พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,229 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 978/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันสิทธิเกินสมควร: การแทงผู้บุกรุกจนถึงแก่ความตาย และการรอการลงโทษ
เมื่อมีเหตุอันสมควรทำให้จำเลยสำคัญผิดว่า ผู้ตายเป็นคนร้ายเข้ามาทำร้ายจำเลย จำเลยย่อมกระทำการเพื่อป้องกันสิทธิของตนได้
จำเลยสำคัญผิดว่าผู้ตายเป็นคนร้ายที่ขึ้นไปบนเรือนและเข้าไปทำร้ายจำเลย จำเลยจึงใช้มีดปลายแหลมแทงเป็นการป้องกันไป 1 ทีถูกที่หน้าอกของผู้ตายเป็นบาดแผลลึกถึงหัวใจ ซึ่งพอจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้แล้ว จำเลยยังวิ่งไล่ตามไปแทงผู้ตายที่พื้นดินหน้าบันไดเรือนอีกหลายครั้งจนผู้ตายถึงแก่ความตายอยู่ตรงนั้นการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
จำเลยสำคัญผิดว่าผู้ตายเป็นคนร้ายที่ขึ้นไปบนเรือนและเข้าไปทำร้ายจำเลย จำเลยจึงใช้มีดปลายแหลมแทงเป็นการป้องกันไป 1 ทีถูกที่หน้าอกของผู้ตายเป็นบาดแผลลึกถึงหัวใจ ซึ่งพอจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้แล้ว จำเลยยังวิ่งไล่ตามไปแทงผู้ตายที่พื้นดินหน้าบันไดเรือนอีกหลายครั้งจนผู้ตายถึงแก่ความตายอยู่ตรงนั้นการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 976/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายจากการถูกทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ชีวิต ศาลยกฟ้อง
จำเลยเดินมาคนเดียว ผู้ตายกับพวกหลายคนเข้าทำร้ายจำเลยผู้ตายรัดคอจำเลยจนจำเลยหายใจไม่ออก และพวกของผู้ตายก็แทงจำเลย จำเลยจึงใช้มีดแทงผู้ตาย 1 ทีในขณะนั้น เพื่อให้ตนเองพ้นภัยบังเอิญมีดถูกอกผู้ตาย ผู้ตายจึงถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 976/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อถูกทำร้ายร่างกายจนเกิดอันตรายถึงชีวิต
จำเลยเดินมาคนเดียว ผู้ตายกับพวกหลายคนเข้าทำร้ายจำเลยผู้ตายรัดคอจำเลยจนจำเลยหายใจไม่ออก และพวกของผู้ตายก็แทงจำเลย จำเลยจึงใช้มีดแทงผู้ตาย 1 ทีในขณะนั้น เพื่อให้ตนเองพ้นภัยบังเอิญมีดถูกอกผู้ตาย ผู้ตายจึงถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการวิวาท: การแทงด้วยอาวุธอันตรายถึงแก่ความตาย แม้มีการยั่วยุ ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
จำเลยทำท่าอ้วกและถ่มน้ำลายรดบุตรสาวผู้ตาย ผู้ตายต่อว่าจำเลยในเรื่องนี้ จำเลยพูดจายั่วโทสะผู้ตาย แสดงว่าจำเลยต้องการให้ผู้ตายต่อสู้กับตนหรือจำเลยต้องคาดคะเนได้ว่าผู้ตายจะต้องโกรธถึงขนาดที่จะทำร้ายจำเลย ผู้ตายเงื้อมือจะตบหน้าจำเลย จำเลยจึงใช้เหล็กปลายแหลมยาวประมาณคืบเศษแทงผู้ตายเต็มแรงที่หน้าอกซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญลึกถึง 10 เซนติเมตร ทะลุเข้าช่องปอด เยื่อหุ้มหัวใจและผนังเส้นเลือดแดง โดยผู้ตายไม่มีอาวุธ และผู้ตายได้ถึงแก่ความตาย แม้จำเลยแทงผู้ตายทีเดียวแล้ววิ่งหนี ก็แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า และการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันเพราะจำเลยสมัครใจวิวาทต่อสู้กับผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการวิวาท: การแทงด้วยอาวุธอันตรายถึงแก่ความตาย
จำเลยทำท่าอ้วกและถ่มน้ำลายรดบุตรสาวผู้ตาย ผู้ตายต่อว่าจำเลยในเรื่องนี้ จำเลยพูดจายั่วโทสะผู้ตาย แสดงว่าจำเลยต้องการให้ผู้ตายต่อสู้กับตนหรือจำเลยต้องคาดคะเนได้ว่าผู้ตายจะต้องโกรธถึงขนาดที่จะทำร้ายจำเลย ผู้ตายเงื้อมือจะตบหน้าจำเลย จำเลยจึงใช้เหล็กปลายแหลมยาวประมาณคืบเศษแทงผู้ตายเต็มแรงที่หน้าอกซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญลึกถึง 10 เซนติเมตร ทะลุเข้าช่องปอดเยื่อหุ้มหัวใจและผนังเส้นเลือดแดง โดยผู้ตายไม่มีอาวุธ และผู้ตายได้ถึงแก่ความตาย แม้จำเลยแทงผู้ตายทีเดียวแล้ววิ่งหนี ก็แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า และการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันเพราะจำเลยสมัครใจวิวาทต่อสู้กับผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพยายามฆ่า: ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลชั้นต้น ไม่ลดโทษจากคำให้การปฏิเสธแล้วมาเบี่ยงเบนความรับผิด
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าคนโดยใช้ปืนยิงชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยให้การปฏิเสธลอย ๆ เพิ่งมาเบิกความแสดงรายละเอียดตอนอ้างตนเองเป็นพยาน แต่ก็มิได้รับว่ายิงกลับบ่ายเบี่ยงความรับผิดไปให้ผู้เสียหายว่าเป็นเพราะผู้เสียหายแย่งปืนจากจำเลย ไกปืนไปเกี่ยวกระเป๋าเสื้อจำเลยปืนจึงลั่นขึ้น เป็นอุบัติเหตุไม่เกี่ยวกับเจตนาจำเลยคำเบิกความของจำเลย เช่นนี้มิได้ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี อันจะถือว่ามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษทางอาญา: คำเบิกความของผู้ต้องหาต้องเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี หากเบี่ยงเบนความรับผิด ศาลไม่ลดโทษ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าคนโดยใช้ปืนยิงชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยให้การปฏิเสธลอย ๆ เพิ่งมา เบิกความแสดงรายละเอียดตอนอ้างตนเองเป็นพยาน แต่ก็มิได้รับว่ายิงกลับบ่ายเบี่ยงความรับผิดไปให้ผู้เสียหายว่าเป็นเพราะผู้เสียหายแย่งปืนจากจำเลย ไกปืนไปเกี่ยวกระเป๋าเสื้อจำเลยปืนจึงลั่นขึ้น เป็นอุบัติเหตุไม่เกี่ยวกับเจตนาจำเลยคำเบิกความของจำเลย เช่นนี้มิได้ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี อันจะถือว่ามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 559/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย แม้แผลมีดไม่ถึงแก่ชีวิต ก็เป็นตัวการฆ่าผู้อื่นได้
จำเลยกับ ส. พี่จำเลยสมัครใจต่อสู้กับผู้ตาย ส. ใช้ปืนยิงและจำเลยใช้มีดแทงถูกผู้ตายหลายแผล ผู้ตายถึงแก่ความตายในวันเกิดเหตุ เช่นนี้จำเลยย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการฆ่าผู้อื่น และการกระทำของจำเลยหาเป็นการป้องกันหรือบันดาลโทสะไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 5 ปี ตามมาตรา 288, 72 จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา ดังนี้ แม้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 288 ศาลฎีกาก็ลงโทษจำเลยหนักกว่าโทษที่ศาลชั้นต้นลงมาไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้อุทธรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 5 ปี ตามมาตรา 288, 72 จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา ดังนี้ แม้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 288 ศาลฎีกาก็ลงโทษจำเลยหนักกว่าโทษที่ศาลชั้นต้นลงมาไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้อุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 559/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจากการร่วมกันทำร้ายร่างกาย แม้แผลมีดไม่ถึงแก่ชีวิต
จำเลยกับ ส. พี่จำเลยสมัครใจต่อสู้กับผู้ตาย ส. ใช้ปืนยิงและจำเลยใช้มีดแทงถูกผู้ตายหลายแผล ผู้ตายถึงแก่ความตายในวันเกิดเหตุ เช่นนี้จำเลยย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการฆ่าผู้อื่น และการกระทำของจำเลยหาเป็นการป้องกันหรือบันดาลโทสะไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 5 ปี ตามมาตรา 288, 72 จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา ดังนี้ แม้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 288 ศาลฎีกาก็ลงโทษจำเลยหนักกว่าโทษที่ศาลชั้นต้นลงมาไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้อุทธรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 5 ปี ตามมาตรา 288, 72 จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา ดังนี้ แม้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 288 ศาลฎีกาก็ลงโทษจำเลยหนักกว่าโทษที่ศาลชั้นต้นลงมาไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้อุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 551/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าผู้อื่นด้วยบันดาลโทสะ: การถูกดูหมิ่นต่อหน้าสาธารณชนเป็นเหตุให้บันดาลโทสะได้
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้ตายเคยหลอกล่วงเกินจำเลยทางประเวณีมาก่อน แล้วผู้ตายยังด่าว่าใส่ความจำเลยหาว่าจำเลยเป็นคนชั่วช้าในทางประเวณีต่อหน้าสามีของจำเลยอีก เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายไปในขณะนั้น 6 นัดถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นด้วยบันดาลโทสะ