พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,229 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้อำนาจยิงเพื่อป้องกันตัวและการเกินกว่าเหตุ การยิงผู้ต้องสงสัยจากด้านหลังเป็นเจตนาฆ่า
ผู้ตายยิงปืนมาทางเจ้าพนักงานตำรวจและจำเลยที่ 1 เพียงนัดเดียวไม่ปรากฏว่ากระสุนปืนถูกผู้ใด จำเลยที่ 1ยิงปืนโต้ตอบไปผู้ตายถูกกระสุนปืนด้านหลัง แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ยิงผู้ตายในขณะที่ผู้ตายหันหลังวิ่งหนีแต่เมื่อผู้ตายยิงปืนมาทางจำเลยที่ 1 ก่อน ซึ่งไม่แน่ว่าผู้ตายจะหันหลังกลับมายิงจำเลยที่ 1 กับพวกซ้ำอีกหรือไม่ ภยันตรายที่จะเกิดจากผู้ตายจึงยังไม่หมดไปทีเดียว และจำเลยที่ 1 มีอำนาจที่จะจับผู้ตายซึ่งกระทำความผิดซึ่งหน้าได้ จำเลยที่ 1 จึงมีอำนาจยิงผู้ตายได้หากพอสมควรแก่เหตุเช่นยิงที่ขา แต่การที่จำเลยที่ 1 ยิงผู้ตาย 1 นัด ทางด้านหลังถูกอวัยวะสำคัญถึงแก่ความตายทันที เห็นได้ว่ามีเจตนาฆ่าผู้ตาย จึงเป็นการใช้วิธีหรือความป้องกันทั้งหลายที่ไม่เหมาะแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับผู้ตาย และเป็นการป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตัว จำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3248/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายจากเหตุประทุษร้ายอันใกล้จะถึงตัว แม้ถูกยิงก่อน แต่มีเหตุสมควรเชื่อว่าถูกยิงซ้ำ
จำเลยที่ 1 เมาสุราถือปืนคาไบน์ส่งเสียเอะอะในบริเวณงาน จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตำรวจสถานีเดียวกันยื้อยุดฉุดตัวจำเลยที่ 1 กลับบ้าน ระหว่างนี้เองปืนคาไบน์ในมือจำเลยที่ 1 ลั่นขึ้น 1 นัด กระสุนถูกจำเลยที่ 2 ที่ท้องทะลุหลัง ปืนลั่นแล้วจำเลยที่ 1 ยังตามเข้าไปเตะจำเลยที่ 2 มีคนเข้าช่วยแย่งปืน ปืนของจำเลยที่1 ได้ลั่นขึ้นอีก 1 นัด เป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 เข้าใจในขณะนั้นว่าจำเลยที่ 1 ตามเข้าไปเพื่อจะยิงซ้ำ จำเลยที่ + จึงได้ใช้ปืนพกที่มีอยู่ยิงจำเลยที่ 1 ไปในทันทีถูกที่ขาจำเลยที่ 1 ทันที ดังนี้เห็นว่าจำเลยที่ 2 มิใช่ผู้ก่อเหตุและกระทำไปด้วยความสำคัญผิดในข้อเท็จจริงถึงภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุ+อันละเมิดต่อกฎหมาย และใกล้จะถึงตัว จำเลยที่ 2 มีสิทธิจะป้องกันชีวิตของตนได้ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62 ประกอบด้วยมาตรา 68
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3248/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงสวนเพื่อป้องกันภัยอันตรายจากผู้ที่ถืออาวุธและแสดงท่าทีจะทำร้ายซ้ำ
จำเลยที่ 1 เมาสุราถือปืนคาไบน์ส่งเสียงเอะอะในบริเวณงาน จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตำรวจสถานีเดียวกันยื้อยุดฉุดตัวจำเลยที่ 1 กลับบ้าน ระหว่างนี้เองปืนคาไบน์ในมือจำเลยที่ 1 ลั่นขึ้น 1 นัด กระสุนถูกจำเลยที่2 ที่ท้องทะลุหลัง ปืนลั่นแล้วจำเลยที่ 1 ยังตามเข้าไปเตะจำเลยที่ 2 มีคนเข้าช่วยแย่งปืน ปืนของจำเลยที่ 1 ได้ลั่นขึ้นอีก 1 นัด เป็นเหตุให้ จำเลยที่ 2 เข้าใจในขณะนั้นว่าจำเลยที่ 1 ตามเข้าไปเพื่อจะยิงซ้ำ จำเลยที่ 2 จึงได้ใช้ปืนพกที่มีอยู่ยิงจำเลยที่ 1 ไปในทันทีถูกที่ขาจำเลยที่ 1 ดังนี้ เห็นว่าจำเลยที่ 2 มิใช่ผู้ก่อเหตุและกระทำไปด้วยความสำคัญผิดในข้อเท็จจริงถึงภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และใกล้จะถึงตัว จำเลยที่ 2 มีสิทธิจะป้องกันชีวิตของตนได้ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62ประกอบด้วยมาตรา 68
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3236/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน - การมีส่วนรู้เห็นและคบคิดในการกระทำผิด
จำเลยร่วมอยู่กับพวกตั้งแต่ก่อน เกิดเหตุ จนกระทั่งเวลาเกิดเหตุจำเลยก็ นั่ง ไป ในรถแล้ว พวกในรถนั้นยิงปืนเข้าไปในร้านอาหาร หลายนัด กระสุนปืนนัดหนึ่งถูกตู้เย็นห่างจากที่สิบตำรวจโท อ. นั่งอยู่ 10 เมตร แล้วหลบหนีไปด้วยกัน พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่ 1 มีส่วนรู้เห็นและคบคิดกับพวกมาก่อน ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดด้วยจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3236/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และคบคิดกับผู้อื่น
จำเลยอยู่กับพวกตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุจนกระทั่งเวลาเกิดเหตุจำเลยก็นั่งไปในรถแล้วพวกในรถนั้นยิงปืนเข้าไปในร้านอาหารหลายนัด กระสุนปืนนัดหนึ่งถูกตู้เย็นห่างจากที่สิบตำรวจโท อ. นั่งอยู่ 10 เมตร แล้วหลบหนีไปด้วยกัน พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่ 1 มีส่วนรู้เห็นและคบคิดกับพวกมาก่อน ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดด้วย จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80,83
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3226-3227/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวิวาทชักปืนท้าทาย ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว และไม่มีอำนาจฟ้องคดี
จำเลยที่ 1 และที่ 2 พูดจาโต้เถียงกันภายในร้านแล้วออกมาที่แคร่ไม้ไผ่หน้าร้าน จำเลยที่ 2 ชักปืนออกมาจ้องปากกระบอกชี้ไปทางจำเลยที่ 1 และพูดว่ามึงแน่ไหม เป็นการท้าทายจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 1 พูดว่าไม่สู้ และมีห้ามปรามจนจำเลยที่ 2 เก็บปืนแล้วก็ตาม แต่กิริยา -อาการที่จำเลยที่ 2 ชักปืนออกมาเป็นการแสดงว่าจำเลยที่ 2 ยังตั้งใจที่จะวิวาทกับจำเลยที่ 1 ต่อไปอีก การเก็บปืนของจำเลยที่ 2 ไม่ทำให้การทะเลาะวิวาทกับจำเลยที่ 1 ขาดตอนไปแต่อย่างใด เมื่อจำเลยที่ 1 วิ่งออกไปจากที่ยืนอยู่และยิงมาที่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ก็ยิบตอบโต้ไปทางจำเลยที่ 1 เช่นกัน พฤติการณ์ดังกล่าวตั้งแต่เริ่มแรกแสดงว่าจำเลยที่ 2 สมัครใจที่จะต่อสู้กับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จะอ้างว่ากระทำไปโดยป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายได้ไม่ และจำเลยที่ 2 ก็มิใช่ผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3226-3227/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงต่อสู้หลังทะเลาะวิวาท การกระทำโดยสมัครใจ และการไม่มีสิทธิฟ้องร้อง
จำเลยที่ 1 และที่ 2 พูดจาโต้เถียงกันภายในร้านแล้วออกมาที่แคร่ไม้ไผ่หน้าร้าน จำเลยที่ 2 ชักปืนออกมาจ้องปากกระบอกชี้ไปทางจำเลยที่ 1 และพูดว่ามึงแน่ไหม เป็นการท้าทายจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 1 พูดว่าไม่สู้ และมีผู้ห้ามปรามจนจำเลยที่ 2 เก็บปืนแล้วก็ตาม แต่กิริยาอาการที่จำเลยที่ 2 ชักปืนออกมาเป็นการแสดงว่าจำเลยที่ 2 ยังตั้งใจที่จะวิวาทกับจำเลยที่ 1 ต่อไปอีก การเก็บปืนของจำเลยที่ 2 ไม่ทำให้การทะเลาะวิวาทกับจำเลยที่ 1 ขาดตอนไปแต่อย่างใด เมื่อจำเลยที่ 1 วิ่งออกไปจากที่ที่ยืนอยู่และยิงมาที่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ก็ยิงโต้ตอบไปทางจำเลยที่ 1 เช่นกัน พฤติการณ์ดังกล่าวตั้งแต่เริ่มแรกแสดงว่าจำเลยที่ 2 สมัครใจที่จะต่อสู้กับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จะอ้างว่ากระทำไปโดยป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่ และจำเลยที่ 2 ก็มิใช่ผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3141/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. พยายามฆ่า: การพิจารณาจากสถานการณ์ชุลมุนแย่งปืนและพฤติการณ์หลังเกิดเหตุ
จำเลยได้ยิงปืนออกไป 3 นัดติด ๆ กันในขณะที่ชุลมุนแย่งปืนกับผู้เสียหาย กระสุนปืนนัดหนึ่งถูกที่แก้มขวาบริเวณขากรรไกรของผู้เสียหาย นัดหนึ่งถูกฝาระเบียงด้านในอีกนัดหนึ่งทะลุพื้นกระดาน ดังนี้ เห็นว่าในสถานการณ์เช่นนี้จำเลยย่อมไม่มีโอกาสเลือกยิงผู้เสียหายให้ถูกที่อวัยวะสำคัญได้ เมื่อผู้เสียหายฟุบลงกับพื้นแล้ว จำเลยยังมีกระสุนอยู่ในรังเพลิงปืนอีก 2 นัดจำเลยย่อมมีโอกาสยิงซ้ำได้ จำเลยก็หาได้ฉวยโอกาสนั้นเลือกยิงผู้เสียหายซ้ำอีกไม่ จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3141/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส แม้มีโอกาสยิงซ้ำแต่ไม่ทำ ไม่ถือเป็นเจตนาฆ่า
จำเลยได้ยิงปืนออกไป 3 นัด ติดๆกัน ในขณะที่ชุลมุนแย่งปืนกับผู้เสียหายกระสุนปืนนัดหนึ่งถูกที่แก้มขวาบริเวณขากรรไกรของผู้เสียหาย นัดหนึ่งถูกฝาระเบียงด้านในอีกนัดหนึ่งทะลุพื้นกระดาน ดังนี้ เห็นว่าในสถานการณ์เช่นนี้จำเลยย่อมไม่มีโอกาสเลือกยิงผู้เสียหายให้ถูกที่อวัยวะสำคัญได้ เมื่อผู้เสียหายฟุบลงกันพื้นแล้ว จำเลยยังมีกระสุนอยู่ในรังเพลิงปืนอีก 2 นัด จำเลยย่อมมีโอกาสยิงซ้ำได้ จำเลยก็หาได้ฉวยโอกาสนั้นเลือกยิงผู้เสียหายซ้ำอีกไม่ จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3055/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงปืนในที่สาธารณะโดยประมาทเล็งผลถึงแก่ชีวิต ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปที่ร้านผู้เสียหายด้วยอาการเมาสุรา ขณะที่ผู้เสียหายเปิดร้านค้าอยู่ห่างจำเลยเพียง 10 เมตร โดยมีผู้คนกำลังซื้อของ จำเลยอาจเล็งเห็นผลได้ว่ากระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายคนในร้านถึงแก่ความตายได้ เมื่อผู้เสียหายถูกกระสุนปืนที่จำเลยยิงที่บริเวณหลังใต้สะบักกระสุนฝังในได้รับอันตรายสาหัส จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น