คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 288

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,229 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1905/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ: กรณีผู้ถูกข่มเหงด้วยพฤติกรรมก้าวร้าวและคุกคาม
จำเลยเป็นอาจารย์ใหญ่ส่วนผู้เสียหายเป็นครูอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน ผู้เสียหายขอไปดื่มสุราที่บ้านของจำเลยเพื่อจะ เรียกร้อง ขอเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ ขณะที่ผู้เสียหายไปถึงบ้านของจำเลยนั้น ผู้เสียหายมีอาการเมาสุรามากแล้ว ครั้นจำเลยปฏิเสธ การขอเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ ผู้เสียหายก็แสดง อาการไม่พอใจทุบแก้ว และขวดสุราอันเป็นการก้าวร้าวจำเลยซึ่ง เป็นผู้บังคับบัญชา เมื่อจำเลยวิ่งหนีผู้เสียหายก็วิ่งตาม โดยถือคอขวดที่ทุบแตก ซึ่งสามารถใช้เป็นอาวุธได้ในสภาพ เช่นนั้นและยังเข้าโยกราวบันได อันเป็นการพยายาม ทำให้เสียทรัพย์ แล้วกล่าวแก่จำเลยว่า "มึงจะหนีไปไหน" ซึ่งเป็นกิริยาที่พออนุมานได้ว่าผู้เสียหาย จะประทุษร้าย จำเลยโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้พูดหรือแสดงกิริยาอะไร ที่ เป็นการตอบโต้จะเข้าวิวาทกับผู้เสียหาย พฤติการณ์ของผู้เสียหายเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยคว้าอาวุธปืนมายิง ผู้เสียหายในขณะนั้นจึงเป็นการกระทำความผิด โดยบันดาลโทสะตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1905/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงเพื่อป้องกันตัวจากพฤติกรรมข่มเหงและทำร้ายทรัพย์สิน: บันดาลโทสะทางอาญา
จำเลยเป็นอาจารย์ใหญ่ส่วนผู้เสียหายเป็นครูอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน ผู้เสียหายขอไปดื่มสุราที่บ้านของจำเลยเพื่อจะ เรียกร้อง ขอเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ ขณะที่ผู้เสียหายไปถึงบ้านของจำเลยนั้น ผู้เสียหายมีอาการเมาสุรามากแล้วครั้นจำเลยปฏิเสธ การขอเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ ผู้เสียหายก็แสดง อาการไม่พอใจทุบแก้ว และขวดสุราอันเป็นการก้าวร้าวจำเลยซึ่ง เป็นผู้บังคับบัญชา เมื่อจำเลยวิ่งหนีผู้เสียหายก็วิ่งตาม โดยถือคอขวดที่ทุบแตก ซึ่งสามารถใช้เป็นอาวุธได้ในสภาพ เช่นนั้นและยังเข้าโยกราวบันได อันเป็นการพยายาม ทำให้เสียทรัพย์ แล้วกล่าวแก่จำเลยว่า "มึงจะหนีไปไหน" ซึ่งเป็นกิริยาที่พออนุมานได้ว่าผู้เสียหาย จะประทุษร้าย จำเลยโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้พูดหรือแสดงกิริยาอะไร ที่ เป็นการตอบโต้จะเข้าวิวาทกับผู้เสียหาย พฤติการณ์ของผู้เสียหายเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยคว้าอาวุธปืนมายิง ผู้เสียหายในขณะนั้นจึงเป็นการกระทำความผิด โดยบันดาลโทสะตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1738/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า vs. ทำร้ายร่างกาย: การพิพากษาความผิดฐานพยายามฆ่าโดยพิจารณาจากพฤติการณ์และเจตนาของผู้กระทำ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายหลายทีโดยเจตนาฆ่าจำเลยลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผลผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยเพียงแต่ได้รับบาดเจ็บสาหัสป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน และประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วันขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,288,297 คำบรรยายฟ้องดังกล่าวยืนยันเจตนาในการกระทำผิดของจำเลยว่ามีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแต่เพียงสถานเดียวส่วนที่บรรยายต่อมาว่าผู้เสียหายเพียงแต่ได้รับอันตรายแก่กายสาหัสนั้น เป็นแต่เพียงผลที่เกิดจากความผิดฐานเจตนาฆ่าผู้เสียหายเท่านั้นแม้โจทก์จะอ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 มาในคำขอท้ายฟ้องด้วยก็เป็นการขอตามผลที่เกิดจากการกระทำผิดของจำเลยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความผิดตามที่โจทก์บรรยายยืนยันมาแล้วเท่านั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80, 78 จำคุก 6 ปี 8 เดือนศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297,78 จำคุก2 ปีเป็นการพิพากษาแก้ทั้งบทและแก้ทั้งโทษ จึงเป็นการแก้ไขมากโจทก์ย่อมมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จำเลยใช้มีดปลายแหลม 2 คม เฉพาะตัวมีดยาว 17 เซนติเมตรกว้าง 2 เซนติเมตรแทงผู้เสียหายครั้งแรกถูกที่โคนแขนซ้ายเพราะผู้เสียหายเอี้ยวหลบทันเป็นการแทงในระดับทรวงอกที่มีอวัยวะส่วนสำคัญของร่างกายเมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีจำเลยยังวิ่งไล่ตามและแทงซ้ำอีกที่ด้านหลังถูกบริเวณเอวจนคมมีดทะลุลำไส้ใหญ่แสดงว่าเป็นการแทงโดยแรงผู้เสียหายต้องวิ่งหนีและร้องเรียกให้คนช่วย จำเลยจึงได้หลบหนีไปแพทย์ผู้ตรวจเบิกความว่าบาดแผลของผู้เสียหายหากรักษาไม่ทันท่วงทีอาจถึงแก่ความตายได้และจะต้องใช้เวลารักษาประมาณ 60 วันพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า จำเลยแทงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1738/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า vs. ทำร้ายร่างกายสาหัส: การพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าจากพฤติการณ์และการกระทำ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายหลายทีโดยเจตนาฆ่าจำเลยลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผลผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลย เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บสาหัสป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน และประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288, 297 คำบรรยายฟ้องดังกล่าวยืนยันเจตนาในการกระทำผิดของจำเลยว่ามีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแต่เพียงสถานเดียวส่วนที่บรรยายต่อมาว่าผู้เสียหายเพียงแต่ได้รับอันตรายแก่กายสาหัสนั้น เป็นแต่เพียงผลที่เกิดจากความผิดฐานเจตนาฆ่าผู้เสียหายเท่านั้น แม้โจทก์จะอ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 มาในคำขอท้ายฟ้องด้วย ก็เป็นการขอตามผลที่เกิดจากการกระทำผิดของจำเลย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความผิดตามที่โจทก์บรรยายยืนยันมาแล้วเท่านั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80,78 จำคุก 6 ปี 8 เดือนศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, 78 จำคุก 2 ปีเป็นการพิพากษาแก้ทั้งบทและแก้ทั้งโทษ จึงเป็นการแก้ไขมากโจทก์ย่อมมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยใช้มีดปลายแหลม 2 คม เฉพาะตัวมีดยาว 17 เซนติเมตรกว้าง 2 เซนติเมตรแทงผู้เสียหายครั้งแรกถูกที่โคนแขนซ้ายเพราะผู้เสียหายเอี้ยวหลบทันเป็นการแทงในระดับทรวงอกที่มีอวัยวะส่วนสำคัญของร่างกาย เมื่อผู้เสียหายวิ่งหนี จำเลยยังวิ่งไล่ตามและแทงซ้ำอีกที่ด้านหลังถูกบริเวณเอวจนคมมีดทะลุลำไส้ใหญ่ แสดงว่าเป็นการแทงโดยแรง ผู้เสียหายต้องวิ่งหนีและร้องเรียกให้คนช่วย จำเลยจึงได้หลบหนีไป แพทย์ผู้ตรวจเบิกความว่าบาดแผลของผู้เสียหายหากรักษาไม่ทันท่วงทีอาจถึงแก่ความตายได้และจะต้องใช้เวลารักษาประมาณ 60 วันพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า จำเลยแทงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1634/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกายสาหัส: พฤติการณ์การทำร้าย, ลักษณะบาดแผล, และการขาดเจตนาฆ่า
ผู้เสียหายและจำเลยต่างมีสามีคนเดียวกันอยู่คนละบ้าน วันเกิดเหตุผู้เสียหายไปหาสามีที่บ้านจำเลยแล้วเกิดโต้เถียงกันในเรื่องหึงหวงสามี จำเลยจึงเอามีดทำครัวมาฟันผู้เสียหายในบ้านทันทีทันใดโดยมิได้คาดคิดมาก่อน ผู้เสียหายถูกจำเลยฟันมีบาดแผลที่หนังศีรษะและข้อศอกข้างขวาแล้วผู้เสียหายล้มลงหมดสติ จำเลยมีโอกาสเลือกฟันผู้เสียหายได้อีก แต่กลับไม่ฟันตรงอวัยวะสำคัญโดยฟันที่ขาข้างซ้ายด้านข้างของผู้เสียหาย บาดแผลทั้งหมดเสียเลือดไม่มาก ไม่ทำให้ถึงแก่ความตายคงมีเฉพาะบาดแผลที่ข้อศอกที่ทำให้ข้อศอกอาจใช้การไม่ได้เท่านั้น และปรากฏว่าใช้เวลารักษา1 เดือน 10 วันหาย เพียงเท่านี้ยังไม่พอที่จะแสดงให้เห็นเจตนาฆ่า จำเลยควรมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1634/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทำร้ายร่างกายสาหัส: เจตนาฆ่าไม่ปรากฏ แม้ฟันหลายครั้ง แต่บาดแผลไม่รุนแรงถึงชีวิต
ผู้เสียหายและจำเลยต่างมีสามีคนเดียวกันอยู่คนละบ้านวันเกิดเหตุผู้เสียหายไปหาสามีที่บ้านจำเลยแล้วเกิดโต้เถียงกันในเรื่องหึงหวงสามีจำเลยจึงเอามีดทำครัวมาฟันผู้เสียหายในบ้านทันทีทันใดโดยมิได้คาดคิดมาก่อนผู้เสียหายถูกจำเลยฟันมีบาดแผลที่หนังศีรษะและข้อศอกข้างขวาแล้วผู้เสียหายล้มลงหมดสติจำเลยมีโอกาสเลือกฟันผู้เสียหายได้อีกแต่กลับไม่ฟันตรงอวัยวะสำคัญโดยฟันที่ขาข้างซ้ายด้านข้างของผู้เสียหายบาดแผลทั้งหมดเสียเลือดไม่มาก ไม่ทำให้ถึงแก่ความตายคงมีเฉพาะบาดแผลที่ข้อศอกที่ทำให้ข้อศอกอาจใช้การไม่ได้เท่านั้นและปรากฏว่าใช้เวลารักษา1 เดือน 10 วันหาย เพียงเท่านี้ยังไม่พอที่จะแสดงให้เห็นเจตนาฆ่าจำเลยควรมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1480/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากแรงจูงใจทางการเงิน
จำเลยใช้อาวุธมีคมปาดเชือดคอผู้เสียหายเป็นแผลฉกรรจ์ยาว15 เซนติเมตร ลึก 6 เซนติเมตร ตัดเข้าหลอดอาหารส่วนต้นและเส้นประสาทกล่องเสียงด้านซ้าย อันเป็นอวัยวะสำคัญ อาจทำให้ ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายเนื่องจาก แพทย์ได้ทำการรักษาไว้ทันการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด ฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายและจำเลยกระทำโดยมีการตระเตรียม และวางแผนการไว้ล่วงหน้า ทั้งนี้หวังที่จะได้รับเงินบำเหน็จและ เงินประกันชีวิตของผู้เสียหายจึงเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1480/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากการทำร้ายด้วยอาวุธมีคม มุ่งหวังผลประโยชน์จากเงินบำเหน็จและประกันชีวิต
จำเลยใช้อาวุธมีคมปาดเชือดคอผู้เสียหายเป็นแผลฉกรรจ์ยาว 15 เซนติเมตร ลึก 6 เซนติเมตร ตัดเข้าหลอดอาหารส่วนต้นและเส้นประสาทกล่องเสียงด้านซ้าย อันเป็นอวัยวะสำคัญ อาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายเนื่องจากแพทย์ได้ทำการรักษาไว้ทัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย และจำเลยกระทำโดยมีการตระเตรียมและวางแผนการไว้ล่วงหน้า ทั้งนี้หวังที่จะได้รับเงินบำเหน็จและ เงินประกันชีวิตของผู้เสียหายจึงเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1478/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาจากการกระทำที่ทำให้ถึงแก่ความตาย แม้เกิดจากภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา
จำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถูกที่ด้านหลัง กระสุนปืนตัดบริเวณไขสันหลังขาด ผู้ตายเป็นอัมพาตตั้งแต่เอวจนจดเท้าและถึงแก่ความตายสืบเนื่องมาจากบาดแผลที่ถูกยิงและภาวะติดเชื้ออย่างรุนแรงหลังจากเกิดเหตุ 9 เดือนเศษ ดังนี้ผู้ตายถึงแก่ความตายสืบเนื่องมาจากบาดแผลที่ถูกยิง แม้จะเนื่องจากการรักษาไม่ดีจนบาดแผลติดเชื้อ ก็เป็นผลธรรมดาอันสืบเนื่องมาจากการกระทำของจำเลย จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 805/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุจากการถูกคุกคามในเคหสถานและการใช้กำลังป้องกัน
จำเลยกับพวกเกิดวิวาทชกต่อยกับโจทก์ร่วมและพวกในวงสุราหน้าบ้านโจทก์ร่วมมีผู้ห้ามก็เลิกกัน จำเลยพกปืนกลับมาที่วงสุราอีก แต่ถูกโจทก์ร่วมค้นตัวจนหนีกลับบ้านการที่โจทก์ร่วมกับพวกตามไปถึงใต้ถุนบ้านจำเลย จึงเป็นเพราะอยากหาเรื่องกับจำเลย เป็นการตามไปคุกคามจะทำร้ายจำเลยถึงในบ้าน จำเลยใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมกับพวกจึงเป็นการป้องกันตัว แต่โจทก์ร่วมกับพวกไม่มีอาวุธอะไรหากจำเลยยิงปืนเพียงนัดเดียวก็น่าจะเป็นเหตุให้หลบหนีไปแล้ว แต่จำเลยยิงปืนถึง 4 นัด กระสุนปืนถูก ว.ถึงแก่ความตาย และถูกโจทก์ร่วมได้รับบาดเจ็บ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,69
of 223