาลลงโทษจำเลยไม่ได้ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกายและทำให้โจทก์เสื่อมเสียอิสระภาพในวันเวลาเดียวกัน ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยคนเดียวฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพ และยกฟ้องปล่อยจำเลยอื่น โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยอื่นตามฟ้อง ส่วนจำเลยคนที่ถูกลงโทษก็อุทธรณ์ขอให้ปล่อย ศาลอุทธรณ์เห็นว่า วันที่หาว่ากระทำผิด ได้ความไม่ตรงกับฟ้อง จึงพิพากษาให้ยกฟ้องปล่อยจำเลยที่อุทธรณ์ไป โดยไม่พิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์ ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าความผิดทั้ง 2 ฐานที่กล่าวหาว่ากระทำผิดก็เป็นวันเดียวกัน ถ้าตามทางพิจารณาในเรื่องวันกระทำผิด ได้ความแตกต่างกับฟ้องแล้วถึงอย่างไรศาลก็ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 หากเป็นเช่นนั้น คดีของโจทก์ก็ไม่จำเป็นที่ศาลจะย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วันกระทำผิดไม่ตรงตามฟ้อง ทำให้ศาลลงโทษจำเลยไม่ได้ แม้มีพยานหลักฐานอื่น
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกายและทำให้โจทก์เสื่อมอิสสระภาพในวันเวลาเดียวกัน ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยคนเดียวฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพ และยกฟ้องปล่อยจำเลยคืน โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยอื่นตามฟ้อง ส่วนจำเลยคนที่ถูกลงโทษก็อุทธรณ์ขอให้ปล่อย ศาลอุทธรณ์เห็นว่าวันที่หาว่ากระทำผิดได้ความไม่ตรงกับฟ้อง จึงพิพากษาให้ยกฟ้องปล่อยจำเลยที่อุทธรณ์ไปโดยไม่พิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์ ดังนี้ เมื่อปรากฎว่าความผิดทั้ง 2 ฐานที่กล่าวหาว่ากระทำผิดก็เป็นวันเดียวกัน ถ้าตามทางพิจารณาในเรื่องวันกระทำผิดได้ความแตกต่างกับฟ้องแล้ว ถึงอย่างไรศาลก็ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้ ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 192 หากเป็นเช่นนั้น คดีของโจทก์ก็ไม่จำเป็นที่ศาลจะย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1239/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความขัดแย้งในการบรรยายฟ้องฉ้อโกงและยักยอก ทำให้ฟ้องไม่ถูกต้อง
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยเอาความเท็จ มาหลอกลวงผู้เสียหายว่า จะเอารถยนต์ซึ่งจำเลยเอามามอบให้ผู้เสียหายไว้เป็นประกันเงินกู้ไปบรรทุกผลไม้ เจ้าทุกข์หลงเชื่อ จึงมอบรถให้ไปหรือเจ้าทุกข์มอบรถยนต์ให้จำเลยโดยจำเลยยืมเอาไปรับจ้างบรรทุกผลไม้แล้วจะส่งคืน แล้วจำเลยจึงเอาไปขายเสีย ขอให้ลงโทษตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 304,314 ดังนี้ เป็นฟ้องที่บรรยายการกระทำของจำเลยขัดกันอยู่ในตัวและขาดองค์ความผิดฐานฉ้อโกงและยักยอกเป็นฟ้องไม่ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1239/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องฉ้อโกง/ยักยอกขัดแย้งในตัวเอง ขาดองค์ความผิด
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยเอาความเท็จ มาหลอกลวงผู้เสียหายว่าจะเอารถยนต์ซึ่งจำเลยเอามามอบให้ผู้เสียหายไว้เป็นประกันกู้ไปบรรทุกผลไม้เจ้าทุกข์หลงเชื่อ จึงมอบรถให้ไปหรือเจ้าทุกข์มอบรถยนต์ให้จำเลยโดยจำเลยยืมเอาไปรับจ้างบรรทุกผลไม้แล้วจะส่งคืน แล้วจำเลยจึงเอาไปขายเสีย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 304, 314 ดังนี้เป็นฟ้องที่บรรยายการกระทำของจำเลยขัดกันอยู่ในตัวและขาดองค์ความผิดฐานฉ้อฏดงและยักยอกเป็นฟ้อง ไม่ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญาแพ่งระงับเมื่อจำเลยเสียชีวิตระหว่างพิจารณา
ในคดีอาญาสินไหม ซึ่งโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกทรัพย์และให้ใช้ราคาทรัพย์ด้วยนั้น เมื่อจำเลยตายในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ๆ ย่อมสั่งให้คดีส่วนอาญาของโจทก์เป็นอันระงับไปตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 77 ส่วนคดีส่วนแพ่งให้เลื่อนไปตามมาตรา 42 แห่ง ป.ม.วิ.แพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1222/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนขายทรัพย์สินเช่าและการรบกวนสิทธิผู้เช่า ศาลยืนตามเดิมว่าผู้เช่ายังมีสิทธิอยู่ตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องจำเลยหาว่าจำเลยสมยอมกันขายบ้านที่โจทก์เช่าอยู่แล้วยอมความกัน ให้จำเลยอีกคนหนึ่งรื้อบ้านไปจึงขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาซื้อขายสัญญายอมความ และห้ามจำเลยรบกวนขัดขวางรอนสิทธิโจทก์ในการอยู่ในบ้านนี้
ศาลชั้นต้นตัดสินว่าโจทก์ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยสมยอมกันหรือไม่ จึงพิพากษาห้ามจำเลยขัดขวางรบกวนสิทธิของโจทก์ในการเช่าบ้านหลังนี้ ดังนี้ สำหรับข้อที่โจทก์ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ซึ่งศาลชั้นต้นยกขึ้นขี้ขาดให้จำเลยแพ้คดีจำเลยหาได้อุทธรณ์ไม่ จำเลยกลับไปอุทธรณ์ว่าจำเลยทำการโดยสุจริตไม่ได้สมยอมกัน อันเป็นประเด็นที่ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัย ดังนี้ ถือว่าอุทธรณ์ของจำเลยไม่เป็นประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1222/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ประเด็นที่ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัย ถือเป็นอุทธรณ์ไม่เป็นประเด็น ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกามีคำพิพากษายืน
โจทก์ฟ้องจำเลยหาว่า จำเลยสมยอมกันขายบ้านที่โจทก์เช่าอยู่แล้วยอมความกัน ให้จำเลยอีกคนหนึ่งรื้อบ้านไป จึงขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาซื้อขาย สัญญายอมความและห้ามจำเลยรบกวนขัดขวางรอนสิทธิโจทก์ในการอยู่ในบ้านนี้
ศาลชั้นต้นตัดสินว่าโจทก์ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยสมยอมกันหรือไม่ จึงพิพากษาห้ามจำเลยขัดขวางรบกวนสิทธิของโจทก์ในการเช่าบ้านหลังนี้ ดังนี้ สำหรับข้อที่โจทก์ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ซึ่งศาลชั้นต้นยกขึ้นชี้ขาดให้จำเลยแพ้คดีจำเลยหาได้อุทธรณ์ไม่ จำเลยกลับไปอุทธรณ์ว่า จำเลยทำการโดยสุจริต ไม่ได้สมยอมกัน อันเป็นประเด็นที่ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัย ดังนี้ ถือว่าอุทธรณ์ของจำเลยไม่เป็นประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1218/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตัดพยานก่อนหมดการสืบหลักฐาน ทำให้ไม่สามารถพิพากษาคดีได้อย่างถูกต้อง
คดีที่โจทก์ยังประสงค์สืบพยานต่อไปและไม่อาจรู้ได้ว่า โจทก์จะมีพยานสนับสนุนข้อกล่าวอ้างเพียงใดนั้น ศาลจะไปสั่งตัดพยานเสียแล้วพิพากษายกฟ้อง ย่อมไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1218/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตัดพยานก่อนหมดการสืบพยานไม่ชอบ ศาลต้องรอฟังพยานทั้งหมดก่อนตัดสิน
คดีที่โจทก์ยังประสงค์สืบพยานต่อไป และไม่อาจรู้ได้ว่า โจทก์จะมีพยานสนับสนุนข้อกล่าวอ้างเพียงใดนั้น ศาลจะไปสั่งตัดพยานเสียแล้วพิพากษายกฟ้อง ย่อมไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1134/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องฉ้อโกงต้องระบุรายละเอียดความเท็จให้ชัดเจน มิฉะนั้นถือเป็นฟ้องที่ไม่ระบุความพอสมควร
ฟ้องหาว่า จำเลยกระทำผิดฐานฉ้อโกงนั้น ถ้าในฟ้องมิได้บรรยายว่าความจริงเป็นอย่างไร หรือเพียงไหนแล้ว ก็ย่อมไม่อาจเป็นที่เข้าใจได้ว่าข้อความที่กล่าวนั้นเป็นเท็จทุกตอนทุกถ้อยคำ จึงต้องถือว่าเป็นฟ้องที่ไม่ระบุความพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
of 172