คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 288

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,229 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2513/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: ผู้เสียหายมีพฤติกรรมคุกคาม จำเลยมีสิทธิป้องกันตนเองได้ แต่ต้องไม่เกินความจำเป็น
ผู้เสียหายกับจำเลยเคยรักใคร่กัน ต่อมาจำเลยเลิกติดต่อกับผู้เสียหายผู้เสียหายโกรธเคยตบหน้าจำเลยและมีหนังสือแจ้งว่าจะทำลายล้างจำเลยและ มารดาจำเลยจะเอาน้ำกรดสาดหน้าจำเลย วันเกิดเหตุผู้เสียหายมาที่ประตูบ้านจำเลย จำเลยร้องบอกให้มารดาผู้เสียหายมาเอาตัวผู้เสียหายไป มารดาผู้เสียหายบอกให้ผู้เสียหายกลับบ้านแต่ผู้เสียหายกลับเดินเข้าไปหาจำเลย จำเลยบอกให้ออกไปผู้เสียหายกลับพูดว่าไม่มีใครช่วยมึงได้ พฤติการณ์เช่นนี้ย่อมเห็นได้ว่าผู้เสียหายเข้าไปเพื่อจะทำร้ายจำเลยแต่ไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีอาวุธ การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายจึงเป็นการพยายามฆ่าโดยป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2473/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้าย vs. เจตนาฆ่าในคดีปล้นทรัพย์ การพิจารณาจากลักษณะบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยที่ 1 กับพวกใช้มีดปลายแหลมของกลางเล่มเดียวซึ่งมีความยาวทั้งด้ามและตัวมีดประมาณ 1 ฟุต แทงประทุษร้ายผู้เสียหายในการปล้นทรัพย์ จนผู้เสียหายตกจากรถจักรยานยนต์และช่วยกันลากผู้เสียหายเข้าป่าข้างทาง แล้วเอาปืนกับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายพาหนีไป ฝ่ายคนร้ายมีถึง 3 คนมีกำลังเหนือกว่าผู้เสียหายมาก หากมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้วย่อมมีโอกาสทำได้ แต่จำเลยที่ 1 กับพวกก็หาได้กระทำเช่นนั้นไม่ บาดแผลของผู้เสียหายรวม 8 แผล แพทย์มีความเห็นว่ารักษา 10 วันหาย แสดงว่าเป็นบาดแผลเล็กน้อยไม่ทำให้ผู้เสียหายถึงตายเพราะไม่ถูกที่สำคัญ เช่นนี้จำเลยที่ 1 มิได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เพียงมีเจตนาทำร้ายเท่านั้นจึงมีความผิดฐานปล้นทรัพย์ แต่ไม่มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2473/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้าย vs. เจตนาฆ่าในคดีปล้นทรัพย์ ศาลพิจารณาจากลักษณะบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยที่ 1 กับพวกใช้มีดปลายแหลมของกลางเล่มเดียวซึ่งมีความยาวทั้งด้ามและตัวมีดประมาณ 1 ฟุตแทงประทุษร้ายผู้เสียหายในการปล้นทรัพย์ จนผู้เสียหายตกจากรถจักรยานยนต์และช่วยกันลากผู้เสียหายเข้าป่าข้างทาง แล้วเอาปืนกับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายพาหนีไป ฝ่ายคนร้ายมีถึง 3 คนมีกำลังเหนือกว่าผู้เสียหายมากหากมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้วย่อมมีโอกาสทำได้ แต่จำเลยที่ 1 กับพวกก็หาได้กระทำเช่นนั้นไม่ บาดแผลของผู้เสียหายรวม 8 แผล แพทย์มีความเห็นว่ารักษา 10 วันหาย แสดงว่าเป็นบาดแผลเล็กน้อยไม่ทำให้ผู้เสียหายถึงตาย เพราะไม่ถูกที่สำคัญ เช่นนี้จำเลยที่ 1 มิได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เพียงมีเจตนาทำร้ายเท่านั้น จึงมีความผิดฐานปล้นทรัพย์ แต่ไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1906/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าโดยใช้วิธีจมน้ำ แม้ไม่มีการทรมานเป็นพิเศษ ก็ยังเป็นความพยายามฆ่า
จำเลยต้องการฆ่าผู้เสียหายโดยวิธีใช้อาวุธปืนยิงก่อนแต่กระสุนปืนไม่ลั่นจึงเปลี่ยนมาใช้วิธีกดผู้เสียหายจมน้ำเพื่อให้ตายต่อเนื่องกันไป จำเลยกดผู้เสียหายจมน้ำครั้งแรกผู้เสียหายต่อสู้หลุดโผล่ขึ้นมา จำเลยใช้ปืนตีศีรษะ 1 ครั้ง แล้วกดลงไปใหม่จนหมดสติ จึงเป็นวิธีธรรมดาทั่วๆ ไปในการกดจมน้ำเพื่อให้ตาย เจตนาของจำเลยก็คือต้องการฆ่าผู้เสียหายให้ถึงแก่ความตาย การที่จำเลยกดผู้เสียหายจมน้ำเป็นวิธีการกระทำเพื่อให้ตายอย่างหนึ่งเท่านั้น มิได้กระทำอย่างใดเป็นพิเศษอันจะแสดงให้เห็นว่า จำเลยประสงค์จะให้ผู้เสียหายได้รับความลำบากสาหัสก่อนตาย จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยพยายามฆ่าผู้เสียหายโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1906/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าโดยใช้วิธีจมน้ำ แม้มิได้ทรมานหรือทารุณโหดร้าย ก็เป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยต้องการฆ่าผู้เสียหายโดยวิธีใช้อาวุธปืนยิงก่อน แต่กระสุนปืนไม่ลั่นจึงเปลี่ยนมาใช้วิธีกดผู้เสียหายจมน้ำเพื่อให้ตายต่อเนื่องกันไป จำเลยกดผู้เสียหายจมน้ำครั้งแรกผู้เสียหายต่อสู้หลุดโผล่ขึ้นมา จำเลยใช้ปืนตีศรีษะ 1 ครั้ง แล้วกดลงไปใหม่จนหมดสติ จึงเป็นวิธีธรรมดาทั่ว ๆ ไปในการกดจมน้ำเพื่อให้ตาย เจตนาของจำเลยก็คือต้องการฆ่าผู้เสียหายให้ถึงแก่ความตาย การที่จำเลยกดผู้เสียหายจมน้ำเป็นวิธีการกระทำเพื่อให้ตายอย่างหนึ่งเท่านั้น มิได้กระทำอย่างใดเป็นพิเศษอันจะแสดงให้เห็นว่า จำเลยประสงค์จะให้ผู้เสียหายได้รับความลำบากสาหัสก่อนตาย จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยพยายามฆ่าผู้เสียหายโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1840/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธมีด ศาลพิจารณาจากบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยกับพวกประมาณ 4-5 คนได้เข้ามาพูดจาหาเรื่องวิวาทกับผู้เสียหายโดยพวกจำเลยคนหนึ่งถามผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายตอบก็ชกผู้เสียหายแล้วชักมีดออกมาแทงที่ท้อง ขณะผู้เสียหายยืนงงอยู่ พวกของจำเลยอีกคนหนึ่งก็เข้ามาแทงซ้ำที่หน้าอก โดยจำเลยกับพวกที่เหลือกันพวกผู้เสียหายไว้ไม่ให้เข้าไปช่วย เป็นการแทงโดยมีโอกาสเลือกแทงผู้เสียหายมีบาดแผลที่หน้าท้องส่วนบนขวายาว 2 เซนติเมตร กว้าง 1 เซนติเมตร ลึกเข้าไปในช่องท้องถูกลำไส้เล็ก แผลที่หน้าอกขวายาว 2 เซนติเมตร กว้าง 1 เซนติเมตร ลึก 0.5 เซนติเมตร แพทย์ผู้ให้การรักษาเบิกความว่าต้องผ่าหน้าท้องเพื่อเย็บเส้นเลือดและลำไส้เล็กที่ขาดภายใน เลือดตกในช่องท้อง 150 ลูกบาศก์เซนติเมตรแผลที่หน้าอกติดซี่โครง ถ้าไม่ติดซี่โครงก็ทะลุปอดถ้ารักษาไม่ทันตายแน่นอน ลักษณะการแทงและผลการรักษาส่อแสดงว่ามีเจตนาจะฆ่าให้ตาย จำเลยกับพวกต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1207/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: การลงโทษฐานฆ่าและพยายามฆ่าในคดีเดียวกัน
ฟ้องว่าจำเลยกับพวกใช้ปืนยิง พ. และ อ. หลายนัดโดยเจตนาฆ่า พ. ถึงแก่กรรม อ. เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกับพวกคนหนึ่งยิงก่อน แล้วพวกของจำเลยอีก 3 คนยิงอีกในทันทีนั้น ดังนี้ เป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท จะเรียงกระทงลงโทษฐานฆ่า พ. กรรมหนึ่งและฐานพยายามฆ่า อ. อีกกรรมหนึ่งไม่ได้ต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยแต่กระทงเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1204/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธจนถึงแก่ความตาย เข้าข่ายฆ่าคนตายโดยเจตนา
จำเลยใช้ไม้ด้ามจอบขนาดกลมโต 3 เซนติเมตร ยาว 1 เมตรเศษ ตีผู้ตายที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญอาจถึงแก่ความตายได้ แม้จะตีเพียงครั้งเดียว แต่กะโหลกศีรษะแตก 5 เซนติเมตร มันสมองช้ำ และกะโหลกศีรษะส่วนท้ายทอยแตกเป็นชิ้น ๆ มีโลหิตตกในเยื่อหุ้มสมอง แสดงว่าจำเลยตีโดยแรง จำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำได้ว่าอาจทำให้ถึงตายได้ เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในเหตุป้องกัน: การยิงป้องกันภัยที่เกินกว่าเหตุ และความรับผิดทางอาญา
จำเลยเป็นผู้ที่นายสนองเจ้าของร้านสนองพานิชได้ว่าจ้างให้มาคุ้มครองรักษาความปลอดภัยอยู่ที่ร้านสนองพานิช วันเกิดเหตุ ผู้ตาย ผู้เสียหายได้เอาอาวุธปืนใส่ถุงกระดาษมาส่งคืนให้แก่ชายจีนที่ทางเท้าหน้าร้านสนองพานิช ก่อนจะส่งถุงปืนให้ ผู้เสียดึงอาวุธปืนให้โผล่ออกจากถุงเล็กน้อยให้ชายจีนเห็น แล้วชวนกันไปพูดที่ประตูหน้าร้านสนองพานิช จำเลยแลเห็นเหตุการณ์โดยตลอด จำเลยสำคัญผิดว่าบุคคลทั้งสามเป็นคนร้ายจะเข้าไปยิงประทุษร้ายนายสนอง จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงไป 3 นัด กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตายและถูกผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย โดยผู้เสียหายหาได้ชักอาวุธปืนออกมาในอาการที่เห็นว่าจะจ้องยิงประทุษร้ายจำเลยหรือบุคคลในร้านสนองพานิชไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69 การกระทำของจำเลยยังรับฟังไม่ได้ว่าเกิดขึ้นจากความตกใจหรือความกลัว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในเหตุป้องกัน: การกระทำเกินกว่ากรณีจำต้องป้องกันตนเอง และการพิจารณาเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยเป็นผู้ที่นายสนองเจ้าของร้านสนองพานิชได้ว่าจ้างให้มาคุ้มครองรักษาความปลอดภัยอยู่ที่ร้านสนองพานิช วันเกิดเหตุผู้ตาย ผู้เสียหายได้เอาอาวุธปืนใส่ถุงกระดาษมาส่งคืนให้แก่ชายจีนที่ทางเท้าหน้าร้านสนองพานิช ก่อนจะส่งถุงปืนให้ ผู้เสียหายดึงอาวุธปืนให้โผล่ออกจากถุงเล็กน้อยให้ชายจีนเห็น แล้วชวนกันไปพูดที่ประตูหน้าร้านสนองพานิช จำเลยแลเห็นเหตุการณ์โดยตลอด จำเลยสำคัญผิดว่าบุคคลทั้งสามเป็นคนร้ายจะเข้าไปยิงประทุษร้ายนายสนอง จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงไป 3 นัด กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตายและถูกผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย โดยผู้เสียหายหาได้ชักอาวุธปืนออกมาในอาการที่เห็นว่าจะจ้องยิงประทุษร้ายจำเลยหรือบุคคลในร้านสนองพานิชไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69 การกระทำของจำเลยยังรับฟังไม่ได้ว่าเกิดขึ้นจากความตกใจหรือความกลัว
of 223