พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,229 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3235/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้าย vs. เจตนาฆ่า และบันดาลโทสะ: พฤติการณ์การทำร้ายด้วยอาวุธมีคม
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ที่เกิดเหตุมืดสลัว ผู้เสียหายเตะจำเลยก่อน จำเลยจึงฟันผู้เสียหายไป 1 ที แล้วมิได้ฟันซ้ำอีกซึ่งลักษณะของขวานของกลางเป็นอาวุธที่หนักและมีคม ถ้าจำเลยมีเจตนาฆ่าก็ย่อมจะฟันแรง บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับจึงไม่ฉกรรจ์ ประกอบกับผู้เสียหายกับจำเลยไม่มีเรื่องหมางใจกันมาก่อน ดังนี้ จำเลยมีเจตนาทำร้ายไม่มีเจตนาฆ่า การที่ผู้เสียหายเตะจำเลยก่อนถูกอัณฑะโดยไม่มีเหตุผลใด ๆเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจำเลยฟันผู้เสียหายไปในทันที ดังนี้ เป็นการกระทำเพราะบันดาลโทสะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3116/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สนับสนุนการกระทำผิด: การติดเครื่องรถให้ผู้ก่อเหตุหลบหนีหลังก่อเหตุยิง เสี่ยงผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
ล. นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของจำเลยลงมาพูดทำนองบังคับผู้ตายให้กลับรถของจำเลย ใช้ปืนจี้ท้ายทอยแล้วลั่นไกแต่ กระสุนไม่ลั่น จึงใช้ปืนตีศีรษะ แล้วร้องบอกให้จำเลยติดเครื่องรถรอ จำเลยก็ติดเครื่องรถรอจน ล. มาถึงรถจำเลยแล้วยิงไปที่ผู้ตาย 1 นัด เมื่อขึ้นคร่อมท้ายรถแล้ว ล. ยิงไปอีกหลายนัด ขณะเดียวกันจำเลยก็ขับรถพาหลบหนีไป การติดเครื่องรถรออยู่เป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกในการที่ ล. ยิงผู้ตาย เป็นการให้กำลังใจว่าเมื่อยิงแล้วมีโอกาสซ้อนรถจำเลยหลบหนีไปได้ทันท่วงทีและปลอดภัย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการสนับสนุนการกระทำผิดของ ล. ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3090/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าเจ้าพนักงานต้องกระทำขณะปฏิบัติหน้าที่ หากเจ้าพนักงานไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ขณะถูกทำร้าย ไม่ถือเป็นความผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงาน
กรณีจะเป็นความผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(2) นั้น ต้องเป็นกรณีฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกำลังกระทำการตามหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้ตายมีหน้าที่เป็นสิบเวร และกำลังดูโทรทัศน์อยู่ในเต็นท์พักผ่อนขณะจำเลยกับพวกเข้ามาทำร้ายและฆ่า ผู้ตายมิได้กำลังกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดตามหน้าที่ ไม่เป็นการฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2807/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมาย: การต่อสู้ป้องกันตัวจากกลุ่มผู้บุกรุกทำร้ายร่างกาย
การที่ผู้ตายกับพวกบุกรุกเข้าไปในบ้านของจำเลยทำร้ายร่างกายน้องเขยจำเลยจนสลบและจะรุมทำร้ายจำเลยอีกจำเลยย่อมมีสิทธิกระทำการใด ๆเพื่อป้องกันตนให้พ้นภยันตรายจากการกระทำของผู้ตายกับพวกที่ใกล้จะถึง การที่จำเลยใช้มีดดาบแทงผู้ตายถึงแก่ความตายในขณะที่จำเลยต่อสู้เพื่อให้พ้นจากการรุมทำร้ายของผู้ตายกับพวก จึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ทั้งกำลังชุลมุนต่อสู้กัน ฝ่ายจำเลยมีเพียงคนเดียว ส่วนผู้ตายกับพวกมีอยู่ถึงสามคน ไม่
ปรากฏว่าขณะนั้นพวกผู้ตายคนใดอยู่ในลักษณะอย่างใดตามรายงานการตรวจศพได้ความว่าผู้ตายถูกแทงเพียงทีเดียวดังนั้นการที่จำเลยแทงผู้ตายด้านหลังจึงรับฟังไม่ได้ว่า ภยันตรายจากการกระทำของผู้ตายกับพวกได้ผ่านพ้นไปแล้ว การกระทำเพื่อป้องกันตนของจำเลยยังไม่หมดไป
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ทั้งกำลังชุลมุนต่อสู้กัน ฝ่ายจำเลยมีเพียงคนเดียว ส่วนผู้ตายกับพวกมีอยู่ถึงสามคน ไม่
ปรากฏว่าขณะนั้นพวกผู้ตายคนใดอยู่ในลักษณะอย่างใดตามรายงานการตรวจศพได้ความว่าผู้ตายถูกแทงเพียงทีเดียวดังนั้นการที่จำเลยแทงผู้ตายด้านหลังจึงรับฟังไม่ได้ว่า ภยันตรายจากการกระทำของผู้ตายกับพวกได้ผ่านพ้นไปแล้ว การกระทำเพื่อป้องกันตนของจำเลยยังไม่หมดไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2807/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนจากการถูกทำร้ายและรุมทำร้าย ศาลฎีกาพิจารณาถึงเหตุการณ์ชุลมุนและความได้สัดส่วนในการใช้กำลัง
การที่ผู้ตายกับพวกบุกรุกเข้าไปในบ้านของจำเลยทำร้ายร่างกายน้องเขยจำเลยจนสลบและจะรุมทำร้ายจำเลยอีกจำเลยย่อมมีสิทธิกระทำการใด ๆเพื่อป้องกันตนให้พ้นภยันตรายจากการกระทำของผู้ตายกับพวกที่ใกล้จะถึง การที่จำเลยใช้มีดดาบแทงผู้ตายถึงแก่ความตายในขณะที่จำเลยต่อสู้เพื่อให้พ้นจากการรุมทำร้ายของผู้ตายกับพวก จึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ทั้งกำลังชุลมุนต่อสู้กัน ฝ่ายจำเลยมีเพียงคนเดียว ส่วนผู้ตายกับพวกมีอยู่ถึงสามคน ไม่ปรากฏว่าขณะนั้นพวกผู้ตายคนใดอยู่ในลักษณะอย่างใด ตามรายงานการตรวจศพได้ความว่าผู้ตายถูกแทงเพียงทีเดียวดังนั้นการที่จำเลยแทงผู้ตายด้านหลังจึงรับฟังไม่ได้ว่า ภยันตรายจากการกระทำของผู้ตายกับพวกได้ผ่านพ้นไปแล้ว การกระทำเพื่อป้องกันตนของจำเลยยังไม่หมดไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2681/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าด้วยความอำมหิต ขาดความเมตตา ไม่เข้าข่ายทารุณโหดร้ายตาม ม.289(5)
จำเลยจะข่มขืนกระทำชำเรา น. เด็กหญิงอายุ 13 ปีน. ไม่ยอม จำเลยฟัน น. ถึง 8 แผล ส. น้องชาย อายุ 11 ปีเข้าช่วย จำเลยฟัน ส. 4 แผล ซึ่งแต่ละแผลถูกอวัยวะสำคัญเช่น คอ ศีรษะ คอเกือบขาด แม้ ส. จะร้องว่ากลัวแล้วไหว้แล้ว จำเลยก็ไม่หยุดยั้งดังนี้ จำเลยกระทำโดยเจตนาฆ่าด้วยจิตใจอำมหิต ขาดความเมตตาเท่านั้นมิใช่เป็นการกระทำทารุณโหดร้ายต่อผู้ตายทั้งสองตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5) คงมีความผิดตาม มาตรา 288
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2545/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยมีดอันตรายถึงชีวิต แม้ไม่สำเร็จผล
แม้จำเลยจะแทงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเพียง 1 ครั้งแต่อาวุธที่ใช้ทำร้ายเป็นมีดปลายแหลมซึ่งมีความยาวมากเฉพาะตัวมีดยาว 1 คืบเศษ ด้ามมีดยาวประมาณ 1 คืบแทงผู้เสียหายถูกที่บ่าด้านหลังข้างซ้ายลึกประมาณ 1คืบถึงกระดูกสะบัก บาดแผลยาวประมาณ 4 นิ้วแสดงว่าจำเลยแทงผู้เสียหายอย่างแรงจนตัวมีดเกือบมิดถึงด้ามมีดถูกที่สำคัญซึ่งเป็นบริเวณใกล้หัวใจ เมื่อแทงแล้วจำเลยก็ยังไม่ยอมปล่อยมีดที่ปักคา อยู่ ธ. กับ บ. ต้องเข้ามาช่วยดึงมือจำเลยมีดที่ปักอยู่จึงหลุดตามมือ ของจำเลยออกมา ผู้เสียหายเสียเลือดมาก หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีอาจถึงแก่ความตายได้ ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยย่อมมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2545/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธมีดอันตราย การพยายามฆ่าผู้อื่น แม้ไม่สำเร็จ
แม้จำเลยจะแทงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเพียง 1 ครั้ง แต่อาวุธที่ใช้ทำร้ายเป็นมีดปลายแหลมซึ่งมีความยาวมาก เฉพาะตัวมีดยาว 1 คืบเศษ ด้ามมีดยาวประมาณ 1 คืบ แทงผู้เสียหายถูกที่บ่าด้านหลังข้างซ้ายลึกประมาณ 1 คืบถึงกระดูกสะบัก บาดแผลยาวประมาณ 4 นิ้ว แสดงว่าจำเลยแทงผู้เสียหายอย่างแรงจนตัวมีดเกือบมิดถึงด้ามมีด ถูกที่สำคัญซึ่งเป็นบริเวณใกล้หัวใจ เมื่อแทงแล้วจำเลยก็ยังไม่ยอมปล่อยมีดที่ปักคาอยู่ ธ. กับ บ. ต้องเข้ามาช่วยดึงมือจำเลยมีดที่ปักอยู่จึงหลุดตามมือ ของจำเลยออกมา ผู้เสียหายเสียเลือดมาก หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีอาจถึงแก่ความตายได้ ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยย่อมมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2530/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแย่งอาวุธและการทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความพิการ ศาลแก้ข้อกล่าวหาเป็นพยายามฆ่าและชิงทรัพย์
จำเลยกับพวกอีก 4 คน ไม่มีอาวุธ กลุ้มรุมชกต่อยผู้เสียหาย มีแต่เพียงเจตนาทำร้าย การแย่งอาวุธปืนของผู้เสียหายแล้วยิงผู้เสียหายจนตาบอดทั้ง 2 ข้าง เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นในตอนหลังของจำเลยเพียงผู้เดียวโดยเจตนาจะแย่งอาวุธปืนเพื่อใช้ยิงผู้เสียหายโดยมี เจตนาฆ่า เป็นการกระทำโดยเจตนาลักเอาอาวุธปืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย ดังนี้ จำเลยไม่มีความผิดฐาน พยายามฆ่าผู้อื่นตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(7),80 และ ฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัสตาม มาตรา 340 วรรคสาม แต่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ตาม มาตรา 288,80 และฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่น ได้รับอันตรายสาหัสตาม มาตรา 339 วรรคสี่ ปัญหานี้เกี่ยวด้วย ความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้ฎีกาขึ้นมาโดยตรง ศาลฎีกา ก็แก้ไขให้ ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2530/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแย่งอาวุธและการทำร้ายร่างกายจนได้รับอันตรายสาหัส ศาลแก้ไขข้อกล่าวหาจากพยายามฆ่าและปล้นทรัพย์เป็นพยายามฆ่าและชิงทรัพย์
จำเลยกับพวกอีก 4 คน ไม่มีอาวุธ กลุ้มรุมชกต่อยผู้เสียหาย มีแต่เพียงเจตนาทำร้าย การแย่งอาวุธปืนของผู้เสียหายแล้วยิงผู้เสียหายจนตาบอดทั้ง 2 ข้าง เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นในตอนหลังของจำเลยเพียงผู้เดียว โดยเจตนาจะแย่งอาวุธปืนเพื่อใช้ยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า เป็นการกระทำโดยเจตนาลักเอาอาวุธปืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย ดังนี้ จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(7), 80 และฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัสตาม มาตรา 340 วรรคสาม แต่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตาม มาตรา 288, 80 และฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสตามมาตรา 339 วรรคสี่ ปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้ฎีกาขึ้นมาโดยตรงศาลฎีกาก็แก้ไขให้ถูกต้องได้