คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประวัติ ปัตตพงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,715 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1620/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการใช้ผนังอาคารของผู้อื่น การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และอำนาจของศาลในการบังคับ
โจทก์ระบุในคำฟ้องว่า ในการที่จำเลยเป็นเจ้าของอาคารห้องแถวรายนี้ จำเลยไม่ได้ทำฝากั้นห้องทางด้านหลังโดย(จำเลย) ใช้ตึกศาลจ้าวเป็นฝากั้นห้องของจำเลย และตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ ก็ได้ขอให้จำเลยรื้อห้องแถว หรือถ้าขัดข้องจะบังคับเช่นนั้นไม่ได้ ก็ขอบังคับไม่ให้จำเลยใช้ฝาผนังตึกศาลจ้าวเป็นฝาห้องของจำเลย ดังนี้ การที่โจทก์ขอให้บังคับไม่ให้ใช้ฝาผนังศาลจ้าวเป็นฝากั้นห้องแถวด้านหลังของจำเลยนั้น เป็นประเด็นข้อหนึ่งที่โจทก์กล่าวมาในฟ้อง ซึ่งถ้าศาลเห็นว่าจำเลยไม่มีอำนาจที่จะทำเช่นนั้น ศาลก็จำต้องมีคำบังคับในเรื่องนี้ด้วย และคำบังคับในกรณีเช่นนี้อาจเป็นการสั่งให้จำเลยจัดการกั้นฝาห้องของจำเลยเสีย เพื่อให้พ้นจากสภาพใช้ฝาผนังตึกศาลจ้าวเป็นฝาห้อง หรือถ้าจำเลยไม่ทำก็อาจให้รื้อสิ่งปลูกสร้างส่วนข้างหลังออกตามที่ศาลเห็นสมควรก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจตามประกาศคณะกรรมการค้าข้าว: การพิสูจน์แหล่งที่มาของประกาศที่ใช้บังคับเป็นองค์ความผิดสำคัญ
ประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำจังหวัดจะใช้บังคับได้ ต้องปรากฎว่าคณะกรรมการปฏิบัติการตาม พ.ร.บ.การค้าข้าว ได้ให้อำนาจไว้ ประกาศให้อำนาจของคณะกรรมการปฏิบัติการตาม พ.ร.บ.การค้าข้าวดังกล่าวไม่ใช่เป็นข้อกฎหมาย แต่เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำอันหนึ่งในการกระทำทั้งหลายที่เป็นองค์ความผิด ซึ่งโจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความชัดแจ้ง
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยฝ่าฝืนประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามประกาศของคณะกรรมการปฏิบัติตามการ พ.ร.บ.การค้าข้าว แต่ในฟ้องตอนต้นปรากฎว่าประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่อาศัยอำนาจตามความในประกาศของคณะกรรมการฉะบับเดือนมกราคม 2490 แต่ตามสำเนาประกาศท้ายฟ้องอ้างว่าอาศัยอำนาจตามความในประกาศของคณะกรรมการฉะบับเดือนกรกฎาคม 2490 ดังนี้ แม้จำเลยให้การรับสารภาพ ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะไม่รู้แน่ว่า ประกาศของพนักงาน ที่โจทก์หาว่าจำเลยฝ่าฝืน ออกมาโดยอาศัยอำนาจของคณะกรรมการฉะบับใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์อำนาจของประกาศเจ้าหน้าที่: การที่โจทก์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าประกาศที่อ้างถึงอ้างอิงจากประกาศคณะกรรมการฉบับใด ทำให้ศาลไม่สามารถลงโทษจำเลยได้
ประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำจังหวัดจะใช้บังคับได้ ต้องปรากฏว่าคณะกรรมการปฏิบัติการตามพ.ร.บ.การค้าข้าว ได้ให้อำนาจไว้ ประกาศให้อำนาจของคณะกรรมการปฏิบัติการตามพ.ร.บ.การค้าข้าวดังกล่าวไม่ใช่เป็นข้อกฎหมาย แต่เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำอันหนึ่งในการกระทำทั้งหลายที่เป็นองค์ความผิดซึ่งโจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความชัดแจ้ง
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยฝ่าฝืนประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามประกาศของคณะกรรมการปฏิบัติการตามพ.ร.บ.การค้าข้าวแต่ในฟ้องตอนต้นปรากฏว่าประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่อาศัยอำนาจตามความในประกาศของคณะกรรมการฉบับเดือนมกราคม 2490แต่ตามสำเนาประกาศท้ายฟ้องอ้างว่าอาศัยอำนาจตามความในประกาศของคณะกรรมการฉบับเดือนกรกฎาคม 2490 ดังนี้ แม้จำเลยให้การรับสารภาพ ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะไม่รู้แน่ว่า ประกาศของพนักงาน ที่โจทก์หาว่าจำเลยฝ่าฝืนนั้น ออกมาโดยอาศัยอำนาจของคณะกรรมการฉบับใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1553/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินสมรสและการบอกล้างหนี้: สิทธิเรียกร้องคืนเงินมัดจำเมื่อสามีไม่ยินยอม
ภรรยาไปยืมเงินของโจทก์มาวางมัดจำซื้อที่ดินของจำเลยโดยสามีไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วย กับทั้งยังปฏิเสธหรือบอกล้างการยืมนั้นเสียด้วย ดังนี้ สามีจะกลับมาถือว่าเงินที่ภรรยายืมโจทก์มานั้นยังเป็นสินบริคณห์อยู่ เพื่อเรียกคืนจากจำเลยไม่ได้ และเมื่อสามีไม่มีสิทธิเรียกร้องคืนจากจำเลย โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องจากสามี ก็ย่อมไม่มีสิทธิดีไปกว่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1553/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินสมรสและการบอกล้างหนี้: สามีมิอาจเรียกเงินคืนจากจำเลยได้ หากไม่ยินยอมการยืม
ภรรยาไปยืนเงินของโจทก์มาวางมัดจำซื้อที่ดินของจำเลย โดยสามีไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วย กับทั้งยังปฏิเสธหรือบอกล้างการยืมนั้นเสียด้วย ดังนี้ สามีจะกลับมาถือว่าเงินที่ภรรยายืมโจทก์มานั้นยังเป็นสินบริคณห์อยู่ เพื่อเรียกคืนจากจำเลยไม่ได้ และเมื่อสามีไม่มีสิทธิเรียกร้องคืนจากจำเลย โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องจากสามี ก็ย่อมไม่มีสิทธิดีไปกว่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงค่าเสียหายในสัญญาเช่า: ศาลยืนตามข้อตกลงเดิม
สัญญามีความว่า ถ้าผู้ให้เช่าส่งมอบที่ดินและโรงเรือนให้แก่ผู้เช่าไม่ได้ ผู้ให้เช่ายอมใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน1,800 บาท ดังนี้ แสดงว่าคู่สัญญาแสดงเจตนาให้ถือว่าเงินจำนวน 1,800 บาทเป็นค่าเสียหายในเมื่อผู้ให้เช่าผิดสัญญา ศาลจะลดค่าเสียหายลงหาชอบไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงค่าเสียหายในสัญญาเช่า: ศาลยืนตามเจตนาคู่สัญญา
สัญญามีความว่า ถ้าผู้ให้เช่าลงมอบที่ดินและโรงเรือนให้แก่ผู้เช่าไม่ได้ ผู้ให้เช่ายอมใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 1800 บาท ดังนี้แสดงว่าคู่สัญญาแสดงเจตนาให้ถือว่าเงินจำนวน 1800 บาทเป็นค่าเสียหายในเมื่อผู้ให้เช่าผิดสัญญา ศาลจะลดค่าเสียหายลงหาชอบไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1529/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาต้องอาศัยข้อเท็จจริงเดียวกันกับข้อหาทำร้ายร่างกาย หากศาลล่างไม่เชื่อว่าจำเลยกระทำผิด ศาลฎีกาต้องถือตาม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันกระทำผิดฐานบุกรุกทำร้ายร่างกาย และฆ่าคน โดยเจตนา ศาลชั้นต้นไม่เชื่อข้อเท็จจริงว่าจำเลยกระทำผิดพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่สมบูรณ์ส่วนข้อหาฐานอื่นไม่เชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิดดังศาลชั้นต้น พิพากษายืน โจทก์ฎีกาข้อกฎหมายเรื่องการฟ้องในข้อหาฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ดังนี้ การจะลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายนี้ ก็ต้องอาศัยข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับข้อหาฐานทำร้ายร่างกายซึ่งศาลล่างวินิจฉัยไปแล้วนั่นเอง เพราะเกิดจากการกระทำคราวเดียวกัน เมื่อศาลล่างไม่เชื่อว่าจำเลยกระทำผิด ศาลฎีกาก็ต้องถือตาม จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์จะสมบูรณ์ในข้อหาฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1529/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาต้องอาศัยข้อเท็จจริงเดียวกันกับข้อหาอื่น หากศาลล่างไม่เชื่อว่าจำเลยกระทำผิด ศาลฎีกาต้องถือตาม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันกระทำผิดฐานบุกรุกทำร้ายร่างกาย และฆ่าคนโดยเจตนา ศาลชั้นต้นไม่เชื่อข้อเท็จจริงว่าจำเลยกระทำผิดพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่สมบูรณ์ส่วนข้อหาฐานอื่นไม่เชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิดดังศาลชั้นต้น พิพากษายืน โจทก์ฎีกาข้อกฎหมายเรื่องการฟ้องในข้อหาฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ดังนี้การจะลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายนี้ ก็ต้องอาศัยข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับข้อหาฐานทำร้ายร่างกายซึ่งศาลล่างวินิจฉัยไปแล้วนั่นเอง เพราะเกิดจากการกระทำคราวเดียวกัน เมื่อศาลล่างไม่เชื่อว่าจำเลยกระทำผิด ศาลฎีกาก็ต้องถือตาม จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์จะสมบูรณ์ในข้อหาฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องยักยอกทรัพย์ต้องระบุวันเวลาที่กระทำความผิด การไม่ระบุวันยักยอกทำให้ฟ้องไม่สมบูรณ์
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า ภรรยาโจทก์ตายในคืนวันที่ 2 พฤษภาคม 2490 รุ่งขึ้นจำเลยเก็บเอาทรัพย์ของภรรยาโจทก์รวมทั้งทรัพย์ของโจทก์ไป โดยอ้างว่าจะไปเก็บไว้ให้ โจทก์ก็เลยมอบให้จำเลยเป็นผู้รักษาทรัพย์เหล่านั้น ต่อมา เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2490 เวลากลางวัน โจทก์ทวงเอาทรัพย์คืน แต่จำเลยกลับปฏิเสธว่าไม่ได้รับมอบทรัพย์ไว้จากโจทก์ ทั้งนี้โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังยักยอกเอาทรัพย์เหล่านั้นไว้ เพื่ออาณาประโยชน์ของจำเลย ดังนี้ฟ้องของโจทก์ไม่ได้กล่าวหาว่า จำเลยยักยอกวันไหน จึงเป็นฟ้องไม่สมบูรณ์
of 172