พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,229 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายจากการบุกรุกเคหสถานและการสำคัญผิดในลักษณะที่สมควรแก่เหตุ
ผู้ตายได้บุกรุกเข้าไปในห้องนอนอันเป็นเคหสถานของจำเลยยามวิกาล อันเป็นการละเมิดกฎหมาย ทำให้จำเลยสำคัญผิดว่าผู้ตายเป็นขโมยหรือคนร้าย เข้าไปทำการประทุษร้ายต่อทรัพย์หรือร่างกายภริยาจำเลยจึงใช้ดุ้นฟืนตีผู้ตายไป 1 ที การที่จำเลยใช้ดุ้นฟืนซึ่งโดยสภาพไม่ใช่อาวุธร้ายแรงตีผู้ตายไปในขณะนั้นเพียงทีเดียวโดยไม่เจาะจง เป็นลักษณะที่กระทำพอสมควรแก่เหตุถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ประกอบกับมาตรา 62 ด้วย จำเลยไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในข้อเท็จจริงและการป้องกันสิทธิ: การยิงโดยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนร้าย
จำเลยถูกขว้างหลังคาบ้านจึงไปแจ้งความตำรวจ กลางคืนตำรวจกับพวกเข้าไปดูคนร้ายในบริเวณบ้านจำเลย โดยมิได้แจ้งให้จำเลยทราบ. และคืนนั้นก็มีคนขว้างหลังคาบ้านจำเลยอีก จึงเป็นเหตุให้จำเลยเข้าใจผิดคิดไปได้ว่าอาจเป็นคนร้ายที่ขว้างบ้าน และอาจเข้ามาประพฤติการอันมิชอบต่อจำเลย โดยขว้างหลังคาบ้านก่อนแล้วบุกรุกเข้าจะทำร้ายจำเลย จำเลยจึงได้ใช้ปืนยิงและร้องบอกกล่าวว่าขโมยเข้าปล้น กระสุนปืนถูกพวกที่ไปกับตำรวจตาย เห็นได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงเพราะสำคัญผิดคิดว่าตำรวจกับพวกเป็นคนร้าย เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าจำเลยเพียงแต่จะยิงขู่ก็น่าจะเป็นการเพียงพอที่จะทำให้คนที่เข้ามาเกรงกลัวและหลบหนีไป จำเลยกลับยิงเข้าใส่กลุ่มคนที่เดินเข้ามา การกระทำของจำเลยจึงเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดคิดว่าเป็นคนร้าย: การยิงเพื่อป้องกันสิทธิเกินสมควรแก่เหตุ
จำเลยถูกขว้างหลังคาบ้านจึงไปแจ้งความตำรวจกลางคืนตำรวจกับพวกเข้าไปดูคนร้ายในบริเวณบ้านจำเลย โดยมิได้แจ้งให้จำเลยทราบและคืนนั้นก็มีคนขว้างหลังคาบ้านจำเลยอีกจึงเป็นเหตุให้จำเลยเข้าใจผิดคิดไปได้ว่าอาจเป็นคนร้ายที่ขว้างบ้าน และอาจเข้ามาประพฤติการอันมิชอบต่อจำเลยโดยขว้างหลังคาบ้านก่อนแล้วบุกรุกเข้าจะทำร้ายจำเลยจำเลยจึงได้ใช้ปืนยิงและร้องบอกกล่าวว่าขโมยเข้าปล้นกระสุนปืนถูกพวกที่ไปกับตำรวจตายเห็นได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงเพราะสำคัญผิดคิดว่าตำรวจกับพวกเป็นคนร้าย เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าจำเลยเพียงแต่จะยิงขู่ก็น่าจะเป็นการเพียงพอที่จะทำให้คนที่เข้ามาเกรงกลัวและหลบหนีไปจำเลยกลับยิงเข้าใส่กลุ่มคนที่เดินเข้ามา การกระทำของจำเลยจึงเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในข้อเท็จจริงกับการป้องกันสิทธิ: การยิงเพื่อป้องกันภัยที่ใกล้จะถึงเกินสมควรแก่เหตุ
จำเลยถูกขว้างหลังคาบ้านจึงไปแจ้งความตำรวจ. กลางคืนตำรวจกับพวกเข้าไปดูคนร้ายในบริเวณบ้านจำเลย โดยมิได้แจ้งให้จำเลยทราบ. และคืนนั้นก็มีคนขว้างหลังคาบ้านจำเลยอีก. จึงเป็นเหตุให้จำเลยเข้าใจผิดคิดไปได้ว่าอาจเป็นคนร้ายที่ขว้างบ้าน และอาจเข้ามาประพฤติการอันมิชอบต่อจำเลย. โดยขว้างหลังคาบ้านก่อนแล้วบุกรุกเข้าจะทำร้ายจำเลย. จำเลยจึงได้ใช้ปืนยิงและร้องบอกกล่าวว่าขโมยเข้าปล้น. กระสุนปืนถูกพวกที่ไปกับตำรวจตาย. เห็นได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงเพราะสำคัญผิดคิดว่าตำรวจกับพวกเป็นคนร้าย. เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึง. ถ้าจำเลยเพียงแต่จะยิงขู่ก็น่าจะเป็นการเพียงพอที่จะทำให้คนที่เข้ามาเกรงกลัวและหลบหนีไป. จำเลยกลับยิงเข้าใส่กลุ่มคนที่เดินเข้ามา การกระทำของจำเลยจึงเกินสมควรแก่เหตุ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยเข้าใจผิด: ภยันตรายใกล้ถึง, การใช้กำลังพอสมควร, ความสำคัญผิดในข้อเท็จจริง
สามีนอนอยู่ชั้นบนของเรือน ภริยานอนอยู่ชั้นล่างต่างคนก็หลับไปแล้ว ต่อมาสุนัขเห่า ภริยาจึงตื่นไปแอบฝาห้องดูคนร้ายที่ห้องนอนของสามี สามีตื่นภายหลัง มองเห็นคนอยู่ที่ฝาห้องตะคุ่มๆ เข้าใจว่าเป็นคนร้าย เพราะมืด จึงหยิบมีดฟันไป 1 ที ภริยาถึงแก่ความตายดังนี้ถือว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง สามีมีสิทธิป้องกันได้โดยไม่ต้องพูดจาไต่ถาม หรือรอให้ผู้นั้นแสดงกิริยาว่าจะเข้ามาประทุษร้ายก่อนและสามีไม่รู้ว่าคนที่เข้าใจว่าเป็นคนร้ายจะมีอาวุธร้ายแรงหรือไม่สามีฟันไปทีเดียว ถือได้ว่ากระทำไปพอสมควรแก่เหตุและยังไม่พอถือว่าการกระทำของสามีเกิดขึ้นด้วยความสำคัญผิดในข้อเท็จจริงโดยประมาท ตามมาตรา 62 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิป้องกันตัวทางอาญา: ภยันตรายใกล้จะถึง, การกระทำพอสมควร, ความสำคัญผิดในข้อเท็จจริง
สามีนอนอยู่ชั้นบนของเรือน ภริยานอนอยู่ชั้นล่าง. ต่างคนก็หลับไปแล้ว ต่อมาสุนัขเห่า ภริยาจึงตื่นไปแอบฝาห้องดูคนร้ายที่ห้องนอนของสามี. สามีตื่นภายหลัง มองเห็นคนอยู่ที่ฝาห้องตะคุ่มๆ เข้าใจว่าเป็นคนร้าย เพราะมืด จึงหยิบมีดฟันไป 1 ที. ภริยาถึงแก่ความตาย. ดังนี้ถือว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง สามีมีสิทธิป้องกันได้โดยไม่ต้องพูดจาไต่ถาม หรือรอให้ผู้นั้นแสดงกิริยาว่าจะเข้ามาประทุษร้ายก่อน. และสามีไม่รู้ว่าคนที่เข้าใจว่าเป็นคนร้ายจะมีอาวุธร้ายแรงหรือไม่. สามีฟันไปทีเดียว ถือได้ว่ากระทำไปพอสมควรแก่เหตุ. และยังไม่พอถือว่าการกระทำของสามีเกิดขึ้นด้วยความสำคัญผิดในข้อเท็จจริงโดยประมาท ตามมาตรา 62 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยเข้าใจผิด: ภยันตรายใกล้จะถึง, การใช้กำลังพอสมควร, ความสำคัญผิดในข้อเท็จจริง
สามีนอนอยู่ชั้นบนของเรือน ภริยานอนอยู่ชั้นล่าง ต่างคนก็หลับไปแล้ว ต่อมาสุนัขเห่า ภริยาจึงตื่นไปแอบฝาห้องดูคนร้ายที่ห้องนอนของสามี สามีตื่นภายหลัง มองเห็นคนอยู่ที่ฝาห้องตะคุ่ม ๆ เข้าใจว่าเป็นคนร้าย เพราะมืด จึงหยิบมีดฟันไป 1 ที ภริยาถึงแก่ความตาย ดังนี้ถือว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง สามีมีสิทธิ์ป้องกันได้โดยไม่ต้องพูดจาไต่ถาม หรือรอให้ผู้นั้นแสดงกิริยาว่าจะเข้ามาประทุษร้ายก่อน และสามีไม่รู้ว่าคนที่เข้าใจว่าเป็นคนร้ายจะมีอาวุธร้ายแรงหรือไม่ สามีฟันไปทีเดียว ถือได้ว่ากระทำไปพอสมควรแก่เหตุ และยังไม่พอถือว่าการกระทำของสามีเกิดขึ้นด้วยความสำคัญผิดในข้อเท็จจริงโดยประมาท ตามมาตรา 62 วรรค 2.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำกัดอำนาจศาลในการลงโทษจำเลยเมื่อโจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษฐานความผิดเฉพาะ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,83 ข้อเท็จจริงฟังได้ว่ามีการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปและมีคนตายโดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294 โจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยในข้อนี้ จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์จะขอให้ศาลลงโทษจำเลย ศาลจะลงโทษจำเลยไม่ได้
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ แต่โจทก์ได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา คดีส่วนตัวจำเลยที่ 1 ขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ด้วยแล้ว เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีลงโทษจำเลยที่ 1 ไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษฐานวิวาทเป็นเหตุให้คนตาย ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาให้ยกฟ้องได้ โดยไม่ใช่กรณีที่ต้องอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ แต่โจทก์ได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา คดีส่วนตัวจำเลยที่ 1 ขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ด้วยแล้ว เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีลงโทษจำเลยที่ 1 ไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษฐานวิวาทเป็นเหตุให้คนตาย ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาให้ยกฟ้องได้ โดยไม่ใช่กรณีที่ต้องอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาโดยมิได้บรรยายฟ้องข้อหาที่จำเลยไม่ประสงค์ให้ลงโทษ ศาลมีอำนาจยกฟ้องได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,83. ข้อเท็จจริงฟังได้ว่ามีการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปและมีคนตายโดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้. อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294. โจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยในข้อนี้. จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์จะขอให้ศาลลงโทษจำเลย. ศาลจะลงโทษจำเลยไม่ได้.
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์. แต่โจทก์ได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา. คดีส่วนตัวจำเลยที่ 1 ขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ด้วยแล้ว. เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีลงโทษจำเลยที่ 1 ไม่ได้. เพราะโจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษฐานวิวาทเป็นเหตุให้คนตาย. ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาให้ยกฟ้องได้. โดยไม่ใช่กรณีที่ต้องอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213.
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์. แต่โจทก์ได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา. คดีส่วนตัวจำเลยที่ 1 ขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ด้วยแล้ว. เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีลงโทษจำเลยที่ 1 ไม่ได้. เพราะโจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษฐานวิวาทเป็นเหตุให้คนตาย. ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาให้ยกฟ้องได้. โดยไม่ใช่กรณีที่ต้องอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องไม่ชัดเจน โจทก์ไม่ประสงค์ลงโทษฐานวิวาท ศาลยกฟ้องได้แม้จำเลยรับสารภาพ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 ข้อเท็จจริงฟังได้ว่ามีการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปและมีคนตายโดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294 โจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยในข้อนี้ จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์จะขอให้ศาลลงโทษจำเลย ศาลจะลงโทษจำเลยไม่ได้
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ แต่โจทก์ได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา คดีส่วนตัวจำเลยที่ 1 ขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ด้วยแล้ว เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีลงโทษจำเลยที่ 1 ไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษฐานวิวาทเป็นเหตุให้คนตาย ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาให้ยกฟ้องได้ โดยไม่ใช่กรณีที่ต้องอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ แต่โจทก์ได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา คดีส่วนตัวจำเลยที่ 1 ขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ด้วยแล้ว เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีลงโทษจำเลยที่ 1 ไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษฐานวิวาทเป็นเหตุให้คนตาย ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาให้ยกฟ้องได้ โดยไม่ใช่กรณีที่ต้องอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213