คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประวัติ ปัตตพงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างระงับเมื่อรถถูกยึด และจำเลยไม่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุถูกจับกุม
จำเลยนำรถยนต์ไปจ้างโจทก์พ่นสีแล้วโจทก์ถูกจับและถูกยึดรถยนต์ไปโดยปรากฏว่าเป็นรถที่ถูกผู้ร้ายลักมา แล้วโจทก์รับ ซื้อและเอาไปจ้างพ่นสีหลังจากถูกจับแล้วโจทก์รับรถคืนไปพ่นสีโดยโจทก์อ้างว่าจำเลยตกลงให้โจทก์พ่นสีต่อไปแต่โจทก์สืบไม่ได้ ดังนี้ถือว่าสัญญาจ้างพ่นสีระหว่างโจทก์จำเลยเป็นอันระงับ
เพียงแต่ปรากฏว่าจำเลยรับซื้อรถยนต์ที่ถูกคนร้ายลักมาไปจ้างโจทก์พ่นสีแล้วโจทก์ถูกตำรวจจับไปขังนั้น ยังไม่พอให้จำเลยต้องรับผิดฐานละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1735/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมปริมาณข้าวที่ต้องแจ้ง การไม่แจ้งถือเป็นความผิดตามกฎหมายควบคุมเครื่องอุปโภคฯ และมีผลให้ต้องริบข้าวทั้งหมด
จะมีข้าวเพิ่มเติมอีกกี่ครั้งก็ตาม เมื่อรวมกันมีจำนวนต้องแจ้งปริมาณสถานที่เก็บแล้วไม่แจ้ง เป็นความผิดต้องริบทั้งหมด
พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคฯ 2488 และ พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว 2489 ไม่ขัดแย้งหรือลบล้างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1735/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมปริมาณข้าวที่ต้องแจ้ง การครอบครองข้าวเกินเกณฑ์ และผลกระทบต่อการริบของกลาง
จะมีข้าวเพิ่มเติมอีกกี่ครั้งก็ตาม เมื่อรวมกันมีจำนวนต้องแจ้งปริมาณสถานที่เก็บแล้วไม่แจ้ง เป็นความผิดต้องริบทั้งหมด
พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคฯ 2488 และ พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว 2489 ไม่ขัดแย้งหรือลบล้างกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1732/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์ด้วยการตัดกล้วย: การบรรยายฟ้องต้องแสดงเจตนาเอาทรัพย์สินไป
ฟ้องที่บรรยายว่า จำเลยใช้มีดลักตัดกล้วยของเจ้าทรัพย์ไป เจ้าทรัพย์ไปพบจำเลยในขณะทำผิดเป็นฟ้องที่ครบองค์ความผิดฐานลักทรัพย์ ต่างกับฎีกาที่ 233/2486.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1732/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาความผิดฐานลักทรัพย์จากการตัดกล้วย จำเลยนำไปหรือไม่เป็นสาระสำคัญ
ฟ้องที่บรรยายว่า จำเลยใช้มีดลักตัดกล้วยของเจ้าทรัพย์ไป เจ้าทรัพย์ไปพบจำเลยในขณะทำผิดเป็นฟ้องที่ครบองค์ความผิดฐานลักทรัพย์ ต่างกับฎีกาที่ 233/2486

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1706/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในโกดังที่ซื้อจากสหประชาชาติ: การพิสูจน์อำนาจขายของผู้ขายและการครอบครองทรัพย์สิน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยจากที่ดินของโจทก์และสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ให้บริษัทมิตซุยฯ ซึ่งเป็นชนชาติญี่ปุ่นเช่าที่ดินปลูกโกดัง โดยมีข้อสัญญาว่าสิ่งปลูกสร้างนี้เป็นของบริษัทมิตซุยฯ บริษัทรื้อถอนไปได้ และเมื่อประเทศญี่ปุ่นแพ้สงคราม สิ่งปลูกสร้างนี้ตกอยู่ในความครอบครองดูแลของก.ท.ส.โดยอำนาจแห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกักคุมตัวและควบคุมจัดกิจการ ฯลฯ และจำเลยรับว่าต่อมาสหประชาชาติได้ขายเลหลังโกดังหมายเลข 1,2,8,9 บนที่ดินพิพาทโดยโจทก์เป็นผู้ประมูลซื้อได้ แต่จำเลยยังเถียงว่าสหประชาชาติไม่มีอำนาจขายดังนี้ ถ้าหากเป็นจริงดังข้อเถียงของจำเลย โจทก์ก็ไม่ใช่เจ้าของโกดังจำเลยก็ไม่ต้องรับผิดฐานละเมิดในการใช้โกดังนั้นต่อโจทก์ ฉะนั้นการที่ศาลล่างชี้ขาดปัญหาเบื้องต้นตามมาตรา 24ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าโกดังหมายเลข 1,2,8,9 เป็นของโจทก์จึงไม่ชอบ
ส่วนปัญหาเกี่ยวกับที่ดินนั้น จำเลยไม่ได้แสดงว่ามีสิทธิอย่างไร การห้ามจำเลยไม่ให้ใช้ที่ดินจึงเป็นการชอบแล้ว
ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลล่างโดยให้ยกคำชี้ขาดบางข้อเสียแล้ว ให้ดำเนินการพิจารณาใหม่ ส่วนนอกนั้นยืนตามได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1706/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการขายทรัพย์สินของสหประชาชาติและการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของโกดังมีผลต่อการฟ้องละเมิด
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยจากที่ดินของโจทก์และสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ให้บริษัทมิตซุย ฯ ซึ่งเป็นชนชาติญี่ปุ่นเช่าที่ดินปลูกโกดัง โดยมีสัญญาว่าสิ่งปลูกสร้างนี้เป็นของบริษัทมิตซุย ฯ บริษัทรื้อถอนไปได้ และเมื่อประเทศญี่ปุ่นแพ้สงคราม สิ่งปลูกสร้างนี้ตกอยู่ในความครอบครองดูแลของ ก.ท.ส. โดยอำนาจแห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกักคุมตัวและควบคุมจัดการ ฯลฯ และจำเลยรับว่า ต่อมาสหประชาชาติได้ขายเลหลังโกดังหมายเลข 1,2,8,9 บนที่ดินพิพาทโดยโจทก์เป็นผู้ประมูลซื้อได้ แต่จำเลยยังเถียงว่าสหประชาชาติไม่มีอำนาจขายดังนี้ ถ้าหากเป็นจริงดังข้อเถียงของจำเลย โจทก์ก็ไม่ใช่เจ้าของโกดัง จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดฐานละเมิดในการใช้โกดังนั้นต่อโจทก์
ฉะนั้นการที่ศาลล่างชี้ขาดปัญหาเบื้องต้นตามมาตรา 24 ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าโกดังหมายเลข 1,2,8,9 เป็นของโจทก์จึงไม่ชอบ
ส่วนปัญหาเกี่ยวกับที่ดินนั้น จำเลยไม่ได้แสดงว่ามีสิทธอย่างไร การห้ามจำเลยไม่ให้ใช้ที่ดินจึงเป็นการชอบแล้ว
ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลล่างโดยให้ยกคำชี้ขาดบางข้อเสียแล้ว ให้ดำเนินการพิจารณาใหม่ ส่วนนอกนั้นยืนตามได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1694/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทรัพย์โดยไม่มีอำนาจและการละเมิดต่อเจ้าของทรัพย์ แม้จะทำแทนผู้อื่นก็ต้องรับผิด
จำเลยขายทอดตลาดทรัพย์ของโจทก์โดยเชื่อทหารอังกฤษซึ่งเป็นผู้สั่งให้ขาย โจทก์มาคัดค้านในขณะขาย แต่จำเลยคงขืนขายทอดตลาดไปย่อมเป็นการละเมิดต่อโจทก์เจ้าของทรัพย์แม้จำเลยทำแทนผู้อื่นก็ไม่พ้นความรับผิด
ข้อที่จำเลยอ้างว่าขายโดยคำสั่งของทางสหประชาชาตินั้นจำเลยจะต้องแสดงว่าสหประชาชาติมีสิทธิประการใดที่จะมาขายทรัพย์ของโจทก์ ส่วนที่จำเลยอ้าง พ.ร.บ.ควบคุมจัดกิจการและทรัพย์สิน ฯลฯ นั้นก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้กระทำไปตามคำสั่งของคณะกรรมการตาม พ.ร.บ. นั้นจำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1694/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทรัพย์สินของผู้อื่นโดยไม่มีอำนาจ ถือเป็นการละเมิด แม้จะทำแทนผู้อื่นก็ต้องรับผิด
จำเลยขายทอดตลาดทรัพย์ของโจทก์โดยเชื่อทหารอังกฤษซึ่งเป็นผู้สั่งให้ขาย โจทก์มาคัดค้านในขณะขาย แต่จำเลยคงขืนขายทอดตลาดไป ย่อมเป็นการละเมิดต่อโจทก์เจ้าของทรัพย์ แม้จำเลยทำแทนผู้อื่นก็ไม่พ้นความรับผิด
ข้อที่จำเลยอ้างว่าขายโดยคำสั่งของทางสหะประชาชาตินั้นจำเลยจะต้องแสดงว่าสหะประชาชาติมีสิทธิประการใดที่จะมาขายทรัพย์ของโจทก์ ส่วนที่จำเลยอ้าง พ.ร.บ.ควบคุมจัดกิจการและทรัพย์สิน ฯลฯ นั้นก็ไม่ปรากฎว่าจำเลยได้กระทำไปตามคำสั่งของคณะกรรมการตาม พ.ร.บ.นั้น จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1643/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องไม่ชัดเจนข้อหาจ้างวานฆ่า ทำให้จำเลยไม่เข้าใจข้อหา ศาลยกฟ้อง
คดีหาว่าจำเลยใช้ผู้อื่นกระทำผิด ในฟ้องโจทก์มิได้กล่าวให้แน่ชัดว่า จำเลยใช้จ้างวานใครกี่คราวและเมื่อใด อันจะให้จำเลย เข้าใจข้อหาได้ดี ดังนี้ ฟ้องของโจทก์จึงเคลือบคลุมตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)
of 172