พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,229 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนทางอาญา: ภาระการพิสูจน์และการใช้พยานหลักฐาน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำเลยให้การว่าทำร้ายผู้ตายเพราะผู้ตายกับพวกเข้าปล้นบ้านจำเลย จำเลยไม่ได้กระทำผิด ดังนี้ เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความจริง แต่การนำสืบในกรณีเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องมีประจักษ์พยานมาเบิกความเสมอไป ถ้อยคำพยานและเหตุผลแวดล้อมอาจมีน้ำหนักพอให้วินิจฉัยได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนและการพิสูจน์ความผิดในคดีอาญา: โจทก์ต้องพิสูจน์การกระทำความผิด แม้ไม่มีพยานรู้เห็น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำเลยให้การว่าทำร้ายผู้ตายเพราะผู้ตายกับพวกเข้าปล้นบ้านจำเลย จำเลยไม่ได้กระทำผิด ดังนี้ เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความจริง แต่การนำสืบในกรณีเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องมีประจักษ์พยานมาเบิกความเสมอไป ถ้อยคำพยานและเหตุผลแวดล้อมอาจมีน้ำหนักพอให้วินิจฉัยได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2009/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: การกระทำโดยมีอารมณ์โกรธและวางแผนล่วงหน้า
จำเลยโกรธผู้ตายที่กล่าวหาว่าจำเลยลักกระบือไปฆ่า จึงหาเหตุไปจับผู้ตายโดยอาศัยการที่จำเลยเป็นอาสาสมัครรักษาดินแดน เมื่อจำเลยจับผู้ตายได้แล้ว ก็พาผู้ตายไปฆ่าทิ้งเสียที่กลางป่า การกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2009/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: การกระทำโดยมีโกรธเคืองเป็นแรงจูงใจ และใช้ตำแหน่งหน้าที่อำนวยความสะดวก
จำเลยโกรธผู้ตายที่กล่าวหาว่าจำเลยลักกระบือไปฆ่า จึงหาเหตุไปจับผู้ตายโดยอาศัยการที่จำเลยเป็นอาสาสมัครรักษาดินแดน เมื่อจำเลยจับผู้ตายได้แล้ว ก็พาผู้ตายไปฆ่าทิ้งเสียที่กลางป่า การกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1957/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเกินสมควรแก่เหตุ กรณีถูกทำร้ายด้วยมีดและจอบ
ผู้ตายถือมีดไล่ฟันจำเลย จำเลยจึงใช้จอบตีผู้ตายจนมีดหลุดมือแล้วต่างคนต่างเข้าแย่งมีดกันล้มลงไปทั้งคู่ จำเลยแย่งมีดได้แล้วกลับใช้ฟันผู้ตายไปในขณะที่ล้มอยู่หลายทีจนผู้ตายถึงแก่ความตาย เมื่อปรากฏว่าบาดแผลที่ผู้ตายได้รับบริเวณหน้า ศีรษะ และคอซึ่งเป็นอวัยวะส่วนสำคัญเป็นบาดแผลทำให้ถึงตายได้เกือบทุกแผล แขนขวาส่วนล่างของผู้ตายถูกตีหักจนไม่อาจใช้มือขวาถือมีดฟันทำร้ายจำเลยได้ต่อไปอีก เช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1957/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การแย่งมีดจากผู้โจมตีและใช้ทำร้ายจนถึงแก่ความตาย
ผู้ตายถือมีดไล่ฟันจำเลย จำเลยจึงใช้จอบตีผู้ตายจนมีดหลุดมือแล้วต่างคนต่างเข้าแย่งมีดกันล้มลงไปทั้งคู่ จำเลยแย่งมีดได้แล้วกลับใช้ฟันผู้ตายไปในขณะที่ล้มอยู่หลายทีจนผู้ตายถึงแก่ความตาย เมื่อปรากฏว่าบาดแผลที่ผู้ตายได้รับบริเวณหน้า ศีรษะ และคอซึ่งเป็นอวัยวะส่วนสำคัญเป็นบาดแผลทำให้ถึงตายได้เกือบทุกแผล แขนขวาส่วนล่างของผู้ตายถูกตีหักจนไม่อาจใช้มือขวาถือมีดฟันทำร้ายจำเลยได้ต่อไปอีก เช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1943/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: การยิงผู้ที่วิ่งหนีโดยไม่มีท่าทีจะหันกลับมาต่อสู้
จำเลยติดตามคนร้ายที่ลักเหล้าไปพบผู้ตายนั่งกินเหล้าอยู่ผู้ตายลุกขึ้นก้าวถอยหลังหนีแล้วควักปืนยิงจำเลย 1 นัด แล้วหันหลังวิ่ง แม้ขณะผู้ตายวิ่งไปได้ราว 3 วาเศษ ผู้ตายจะหักลำกล้องปืนและเอามือล้วงกระเป๋า ซึ่งปรากฏภายหลังว่ามีกระสุนปืนอยู่ในกระเป๋ากางเกงผู้ตาย 4 ลูก แต่ผู้ตายก็มิได้แสดงกิริยาว่าจะหันกลับมาต่อสู้ พอห่างจำเลย 16 - 17 วา จำเลยก็ยิงผู้ตายขณะผู้ตายกำลังวิ่งหันหลังให้ กระสุนปืนถูกผู้ตายด้านหลังถึงแก่ความตาย ดังนี้ เป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1943/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ: จำเลยยิงผู้ตายขณะวิ่งหนีหลังชักปืน แต่ไม่มีท่าทีหันกลับมาต่อสู้
จำเลยติดตามคนร้ายที่ลักเหล้าไปพบผู้ตายนั่งกินเหล้าอยู่ผู้ตายลุกขึ้นก้าวถอยหลังหนีแล้วควักปืนยิงจำเลย 1 นัด แล้วหันหลังวิ่ง แม้ขณะผู้ตายวิ่งไปได้ราว 3 วาเศษ ผู้ตายจะหักลำกล้องปืนและเอามือล้วงกระเป๋า ซึ่งปรากฏภายหลังว่ามีกระสุนปืนอยู่ในกระเป๋ากางเกงผู้ตาย 4 ลูก แต่ผู้ตายก็มิได้แสดงกิริยาว่าจะหันกลับมาต่อสู้ พอห่างจำเลย 16-17 วา จำเลยก็ยิงผู้ตายขณะผู้ตายกำลังวิ่งหันหลังให้ กระสุนปืนถูกผู้ตายด้านหลังถึงแก่ความตายดังนี้ เป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1932/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน แม้มีอาวุธติดตัว เหตุเกิดจากความโมโหและผู้ตายหลบหนี
ผู้ตายมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับภรรยาจำเลย ก่อนเกิดเหตุผู้ตายพาภรรยาจำเลยไปค้างที่อื่น จำเลยจึงไปหาผู้ตาย ณ ที่ทำงาน เพื่อขอให้ผู้ตายส่งภรรยาของจำเลยคืน ไม่ได้ตั้งใจไปทำร้ายผู้ตายเมื่อพบผู้ตาย ผู้ตายหลบหนีจำเลยเข้าไปในห้องน้ำ จำเลยจึงเกิดมีความโกรธขึ้นได้ตามเข้าไปแทงผู้ตายในห้องน้ำถึงแก่ความตายด้วยอาวุธที่จำเลยพกติดตัวมา ดังนี้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ไม่ผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1932/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อนจากความโกรธแค้นชู้สาว ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเหตุเกิดจากบันดาลโทสะ
ผู้ตายมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับภรรยาจำเลย ก่อนเกิดเหตุผู้ตายพาภรรยาจำเลยไปค้างที่อื่น จำเลยจึงไปหาผู้ตาย ณ ที่ทำงานเพื่อขอให้ผู้ตายส่งภรรยาของจำเลยคืน ไม่ได้ตั้งใจไปทำร้ายผู้ตายเมื่อพบผู้ตาย ผู้ตายหลบหนีจำเลยเข้าไปในห้องน้ำ จำเลยจึงเกิดมีความโกรธขึ้นได้ตามเข้าไปแทงผู้ตายในห้องน้ำถึงแก่ความตายด้วยอาวุธที่จำเลยพกติดตัวมา ดังนี้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ไม่ผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน