คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 288

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,229 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามปล้นทรัพย์: การกระทำไม่สำเร็จเนื่องจากถูกขัดขวาง และการลดโทษจากความผิดพลาดเยาว์วัย
คนร้ายปลดโคออกจากเกวียนแล้วปล่อยโคไว้แถวบริเวณที่เกวียนจอดนั้นเองเอาโคไปไม่ได้ เพราะผู้เสียหายกับชาวบ้านพากันมายังที่เกิดเหตุเกือบจะในทันที และตามบริเวณทุ่งนาใกล้ ๆ ก็ยังมีคนเกี่ยวข้าวอยู่เป็นอันมาก คนพวกนี้ได้คอยสกัดกั้นจำเลยไว้จนไม่สามารถจะนำโคไปได้ ต้องทิ้งไว้แล้วหนีเอาตัวรอด ความผิดของจำเลยจึงเป็นเพียงขั้นพยายามเท่านั้น
จำเลย (อายุ 19 ปี) กับพวกรวม 3 คนปล้นทรัพย์ในเวลากลางวันอันน่าจะทำไปด้วยความคนองตามประสาเด็กหนุ่ม ไม่ได้คิดและตระเตรียมการให้รอบคอบอย่างคนธรรมดาที่คิดจะทำการใหญ่เช่นนี้ผลที่ได้รับก็คือพวกของตนถูกยิงตายไป 1 คน ตัวเองก็ถูกยิงบาดเจ็บดังนี้ ศาลลดมาตราส่วนโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 76 เป็นการสมควรแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์: การกระทำไม่สำเร็จเนื่องจากมีผู้ขัดขวาง และเหตุผลในการลดโทษ
คนร้ายปลดโคออกจากเกวียนแล้วปล่อยโคไว้แถวบริเวณที่เกวียนจอดนั้นเองเอาโคไปไม่ได้ เพราะผู้เสียหายกับชาวบ้านพากันมายังที่เกิดเหตุเกือบจะในทันที และตามบริเวณทุ่งนาใกล้ ๆ ก็ยังมีคนเกี่ยวข้าวอยู่เป็นอันมาก คนพวกนี้ได้คอยสกัดกั้นจำเลยไว้จนไม่สามารถจะนำโคไปได้ ต้องทิ้งไว้แล้วหนีเอาตัวรอด ความผิดของจำเลยจึงเป็นเพียงชั้นพยายามเท่านั้น
จำเลย (อายุ 19 ปี) กับพวกรวม 3 คนปล้นทรัพย์ในเวลากลางวัน อันน่าจะทำไปด้วยความคนองตามประสาเด็กหนุ่ม ไม่ได้คิดและตระเตรียมการให้รอบคอบอย่างคนธรรมดาที่คิดจะทำการใหญ่เช่นนี้ ผลที่ได้รับก็คือ พวกของตนถูกยิงตายไป 1 คน ตัวเองก็ถูกยิงบาดเจ็บ ดังนี้ ศาลลดมาตราส่วนโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 76 เป็นการสมควรแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 277/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวในคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาพฤติการณ์การต่อสู้และเจตนาของผู้กระทำ
จำเลยกับผู้ตายมีสาเหตุกันมาก่อน ในวันเกิดเหตุได้มีการท้าทายกันแล้วผู้ตายแสดงกิริยาจะเข้าทำร้ายจำเลย จำเลยชักปืนยิงถูกผู้ตาย 1 นัด ก่อนผู้ตายจะเข้าถึงตัว ครั้นเมื่อผู้ตายเข้าประชิดตัวจำเลยและแทงจำเลยได้จำเลยก็ยิงผู้ตายอีก 3 นัด เมื่อเหตุเกิดจากการสมัครใจต่อสู้กัน จำเลยจะอ้างว่าป้องกันตัวหาได้ไม่ พฤติการณ์ที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 277/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงต่อสู้จนถึงแก่ความตาย: ไม่เป็นเหตุป้องกันตัวหากเกิดจากการสมัครใจทะเลาะวิวาทและมีเจตนาฆ่า
จำเลยกับผู้ตายมีสาเหตุกันมาก่อน ในวันเกิดเหตุได้มีการท้าทายกัน แล้วผู้ตายแสดงกิริยาจะเข้าทำร้ายจำเลย จำเลยชักปืนยิงถูกผู้ตาย 1 นัดก่อนผู้ตายจะเข้าถึงตัว ครั้นเมื่อผู้ตายเข้าประชิดตัวจำเลยและแทงจำเลยได้ จำเลยก็ยิงผู้ตายอีก 3 นัด เมื่อเหตุเกิดจากการสมัครใจต่อสู้กัน จำเลยจะอ้างว่าป้องกันตัวหาได้ไม่ พฤติการณ์ที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อถูกข่มขืนและทำร้าย ศาลฎีกาพิพากษายืนยกฟ้อง
วันเกิดเหตุ จำเลยกลับบ้าน เห็นผู้ตายกำลังกอดปล้ำข่มขืนเพื่อจะชำเราภริยาจำเลย จำเลยจึงเปิดประตูเข้าไปฟันผู้ตาย 2 ที แล้วจำเลยวิ่งหนีไปทางหลังบ้านเพราะกลัวผู้ตายซึ่งคว้ามีดจะทำร้ายจำเลย ผู้ตายยังไล่จำเลยไปอีกติด ๆ กัน จำเลยหนีไม่พ้น จึงหันหน้ามาฟันผู้ตายอีก 2-3 ที ผู้ตายผละหนีไปทางหน้าบ้านแล้วไปนอนตายในลำห้วย ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย ภยันตรายนั้นใกล้จะถึง และถือได้ว่าจำเลยได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยย่อมไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย: การกระทำเพื่อป้องกันการข่มขืนและการทำร้ายร่างกาย
วันเกิดเหตุ จำเลยกลับบ้าน เห็นผู้ตายกำลังกอดปล้ำข่มขืนเพื่อจะกระทำชำเราภริยาจำเลย จำเลยจึงเปิดประตูเข้าไปฟันผู้ตาย 2 ที แล้วจำเลยวิ่งหนีไปทางหลังบ้าน เพราะกลัวผู้ตายซึ่งคว้ามีดจะทำร้ายจำเลย ผู้ตายยังไล่จำเลยไปอีกติด ๆ กัน จำเลยหนีไม่พ้น จึงหันหน้ามาฟันผู้ตายอีก 2-3 ที ผู้ตายผละหนีไปทางหน้าบ้าน แล้วไปนอนตายในลำห้วย ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยให้พ้นภยันตราย ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย ภยันตรายนั้นใกล้จะถือ และถือได้ว่าจำเลยได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยย่อมไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 205/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายในขณะป้องกันตัว: ศาลฎีกาพิจารณาเจตนาและเหตุการณ์ขณะทำร้ายเพื่อตัดสินความผิดฐานทำร้ายร่างกายสาหัส
จำเลยและผู้เสียหายสมัครใจวิวาทกันด้วยเรื่องพูดผิดหูเพียงเล็กน้อย โดยไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน ผู้เสียหายใช้ไม้คมแฝกตีศีรษะจำเลย 1 ที จำเลยก็ใช้มีดปลายแหลมยาวทั้งด้ามทั้งตัวประมาณ 1 คืบแทงไป 1 ที ผู้เสียหาตีซ้ำอีก 1 ที จำเลยก็แทงไปอีก 1 ที ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยได้แทงผู้เสียหายในขณะถูกตีศีรษะโดยกระทันหันในทันทีทันใด จำเลยย่อมจะมึนงงอยู่เพราะถูกตีศีรษะ และขณะนั้นก็มีแสงขมุกขมัวไม่เห็นกันถนัด ไม่มีโอกาสที่จำเลยจะตั้งใจเลือกหรือกำหนดได้ว่าจะแทงไปถูกตรงไหนของร่างกายได้ ทั้งเมื่อผู้เสียหายร้องขึ้นว่าถูกจำเลยแทง จำเลยก็ทิ้งมีดหนีโดยไม่ได้ทำร้ายซ้ำเติมอีก เช่นนี้ ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 205/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายสาหัสจากการป้องกันตัวในระหว่างวิวาท ศาลฎีกาพิจารณาเจตนาของผู้กระทำ
จำเลยและผู้เสียหายสมัครใจวิวาทกันด้วยเรื่องพูดผิดหูเพียงเล็กน้อย โดยไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนผู้เสียหายใช้ไม้คมแฝกตีศีรษะจำเลย 1 ที จำเลยก็ใช้มีดปลายแหลมยาวทั้งด้ามทั้งตัวประมาณ 1 คืบแทงไป 1 ที ผู้เสียหายตีซ้ำอีก 1 ที จำเลยก็แทงไปอีก 1 ที ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยได้แทงผู้เสียหายในขณะถูกตีศีรษะโดยกระทันหันในทันทีทันใดจำเลยย่อมจะมึนงงอยู่เพราะถูกตีศีรษะ และขณะนั้นก็มีแสงขมุกขมัวไม่เห็นกันถนัดไม่มีโอกาสที่จำเลยจะตั้งใจเลือกหรือกำหนดได้ว่าจะแทงไปถูกตรงไหน ของร่างกายได้ ทั้งเมื่อผู้เสียหายร้องขึ้นว่าถูกจำเลยแทงจำเลยก็ทิ้ง มีดหนีโดยไม่ได้ทำร้ายซ้ำเติมอีก เช่นนี้ ยังไม่พอฟังว่าจำเลย มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 161/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ยิงซ้ำเพื่อความมั่นใจ ศาลฎีกาเพิ่มโทษประหารชีวิต
จำเลยยิงผู้ตายแล้วยังย้อนกลับมายิงอีก 2 นัด ก็เพื่อให้ตายแน่ จะฟังว่าเป็นการแสดงความทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5) ยังไม่ถนัด
จำเลยยิงคนตายไปถึง 2 คน ชั้นแรกยิงคนละ 2 นัดและยังไล่ยิง จ. อีกยิงในร้านกาแฟในตลาดข้างทางซึ่งมีคนสัญจรไปมาในเวลาเช้า แล้วยังกลับมายิงผู้ตายซ้ำอีก 2 นัด แม้จำเลยจะไม่หลบหนีแต่ยอมมอบตัวต่อตำรวจโดยดี และรับว่ายิงผู้ตายจริง แต่จำเลยโยนมีดของจำเลยลงไปที่ผู้ตายแกล้งทำหลักฐานว่าผู้ตายแทงจำเลย แต่เมื่อพยานหลักฐานของเจ้าพนักงานหนาแน่นมั่นคงไม่มีทางต่อสู้คดีได้สำเร็จ จำเลยจึงต้องจำนนและรับสารภาพต่อศาล แต่ก็ยังบ่ายเบี่ยงว่าผู้ตายทั้ง 2 คนหาเรื่องยั่วเย้าจำเลยก่อน มิได้ยิงซ้ำอีก 2 นัดซึ่งไม่เป็นความจริงดังนี้ ไม่มีเหตุบรรเทาโทษจำเลย
(ปัญหาตามวรรคสองวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 31/2509)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 161/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงต่อเนื่องและเจตนาทารุณโหดร้าย ศาลพิจารณาพฤติการณ์เพื่อกำหนดโทษประหารชีวิต
จำเลยยิงผู้ตายแล้วยังย้อนกลับมายิงอีก 2 นัด ก็เพื่อให้ตายแน่ จะฟังว่าเป็นการแสดงความทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (5) ยังไม่ถนัด
จำเลยยิงคนตายไปถึง 2 คน ชั้นแรกยิงคนละ 2 นัด และยังไล่ยิง จ. อีก ยิงในร้านกาแฟในตลาดข้างทางซึ่งมีคนสัญจรไปมาในเวลาเช้า แล้วยังกลับมายิงผู้ตายซ้ำอีก 2 นัด แม้จำเลยจะไม่หลบหนี แต่ยอมมอบตัวต่อตำรวจโดยดี และรับว่ายิงผู้ตายจริง แต่จำเลยโยนมีดของจำเลยลงไปที่ผู้ตายแกลังทำหลักฐานว่าผู้ตายแทงจำเลย แต่เมื่อพยานหลักฐานของเจ้าพนักงานหนาแน่นมั่นคง ไม่มีทางต่อสู้คดีได้สำเร็จ จำเลยจึงต้องจำนนและรับสารภาพต่อศาล แต่ก็ยังบ่ายเบี่ยงว่าผู้ตายทั้ง 2 คนหาเรื่องยั่วเย้าจำเลยก่อน มิได้ยิงซ้ำอีก 2 นัด ซึ่งไม่เป็นความจริง ดังนี้ ไม่มีเหตุบรรเทาโทษจำเลย (ปัญหาตามวรรค 2 วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 31/2509)
of 223