คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประวัติ ปัตตพงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1643/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องอาญาฐานจ้างวานฆ่าปล้นทรัพย์ต้องระบุรายละเอียดการจ้างวานให้ชัดเจน หากฟ้องไม่ชัดเจนถือเป็นฟ้องเคลือบคลุม
คดีหาว่าจำเลยใช้ผู้อื่นกระทำผิด ในฟ้องโจทก์มิได้กล่าวให้แน่ชัดว่า จำเลยใช้จ้างวานใครกี่คราวและเมื่อใด อันจะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ดังนี้ ฟ้องของโจทก์จึงเคลือบคลุมตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 (5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1634/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คที่มีลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายปลอม ธนาคารไม่มีสิทธิหักเงินจากบัญชีผู้สั่งจ่าย แม้จะสุจริต
ธนาคารจ่ายเงินไปตามเช็คที่ลงลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายปลอมนั้น ธนาคารจะอาศัยสิทธิทำให้เช็คนั้นหลุดพ้นด้วยการจ่ายเงินหรือธนาคารจะใช้สิทธิหักเงินที่จ่ายจากบัญชีของผู้สั่งจ่ายย่อมไม่อาจจะทำได้ เว้นแต่ผู้สั่งจ่ายนั้นจะอยู่ในฐานะเป็นผู้ต้องตัดบทมิให้ยกข้อลายมือชื่อปลอมนั้นขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ธนาคารย่อมเป็นผู้ต้องรับผิดเอง โดยจะหักเงินนั้นจากบัญชีของผู้สั่งจ่ายหาได้ไม่
เช็คที่มีลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายปลอมกับเช็คที่มีลายมือชื่อผู้รับเงินผู้สลักหลังปลอมนั้นหาเหมือนกันไม่เช็คที่มีลายมือชื่อผู้รับเงินหรือผู้สลักหลังปลอมนั้น ตามมาตรา 1009 ธนาคารไม่มีหน้าที่จะต้องนำสืบว่าการสลักหลังของผู้รับเงินหรือการสลักหลังในภายหลังรายใดๆ ได้ทำไปด้วยอาศัยรับมอบอำนาจ แต่บุคคลซึ่งอ้างว่าเอาเป็นเจ้าของคำสลักหลังนั้น และถึงแม้ว่ารายการสลักหลังนั้นจะเป็นสลักหลังปลอม หรือปราศจากอำนาจก็ตาม ถ้าหากธนาคารได้จ่ายเงินไปตามทางค้าปกติโดยสุจริตและปราศจากประมาทเลินเล่อไซร้ ท่านก็ให้ถือว่า ธนาคารได้ใช้เงินไปโดยถูกระเบียบ เมื่อพิจารณามาตรา 1008 และ 1009 เข้าด้วยกันแล้ว ก็จะแลเห็นได้ชัดว่า กฎหมายประสงค์ให้ธนาคารใช้ความระมัดระวังในเรื่องลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายยิ่งกว่าในเรื่องลายมือชื่อของผู้รับเงิน หรือผู้สลักหลัง และกฎหมายให้ความคุ้มครองแก่ธนาคารที่จ่ายเงินไปตามทางค้าปกติโดยสุจริตปราศจากประมาทเลินเล่อก็แต่ในกรณีที่ลายมือชื่อผู้รับเงินหรือลายมือชื่อผู้สลักหลังเป็นลายมือชื่อปลอมเท่านั้น ส่วนลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายปลอมนั้นกฎหมายหาได้ให้ความคุ้มครองอย่างเดียวกันไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1634/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายปลอม ธนาคารไม่มีสิทธิหักเงินจากบัญชีผู้สั่งจ่าย แม้สุจริต
ธนาคารจ่ายเงินไปตามเช็คที่ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายปลอมนั้น ธนาคารจะอาศัยสิทธิทำให้เช็คนั้นหลุดพ้นด้วยการจ่ายเงินหรือธนาคารจะใช้สิทธิหักเงินที่จ่ายจากบัญชีของผู้สั่งจ่ายย่อมไม่อาจจะทำได้ เว้นแต่ผู้สั่งจ่ายนั้นจะอยู่ในฐานะเป็นผู้ต้องตัดบทมิให้ยกข้อลายมือชื่อปลอมนั้นขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ธนาคารย่อมเป็นผู้ต้องรับผิดเอง โดยจะหักเงินนั้นจากบัญชีของผู้สั่งจ่ายหาได้ไม่
เช็คที่มีลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายปลอม กับเช็คที่มีลายมือชื่อผู้รับเงินผู้สลักหลังปลอมนั้นหาเหมือนกันไม่ เช็คที่มีลายมือชื่อผู้รับเงินหรือผู้สลักหลังปลอมนั้น ตามมาตรา 1009 ธนาคารไม่มีหน้าที่จะต้องนำสืบว่าการสลักหลังของผู้รับเงินหรือการสลักหลังในภายหลังรายใด ๆ ได้ทำไปด้วยอาศัยรับมอบอำนาจแต่บุคคลซึ่งอ้างว่าเอาเป็นเจ้าของคำสลักหลังนั้น และถึงแม้ว่ารายการสลักหลังนั้นจะเป็นสลักหลังปลอม หรือปราศจากอำนาจก็ตาม ถ้าหากธนาคารได้จ่ายเงินไปตามทางค้าปกติโดยสุจริตและปราศจากประมาทเลินเล่อไซร้ ท่านก็ให้ถือว่า ธนาคารได้ใช้เงินไปโดยถูกระเบียบ เมื่อพิจารณามาตรา 1008 และ 1009 เข้าด้วยกันแล้ว ก็จะแลเห็นได้ชัดว่า กฎหมายประสงค์ให้ธนาคารใช้ความระมัดระวังในเรื่องลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายยิ่งกว่าในเรื่องลายมือชื่อของผู้รับเงิน หรือผู้สลักหลังและกฎหมายให้ความคุ้มครองแก่ธนาคารที่จ่ายเงินไปตามทางค้าปกติโดยสุจริตปราศจากประมาทเลินเล่อก็แต่ในกรณีที่ลายมือชื่อผู้รับเงินหรือลายมือชื่อผู้สลักหลังเป็นลายมือชื่อปลอมเท่านั้น ส่วนลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายปลอมนั้นกฎหมายหาได้ให้ความคุ้มครองอย่างเดียวกันไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณา 'เคหะ' ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ต้องดูเจตนาคู่สัญญาและเหตุแวดล้อมอื่นประกอบ ผู้เช่าต้องนำสืบ
การพิจารณาว่าสิ่งปลูกสร้างใดเป็นเคหะตามความหมายแห่งพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ หรือไม่นั้นจะดูแต่เพียงผู้เช่าอาศัยอยู่ในสิ่งปลูกสร้างนั้นหรือไม่แต่อย่างเดียวยังหาเพียงพอกับความประสงค์ของกฎหมายไม่ แต่จะต้องพิจารณาถึงเจตนาของคู่กรณีในเวลาทำสัญญากัน ประกอบกับเหตุผลแวดล้อมอื่นๆเช่นสภาพของสิ่งปลูกสร้าง อัตราค่าเช่า ทำเลที่ตั้งสิ่งปลูกสร้างและการปฏิบัติของคู่สัญญาแต่ละฝ่ายประกอบกันว่า การเช่าสิ่งปลูกสร้างนั้น เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยหรือไม่(อ้างฎีกาที่ 1099-1147/2491)
การเช่าจะอยู่ในความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของผู้เช่าจะต้องนำสืบแสดงเมื่อตามฟ้องคำให้การและคำแถลงรับของคู่ความไม่เพียงพอที่จะชี้ว่าทรัพย์รายนี้เป็นเคหะตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าเมื่อผู้เช่าไม่ติดใจสืบพยาน ผู้เช่าก็ต้องแพ้คดี
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า โดยเรียกค่าเสียหายเป็นรายเดือนๆ ละ 100 บาทคดีได้ความว่าจำเลยเช่าตึกรายนี้จำเลยมีค่าเช่าเดือนละ 80 บาท ฉะนั้นเมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าต่อจำเลยโดยชอบแล้วจำเลยไม่ยอมออกไป โจทก์ย่อมต้องเสียหาย ศาลก็เห็นสมควรกำหนดค่าเสียหายให้เดือนละ 80 บาทได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณา 'เคหะ' ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ต้องดูเจตนาคู่สัญญาและเหตุแวดล้อมอื่นประกอบ ผู้เช่ามีหน้าที่นำสืบ
การพิจารณาว่าสิ่งปลูกสร้างใดเป็นเคหะตามความหมายแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯหรือไม่นั้นจะดูแต่เพียงผู้เช่าอาศัยอยู่ในสิ่งปลูกสร้างนั้นหรือไม่แต่อย่างเดียวยังหาเพียงพอกับความประสงค์ของกฎหมายไม่ แต่จะต้องพิจารณาถึงเจตนาของคู่กรณีในเวลาทำสัญญากัน ประกอบกับเหตุผลแวดล้อมอื่น ๆ เช่นสภาพของสิ่งปลูกสร้าง อัตราค่าเช่า ทำเลที่ตั้งสิ่งปลูกสร้างและการปฏิบัติของคู่สัญญาแต่ละฝ่ายประกอบกันว่า การเช่าสิ่งปลูกสร้างนั้น เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยหรือไม่
(อ้างฎีกาที่ 1099-1147/2491)
การเช่าจะอยู่ในความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของผู้เช่าจะต้องนำสืบแสดงเมื่อตามฟ้องคำให้การและคำแถลงรับรองของคู่ความไม่เพียงพอที่จะชี้ว่าทรัพย์รายนี้เป็นเคหะตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าเมื่อผู้เช่าไม่ติดใจสืบพะยาน ผู้เช่าก็ต้องแพ้คดี
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า โดยเรียกค่าเสียหายเป็นรายเดือน ๆ ละ 100 บาท คดีได้ความว่าจำเลยเช่าตึกรายนี้มีค่าเช่าเดือนละ 80 บาท ฉะนั้นเมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าต่อจำเลยโดยชอบแล้วจำเลยไม่ยอมออกไป โจทก์ย่อมต้องเสียหาย ศาลก็เห็นสมควรกำหนดค่าเสียหายให้เดือนละ 80 บาทได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1622/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ราคาซื้อขายฝิ่นในคดีฝิ่น การปรับบทลงโทษตามอัตราขั้นต่ำเมื่อโจทก์มิได้บรรยายราคาที่ชัดเจน
เมื่อฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายว่าราคามูลฝิ่นที่รัฐบาลขายในท้องที่เกิดเหตุและเวลาเกิดเหตุกรัมละ 4 บาท เป็นแต่กล่าวว่ารัฐบาลจำหน่ายเวลานี้กรัมละ 4 บาท จำหน่ายแห่งใดก็ไม่ทราบ ทั้งจำเลยก็ไม่ได้ให้การรับราคาตามที่โจทก์ฟ้องโจทก์มีหน้าที่สืบให้สมแต่ไม่สืบ จึงควรปรับจำเลยตามอัตราขั้นต่ำคือ 50 บาท(อ้างฎีกาที่1037/2482และ1038/2482)
คู่ความรับกันว่า กรมสรรพสามิตมีนโยบายให้เจ้าของร้านฝิ่นมาฝิ่นออกนอกร้านได้ดังนี้ นโยบายนั้นหาลบล้างกฎหมายได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1622/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ราคาซื้อขายฝิ่นในคดีอาญา จำเป็นต้องระบุราคาในท้องที่และเวลาเกิดเหตุ
เมื่อฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายว่าราคามูลฝิ่นที่รัฐบาลขายในท้องที่เกิดเหตุและเวลาเกิดเหตุกรัมละ 4 บาท เป็นแต่กล่าวว่ารัฐบาลจำหน่ายเวลานี้กรัมละ 4 บาท จำหน่ายแห่งใดก็ไม่ทราบ ทั้งจำเลยก็ไม่ได้ให้การรับราคาตามที่โจทก์ฟ้อง โจทก์มีหน้าที่สืบให้สมแต่ไม่สืบ จึงควรปรับจำเลยตามอัตราคั่นต่ำคือ 50 บาท
(อ้างฎีกาที่ 1037/2482 และ 1308 /2482)
คู่ความรับกันว่า กรมสรรพมิตต์มีนโยบายให้เจ้าของร้านฝิ่นพาฝิ่นออกนอกร้านได้ดังนี้ นโยบายนั้นหาลบล้างกฎหมายได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1621/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลเรียกพยานสืบเพิ่มเติมเพื่ออธิบายหลักฐานโดยไม่ต้องมีคู่ความร้อง
คดีอาญาศาลมีอำนาจเรียกพยานสืบเพิ่มเติมเพื่ออธิบายข้อความบางประการได้ โดยไม่ต้องมีคู่ความฝ่ายใดอ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1621/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการเรียกพยานสืบเพิ่มเติมเพื่ออธิบายข้อเท็จจริง แม้ไม่มีคู่ความอ้าง
คดีอาญาศาลมีอำนาจเรียกพะยานสืบเพิ่มเติมเพื่ออธิบายข้อความบางประการได้ โดยไม่ต้องมีคู่ความฝ่ายใดอ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1620/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ผนังอาคารศาลเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งปลูกสร้าง: สิทธิในการฟ้องร้องและคำบังคับของศาล
โจทก์ระบุในคำฟ้องว่า ในการที่จำเลยเป็นเจ้าของอาคารห้องแถวรายนี้ จำเลยไม่ได้ทำฝากั้นห้องทางด้านหลังโดย(จำเลย) ใช้ตึกศาลจ้าวเป็นฝากั้นห้องของจำเลย และตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ ก็ได้ขอให้จำเลยรื้อห้องแถว หรือถ้าขัดข้อง จะบังคับเช่นนั้นไม่ได้ ก็ขอบังคับไม่ให้จำเลยใช้ฝาผนังตึกศาลจ้าวเป็นฝาห้องของจำเลย ดังนี้การที่โจทก์ขอให้บังคับไม่ให้ใช้ฝาผนังศาลจ้าวเป็นฝากั้นห้องแถวด้านหลังของจำเลยนั้น เป็นประเด็นข้อหนึ่งที่โจทก์กล่าวมาในฟ้อง ซึ่งถ้าศาลเห็นว่าจำเลยไม่มีอำนาจที่จะทำเช่นนั้นศาลก็จำต้องมีคำบังคับในเรื่องนี้ด้วยและคำบังคับในกรณีเช่นนี้อาจเป็นการสั่งให้จำเลยจัดการกั้นฝาห้องของจำเลยเสีย เพื่อให้พ้นจากสภาพใช้ฝาผนังตึกศาลจ้าวเป็นฝาห้อง หรือถ้าจำเลยไม่ทำ ก็อาจให้รื้อสิ่งปลูกสร้างส่วนข้างหลังออกตามที่ศาลเห็นสมควรก็ได้
of 172