พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,229 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 394/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่มีเจตนาฆ่า เพียงทำร้ายร่างกายโดยไม่มีเหตุโกรธเคือง
ผู้ตายกับจำเลยที่ 2 โต้เถียงกัน แล้วจำเลยที่ 2 หยิบไม้กว้างและหนาด้านละประมาณ 3 นิ้วฟุต ยาวศอกเศษที่อยู่บนพื้นดินบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุนั้นเองตีผู้ตาย 2-3 ที ผู้ตายยกแขนรับและหันไปหาไม้มาต่อสู้ จำเลยที่ 1 เข้าไปทางด้านข้างผู้ตาย แล้วใช้เก้าอี้ไม้กลมไม่มีพนักตีผู้ตาย 1 ที ถูกที่แขนและศีรษะล้มลง แล้วจำเลยทั้งสองก็หยุดทำร้ายมิได้กระทำซ้ำ ผู้ตายมีแผลที่ศีรษะจากของแข็งไม่มีคม คางด้านซ้ายช้ำบวม และแขนซ้ายขวาท่อนล่างช้ำแดง และถึงแก่ความตายในวันรุ่งขึ้น ดังนี้ จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานทำร้ายผู้ตายเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายโดยมิได้มีเจตนาฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากบาดแผลสาหัส: การแทงที่หน้าอกจนปอดแฟบเข้าข่ายพยายามฆ่า
จำเลยใช้มีดพกปลายแหลมยาวทั้งตัวและด้ามประมาณหนึ่งคืบ ใบมีดกว้างขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ แทงผู้เสียหาย ครั้งแรกถูกที่ข้อศอกซ้าย แล้วแทงซ้ำถูกที่บริเวณเหนือราวนมด้านซ้ายอันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญ ลึกถึงกระดูกซี่โครง เยื่อหุ้มปอดฉีกขาด ปอดข้างซ้ายแฟบลง ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ประกอบกับรายงานชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องปรากฏว่าถ้าผู้เสียหายไม่ได้รับการรักษาโดยทันทีด้วยการเจาะปอด จะถึงแก่ความตาย เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าผู้เสียหายให้ตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการแทงด้วยอาวุธอันตราย ถือเป็นความพยายามฆ่า แม้ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ชีวิต
จำเลยใช้มีดพกปลายแหลมยาวทั้งตัวและด้ามประมาณหนึ่งคืบใบมีดกว้างขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือแทงผู้เสียหายครั้งแรกถูกที่ข้อศอกซ้าย แล้วแทงซ้ำถูกที่บริเวณเหนือราวนมด้านซ้ายอันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญ ลึกถึงกระดูกซี่โครง เยื่อหุ้มปอดฉีกขาด ปอดข้างซ้ายแฟบลง ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติประกอบกับรายงานชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องปรากฏว่าถ้าผู้เสียหายไม่ได้รับการรักษาโดยทันทีด้วยการเจาะปอด จะถึงแก่ความตายเช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าผู้เสียหายให้ตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 351/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิผู้อื่นโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อปกป้องบิดาจากทำร้ายร่างกาย
การที่ผู้ตายซึ่งมีอายุ 30 ปี ทำร้ายบิดาจำเลยซึ่งมีอายุ 50 ปีโดยไม่มีทางสู้กันและผู้ตายกำลังจะกระทืบบิดาจำเลย ซ้ำอีกจำเลยอายุเพียง 16 ปี ใช้ปืนยิงผู้ตาย 1 นัด แล้วผู้ตายเข้าแย่งปืนจากจำเลยจนปืนลั่นอีก 1 นัด เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของบิดาจำเลยให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงโดยพอสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามฆ่าเจ้าพนักงานด้วยอาวุธสงคราม แม้ไม่ถูกกระสุน ก็ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
การที่จำเลยกับพวกใช้ปืนอาร์ก้าซึ่งเป็นอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงและเป็นอาวุธสำหรับใช้แต่ในการสงครามยิงไปที่เจ้าพนักงานตำรวจขณะปฏิบัติตามหน้าที่ โดยยิงหลายนัดในระยะทางประมาณ 100 เมตร นั้นเมื่อการกระทำนั้นไม่บรรลุผล เพราะกระสุนปืนไม่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติการตามหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายภรรยาจนถึงแก่ความตาย ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ว่าเป็นการทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ไม่เข้าข้อยกเว้นป้องกันตัว
จำเลยกับผู้ตายเป็นสามีภริยากัน วันเกิดเหตุจำเลยกลับจากทำงานถึงบ้านไม่พบผู้ตายจึงตามไปพบผู้ตายที่แพของ อ. จำเลยถามผู้ตายว่าทำไมไม่กลับบ้าน ผู้ตายว่าไม่กลับจะทำไมจำเลยว่าข้าวปลาทำไมไม่หุงปล่อยให้ลูกหุงกินเองผู้ตายจึงว่าหุงกินเองไม่เป็นก็ช่างแม่มันจำเลยจึงตบหน้าผู้ตายตกจากเก้าอี้ล้มลงไปที่พื้น ผู้ตายลุกขึ้นได้ก็หยิบมีดวิ่งเข้าหาจำเลยจำเลยจึงหยิบเขียงบนโต๊ะเหวี่ยงไปที่ผู้ตาย ถูกผู้ตายล้มลงไป มีเลือดออกที่ศีรษะ จำเลยเข้าประคองผู้ตายและพาไปส่งโรงพยาบาลผู้ตายมีบาดแผลฉกรรจ์ คือ ศีรษะบริเวณท้ายทอยแตก เป็นแผลยาว 13 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตร ลึกจดกะโหลกศีรษะผู้ตายถึงแก่ความตายในคืนนั้น เพราะเลือดคั่งในสมอง ลักษณะบาดแผลที่จำเลยเหวี่ยงเขียงไปที่ผู้ตายในขณะที่ผู้ตายถือมีดวิ่งเข้าหาจำเลยไม่น่าจะทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์ที่ท้ายทอยของผู้ตาย บาดแผลอาจจะเกิดจากการที่ผู้ตายหงายหลังล้มลงไปก็ได้แต่ก็ได้ความว่าเหตุที่ผู้ตายล้มลงไปก็เพราะจำเลยเหวี่ยงเขียงไปที่ผู้ตายการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายภรรยาจนถึงแก่ความตาย ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าเป็นการทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
จำเลยกับผู้ตายเป็นสามีภริยากัน วันเกิดเหตุจำเลยกลับจากทำงานถึงบ้านไม่พบผู้ตาย จึงตามไปพบผู้ตายที่แพของ อ. จำเลยถามผู้ตายว่าทำไมไม่กลับบ้าน ผู้ตายว่าไม่กลับจะทำไม จำเลยว่าข้าวปลาทำไมไม่หุง ปล่อยให้ลูกหุงกินเอง ผู้ตายจึงว่าหุงกินเองไม่เป็นก็ช่างแม่มัน จำเลยจึงตบหน้าผู้ตายตกจากเก้าอี้ล้มลงไปที่พื้น ผู้ตายลุกขึ้นได้ก็ไปหยิบมีดวิ่งเข้าหาจำเลย จำเลยจึงหยิบเขียงบนโต๊ะเหวี่ยงไปที่ผู้ตาย ถูกผู้ตายล้มลงไป มีเลือดออกที่ศีรษะ จำเลยเข้าประคองผู้ตายและพาไปส่งโรงพยาบาล ผู้ตายมีบาดแผลฉกรรจ์คือศีรษะบริเวณท้ายทอยแตก เป็นแผลยาว 13 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตร ลึกจดกะโหลกศีรษะ ผู้ตายถึงแก่ความตายในคืนนั้น เพราะเลือดคั่งในสมอง ลักษณะบาดแผลที่จำเลยเหวี่ยงเขียงไปที่ผู้ตายในขณะที่ผู้ตายถือมีดวิ่งเข้าหาจำเลยไม่น่าจะทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์ที่ท้ายทอยของผู้ตาย บาดแผลอาจจะเกิดจากการที่ผู้ตายหงายหลังล้มลงไปก็ได้ แต่ก็ได้ความว่าเหตุที่ผู้ตายล้มลงไปก็เพราะจำเลยเหวี่ยงเขียงไปที่ผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 17/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัว: ภัยอันตรายใกล้ถึงและการใช้กำลังพอสมควร
ผู้เสียหายใช้ไม้แก่นกลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว ยาวประมาณ 1 เมตร เป็นอาวุธทำร้ายจำเลยหลายครั้ง และขณะจำเลยล้มลงไปที่พื้นดิน ผู้เสียหายจะใช้ไม้นั้นตีซ้ำอีก นับเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงและยากที่จะหนีให้พ้นภยันตรายนั้นได้ทันท่วงทีเพราะผู้เสียหายอยู่ห่างจำเลย ประมาณ 2-3 เมตรเท่านั้น จำเลยจึงยิงผู้เสียหายเพียง 1 นัด ในขณะนั้น การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 17/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: ภยันตรายใกล้ถึงและการใช้กำลังพอสมควร
ผู้เสียหายใช้ไม้แก่นกลมเสันผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว ยาวประมาณ1 เมตรเป็นอาวุธทำร้ายจำเลยหลายครั้ง และขณะจำเลยล้มลงไปที่พื้นดิน ผู้เสียหายจะใช้ไม้นั้นตีซ้ำอีก นับเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงและยากที่จะหนีให้พ้นภยันตรายนั้นได้ทันท่วงที เพราะผู้เสียหายอยู่ห่างจำเลยประมาณ2-3 เมตรเท่านั้น จำเลยจึงยิงผู้เสียหายเพียง 1 นัดในขณะนั้น การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2942/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำร้ายจนถึงแก่ความตาย: เจตนาฆ่าและเหตุชุลมุน
จำเลยกับพวกอีก 3 คน กลุ้มรุมทำร้ายผู้ตายฝ่ายเดียว โดยผู้ตายมิได้สมัครใจเข้าต่อสู้ด้วย การที่ผู้ตายต่อสู้ปัดป้องจึงมิใช่การร่วมชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294
ผู้ตายมีบาดแผลถูกแทงเพียงแผลเดียว แม้จะถูกที่สำคัญ แต่เป็นบาดแผลที่เกิดขึ้นขณะชุลมุนกัน ไม่รู้ว่าใครแทงและแทงในลักษณะใด (สาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนเป็นเพียงสาเหตุที่จำเลยกับพวกเข้าทำร้ายผู้ตายเท่านั้น) พฤติการณ์ดังกล่าวไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำไปโดยเจตนาฆ่าผู้ตาย จำเลยคงมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290,83
ผู้ตายมีบาดแผลถูกแทงเพียงแผลเดียว แม้จะถูกที่สำคัญ แต่เป็นบาดแผลที่เกิดขึ้นขณะชุลมุนกัน ไม่รู้ว่าใครแทงและแทงในลักษณะใด (สาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนเป็นเพียงสาเหตุที่จำเลยกับพวกเข้าทำร้ายผู้ตายเท่านั้น) พฤติการณ์ดังกล่าวไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำไปโดยเจตนาฆ่าผู้ตาย จำเลยคงมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290,83