คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 288

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,229 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 926/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการยิงด้วยอาวุธร้ายแรงต่อเนื่องหลายนัด ศาลฎีกายืนโทษจำคุก
จำเลยกับพวกใช้ปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงไปที่กลุ่มผู้เสียหายซึ่งอยู่ห่าง 1 วาเศษ กระสุนปืนถูกพวกผู้เสียหายที่เท้า ทั้งปรากฏว่าหลังจากยิงนัดแรกแล้วยังมีการยิงต่อไปอีก 4 นัด แสดงว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 908/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่าด้วยวัตถุระเบิดกำลังอ่อน ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษจาก 80 เป็น 81 จำเลยฎีกาได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานมีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 38,74 ให้จำคุก 2 ปี กระทงหนึ่ง และมีความผิดฐานพยายามฆ่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 ให้จำคุก 10 ปี อีกกระทงหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะความผิดฐานพยายามฆ่า เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 81 ให้จำคุก 4 ปี ดังนี้ ข้อหาฐานมีวัตถุระเบิดฯ ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ส่วนข้อหาฐานพยายามฆ่านั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมาก จำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่าลูกระเบิดที่จำเลยขว้างผู้เสียหายนั้นเป็นลูกระเบิดชนิดรา้ยแรงเพียงใดหรือไม่ แต่ปรากฏบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับทั้ง ๆ ที่ผู้เสียหายอยู่ตรงจุดระเบิดนั้นเองว่า มีบาดแผลเพียง 4 แห่งคือ 1. บริเวณกกหูขวา หูขวา และใบหน้าแถบขวา แผลจุดแดงเล็ก ๆ ทั่วบริเวณและผิวหนังแดงพอง 2. บริเวณคอแถบขวาแผลยาว 1.5 เซนติเมตร2 แห่ง รอบแผลบวมแดง 3. สะบักขวาผิวหนังขาดกว้าง 4 เซนติเมตร ยวา 4 เซนติเมตร ลึก 0.5 เซนติเมตร รอบแผลบวมมาก และบริเวณเดียวกันมีแผลยาว 2 เซนติเมตร 3 แห่ง รอบ ๆ แผลมีจุดแดง ๆ เล็ก ๆ ทั่วไป ผิวหนังพอง 4. เนื้อไหม้เป็นวงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 นิ้วฟุต ผู้เสียหายรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 1 คืน รุ่งขึ้นแพทย์ก็ให้กลับบ้านได้ เพียงแต่ให้ไปรักษาบาดแผลที่โรงพยาบาลอีกเท่านั้น ดังนี้ แสดงว่าวัตถุระเบิดนั้นมีกำลังอ่อน ไม่อาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ แม้จำเลยมีเจตนาฆ่า แต่การกระทำของจำเลยไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำผิด การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,81หาใช่มาตรา 288,80 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 908/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าแต่ทำไม่สำเร็จ วัตถุระเบิดมีกำลังอ่อน ศาลลดโทษจากพยายามฆ่าเป็นทำร้ายร่างกาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต ความพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 38, 74 ให้จำคุก 2 ปี กระทงหนึ่ง และมีความผิดฐานพยายามฆ่า ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 ให้จำคุก 10 ปี อีกกระทงหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะความผิดฐานพยายามฆ่า เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 81 ให้จำคุก 4 ปี ดังนี้ ข้อหาฐานมีวัตถุระเบิดฯ ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ส่วนข้อหาฐานพยายามฆ่านั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมาก จำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่าลูกระเบิดที่จำเลยขว้างผู้เสียหายนั้นเป็นลูกระเบิดชนิดร้ายแรงเพียงใดหรือไม่ แต่ปรากฏบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับทั้งๆ ที่ผู้เสียหายอยู่ตรงจุดระเบิดนั้นเองว่า มีบาดแผลเพียง 4 แห่ง คือ 1.บริเวณกกหูขวา หูขวา และใบหน้าแถบขวา แผลจุดแดงเล็กๆ ทั่วบริเวณและผิดหนังแดงพอง 2.บริเวณคอแถบขวาแผลขาว 1.5 เซนติเมตร 2 แห่ง รอบแผลบวมแดง 3.สะบักขวาผิดหนังขาดกว้าง 4 เซนติเมตร ยาว 4 เซนติเมตร ลึก 0.5 เซนติเมตร รอบแผลบวมมาก และบริเวณเดียวกันมีแผลยาว 2 เซนติเมตร 3 แห่ง รอบๆ แผลมีจุดแดงๆ เล็ก ทั่วไป ผิวหนังพอง 4. เนื้อไหม้เป็นวงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้วฟุต ผู้เสียหายรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 1 คืน รุ่งขึ้นแพทย์ก็ให้กลับบ้านได้ เพียงแต่ให้ไปรักษาบาดแผลที่โรงพยาบาลอีกเท่านั้น ดังนี้ แสดงว่าวัตถุระเบิดนั้นมีกำลังอ่อน ไม่อาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ แม้จำเลยมีเจตนาฆ่า แต่การกระทำของจำเลยไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำผิด การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 81 หาใช่มาตรา 288, 80 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 834/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงผู้อื่นด้วยปืน การพิจารณา 'ไตร่ตรองไว้ก่อน' แม้มีเหตุโกรธเคือง แต่หากมีเวลาคิดไตร่ตรอง ถือเป็นเจตนา
กรณีที่จำเลยเป็นฝ่ายด่าว่าโจทก์ร่วมเรื่องโจทก์ร่วมให้คนมาขุดซ่อมท่อประปาที่ที่ดินหน้าร้านโจทก์ร่วม ที่เช่าจากจำเลย โดยโจทก์ร่วมไม่ได้โต้เถียงและได้บอกจำเลยด้วยว่าเมื่อทำเสร็จแล้วจะกลบท่อให้ดังเดิม จำเลยกลับใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมถึง 3 นัด ไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมแต่อย่างใด กรณีนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำไปโดยบันดาลโทสะ
และเมื่อปรากฏว่าตามคำของแพทย์ผู้รักษาจำเลยว่าเมื่อประมาณ 3 ปี มาจำเลยเป็นโรคเปลี่ยนวัย แต่เมื่อได้รับรักษารับประทานยาแล้วอาการดีขึ้นและจำเลยเป็นผู้ดูแลกิจการบริการอาบอบนวดของจำเลย ดูแลห้องแถว บังกาโลที่ให้เช่าโดยสามารถดำเนินธุรกิจ และนำเงินไปฝากธนาคารด้วยตนเอง ก่อนที่จำเลยจะยิงโจทก์ร่วม จำเลยด่าว่าโจทก์ร่วมและหลังเกิดเหตุแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน นำพนักงานสอบสวนไปชี้ที่เกิดเหตุและแสดงท่าทางให้ถ่ายภาพประกอบคำรับโดยตลอด จำเลยมีความรู้สึกผิดชอบดีอย่างบุคคลธรรมดาทั่วไป ถือได้ว่าจำเลยกระทำผิดในขณะที่รู้สึกผิดชอบและสามารถบังคับตนเองได้
ส่วนในกรณีที่ปรากฏว่า ก่อนจำเลยใช้ปืนยิงโจทก์ร่วม จำเลยได้ด่าว่าโจทก์ร่วมโดยจำเลยโกรธโจทก์ร่วมที่ให้คนมาขุดท่อประปาในที่ดินของจำเลยเสร็จแล้วจำเลยและโจทก์ร่วมต่างแยกเข้าร้านของตน ซึ่งถือได้ว่าเหตุการณ์ในตอนนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ต่อมาอีกประมาณ 10 นาที โจทก์ร่วมออกมาดูท่อประปาที่ขุดตามที่คนขุดท่อประปาขอให้มาดู จำเลยวิ่งออกจากร้านโดยไม่พูดจา แล้วใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมทันทีเช่นนี้ มิใช่จำเลยกระทำการยิงโจทก์ร่วมในขณะที่เกิดโทสะพลุ่งขึ้นเฉพาะหน้า หากแต่เป็นการที่จำเลยใช้เวลาที่อยู่ในร้านประมาณ 10 นาที คิดไตร่ตรองทบทวนดีแล้วว่าจะยิงโจทก์ร่วมหรือไม่ และได้ตระเตรียมปืนไว้ใช้ยิง ดังนี้ที่จำเลยใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมจึงเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 834/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แม้เกิดจากความโกรธ แต่มีเวลาคิดทบทวนถือเป็นเหตุไตร่ตรอง
กรณีที่จำเลยเป็นฝ่ายด่าว่าโจทก์ร่วมเรื่องโจทก์ร่วมให้คนมาขุดซ่อมท่อประปาที่ที่ดินหน้าร้านโจทก์ร่วมที่เช่าจากจำเลย โดยโจทก์ร่วมไม่ได้โต้เถียงและได้บอกจำเลยด้วยว่าเมื่อทำเสร็จแล้วจะกลบท่อให้ดังเดิม จำเลยกลับใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมถึง 3 นัด ไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมแต่อย่างใด กรณีนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำไปโดยบันดาลโทสะ
และเมื่อปรากฏว่าตามคำของแพทย์ผู้รักษาจำเลยว่าเมื่อประมาณ 3 ปีมาจำเลยเป็นโรคเปลี่ยนวัย แต่เมื่อได้รับรักษารับประทานยาแล้วอาการดีขึ้นและจำเลยเป็นผู้ดูแลกิจการบริการอาบอบนวดของจำเลย ดูแลห้องแถว บังกาโลที่ให้เช่าโดยสามารถดำเนินธุรกิจ และนำเงินไปฝากธนาคารด้วยตนเองก่อนที่จำเลยจะยิงโจทก์ร่วมจำเลยด่าว่าโจทก์ร่วมและหลังเกิดเหตุแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนนำพนักงานสอบสวนไปชี้ที่เกิดเหตุและแสดงท่าทางให้ถ่ายภาพประกอบคำรับโดยตลอดจำเลยมีความรู้สึกผิดชอบดีอย่างบุคคลธรรมดาทั่วไป ถือได้ว่าจำเลยกระทำผิดในขณะที่รู้สึกผิดชอบและสามารถบังคับตนเองได้
ส่วนในกรณีที่ปรากฏว่า ก่อนจำเลยใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมจำเลยได้ด่าว่าโจทก์ร่วมโดยจำเลยโกรธโจทก์ร่วมที่ให้คนมาขุดท่อประปาในที่ดินของจำเลยเสร็จแล้วจำเลยและโจทก์ร่วมต่างแยกเข้าร้านของตนซึ่งถือได้ว่าเหตุการณ์ในตอนนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ต่อมาอีกประมาณ 10 นาทีโจทก์ร่วมออกมาดูท่อประปาที่ขุดตามที่คนขุดท่อประปาขอให้มาดูจำเลยวิ่งออกจากร้านโดยไม่พูดจา แล้วใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมทันทีเช่นนี้ มิใช่จำเลยกระทำการยิงโจทก์ร่วมในขณะที่เกิดโทสะพลุ่งขึ้นเฉพาะหน้า หากแต่เป็นการที่จำเลยใช้เวลาที่อยู่ในร้านประมาณ 10 นาที คิดไตร่ตรองทบทวนดีแล้วว่าจะยิงโจทก์ร่วมหรือไม่และได้ตระเตรียมปืนไว้ใช้ยิง ดังนี้ที่จำเลยใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมจึงเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่า: การทำร้ายด้วยอาวุธมีดโกนที่คอ แม้ไม่ถึงแก่ความตาย แต่มีเจตนาฆ่า
ขณะที่ผู้เสียหายกำลังยืนดูมวยอยู่มิได้ระวังตัว จำเลยใช้มีดโกนปาด(ในลักษณะที่ชกเฉี่ยวปาด) ที่บริเวณคอผู้เสียหายมีปาดแผลยาวถึง 10 เซนติเมตร นายแพทย์สุทัศน์ (ผู้ชันสูตรบาดแผล) เบิกความว่า ที่คอมีหลอดคอกับเส้นโลหิตใหญ่เป็นอวัยวะสำคัญ บาดแผลของผู้เสียหายถูกเส้นโลหิตดำขาด แต่ไม่ถูกเส้นโลหิตแดง ถ้าหากเส้นโลหิตแดงใหญ่ขาดทำให้ถึงตายได้ การที่จำเลยเลือกทำร้ายผู้เสียหายที่อวัยวะสำคัญและกระทำโดยแรงมีบาดแผลฉกรรจ์ด้วยอาวุธมีดโกนชนิดพับได้อย่างที่ใช้กันในร้านตัดผมใบมีดยาว 5 นิ้วฟุต กว้าง 1 นิ้วมือเศษ ทั้งใบมีดและด้ามยาวคืบเศษ แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แต่การกระทำของจำเลยไม่บรรลุผล เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายจำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากบาดแผลฉกรรจ์ แม้ไม่สำเร็จความตายเข้าข่ายพยายามฆ่า
ขณะที่ผู้เสียหายกำลังยืนดูมวยอยู่มิได้ระวังตัว จำเลยใช้มีดโกนปาด (ในลักษณะที่ชกเฉี่ยวปาด) ที่บริเวณคอผู้เสียหายมีบาดแผลยาวถึง 10 เซนติเมตร นายแพทย์สุทัศน์ (ผู้ชันสูตรบาดแผล) เบิกความว่า ที่คอที่หลอดคอกับเส้นโลหิตใหญ่เป็นอวัยวะสำคัญ บาดแผลของผู้เสียหายถูกเส้นโลหิตดำขาด แต่ไม่ถูกเส้นโลหิตแดง ถ้าหากเส้นโลหิตแดงใหญ่ขาดทำให้ถึงตายได้ การที่จำเลยเลือกทำร้ายผู้เสียหายที่อวัยวะสำคัญและกระทำโดยแรงมีบาดแผลฉกรรจ์ด้วยอาวุธมีดโกนชนิดพับได้อย่างที่ใช้กันในร้านตัดผมใบมีดยาว 5 นิ้วฟุต กว้าง 1 นิ้วมือเศษ ทั้งใบมีดและด้ามยาวคืบเศษ แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แต่การกระทำของจำเลยไม่บรรลุผล เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 617/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพยายามฆ่าโดยบันดาลโทสะ: การพิจารณาคำพูดกระตุ้นความโกรธและเหตุผลในการลดโทษ
โจทก์ต่อว่าจำเลยว่า มองหน้าทำไม เป็นตำรวจหรือ ตำรวจไม่สำคัญ จำเลยก็ชักปืนยิงโจทก์คำพูดเช่นนี้ระคายเคืองอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงข่มเหงอย่างร้ายแรงและไม่เป็นธรรมที่จะลดโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษจำเลยในความผิดฐานพยายามฆ่า และการเพิ่มโทษโดยโจทก์มิได้อุทธรณ์
จำเลยเมาสุราขนาดหนักต้องการแสดงอิทธิพลด้วยสันดานอันธพาลไม่รู้ว่าผู้เสียหายกับพวกเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจำเลยยิงปืนใส่ผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงมีเจตนาเพียงพยายามฆ่าผู้เสียหายในฐานะบุคคลธรรมดาไม่ใช่เจ้าพนักงาน
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตในความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่เพียงกระทงเดียวโจทก์มิได้อุทธรณ์ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไม่รับอนุญาตและฐานเสพสุราจนเป็นเหตุให้ตนเมาประพฤติวุ่นวายการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไม่รับอนุญาตจำคุก6เดือนและฐานเสพสุราจนเป็นเหตุให้ตนเมาประพฤติวุ่นวายปรับ100บาทอีก2กระทงด้วยย่อมไม่ได้เพราะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยโดยที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา212

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยในความผิดฐานอื่นนอกเหนือจากที่โจทก์อุทธรณ์ เป็นการเพิ่มเติมโทษที่มิชอบตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
จำเลยเมาสุราขนาดหนัก ต้องการแสดงอิทธิพลด้วยสันดานอันธพาล ไม่รู้ว่าผู้เสียหายกับพวกเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ จำเลยยิงปืนใส่ผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงมีเจตนาเพียงพยายามฆ่าผู้เสียหายในฐานบุคคลธรรมดา ไม่ใช่เจ้าพนักงาน
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตในความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่เพียงกระทงเดียว โจทก์มิได้อุทธรณ์ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไม่รับอนุญาตและฐานเสพสุราจนเป็นเหตุให้ตนเมา ประพฤติวุ่นวาย การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไม่รับอนุญาต จำคุก 6 เดือนและฐานเสพสุราจนเป็นเหตุให้ตนเมาประพฤติวุ่นวาย ปรับ 100 บาท อีก 2 กระทงด้วย ย่อมไม่ได้เพราะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยโดยที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212
of 223