คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 288

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,229 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 564/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจำเลยในคดีอาญาจากการรับสารภาพ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของศาล
จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายที่โหนกแก้มซ้ายทะลุท้ายทอยล้มลงขาดใจตาย เมื่อจำเลยถูกจับกุมตัวได้ จำเลยได้ลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจ รับสารภาพผิดว่าได้ยิงผู้ตายจริง นับว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลอยู่ ดังนี้ สมควรถือเป็นเหตุบรรเทาโทษของจำเลยได้สถานหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 564/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจำเลยในคดีฆ่าผู้อื่น จากการให้การรับสารภาพที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา
จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายที่โหนกแก้มซ้ายทะลุท้ายทอยล้มลงขาดใจตาย เมื่อจำเลยถูกจับกุมตัวได้ จำเลยได้ลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจรับสารภาพผิดว่าได้ยิงผู้ตายจริง นับว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลอยู่ ดังนี้ สมควรถือเป็นเหตุบรรเทาโทษของจำเลยได้สถานหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 539/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยเจตนา: การพิจารณาความต่อเนื่องของกรรมและการกระทำต่อบุคคลหลายราย
จำเลยเห็นนายแก้วหาเห็ดอยู่กับนางทา จำเลยมีความหึงหวงจึงใช้มีดเข้าไปฟันนายแก้วก่อน นายแก้วต่อสู้ป้องกันตัว
จำเลยฟันนายแก้ว 2-3 ที นางทาจึงเข้าช่วยป้องกันนายแก้วจำเลยแทงนางทาจนนางทาถึงแก่ความตาย แล้วไล่ทำร้ายนายแก้วถึงแก่ความตายอีกดังนี้ ไม่มีเหตุที่จำเลยจะอ้างได้ว่า จำเลยทำร้ายผู้ตายทั้งสองโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72
การที่จำเลยทำร้ายนายแก้วและนางทาถึงแก่ความตาย เป็นการกระทำคนละกรรมเพราะจำเลยกระทำต่อบุคคลทั้ง 2 โดยฟันแทงคนละที ไม่ใช่ฟันหรือแทงครั้งเดียวแต่เกิดผลทำให้คนถูกทำร้ายถึง 2 คนแต่การกระทำของจำเลยต่อนายแก้วตั้งแต่ฟันนายแก้วแล้วนางทาเข้ามาขัดขวาง และในที่สุดจำเลยวิ่งไล่ตามไปฟันนายแก้วอีกจนนายแก้วถึงแก่ความตายนั้นเป็นการกระทำต่อเนื่องเป็นกรรมเดียวกันพฤติการณ์แห่งคดีถือได้ว่าจำเลยทำร้ายนายแก้วและนางทาต่างกรรมต่างวาระกันกรณีจึงเข้ามาตรา 91 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 539/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยเจตนา: การพิจารณาความต่อเนื่องของการกระทำและจำนวนกรรม
จำเลยเห็นนายแก้วหาเห็ดอยู่กับนางทา จำเลยมีความหึงหวงจึงใช้มีดเข้าไปฟันนายแก้วก่อน นายแก้วต่อสู้ป้องกันตัว จำเลยฟันนายแก้ว 2-3 ที นางทาจึงเข้าช่วยป้องกันนายแก้ว จำเลยแทงนางทาจนนางทาถึงแก่ความตาย แล้วไล่ทำร้ายนายแก้วถึงแก่ความตายอีก ดังนี้ ไม่มีเหตุที่จำเลยจะอ้างได้ว่า จำเลยทำร้ายผู้ตายทั้งสองโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72
การที่จำเลยทำร้ายนายแก้วและนางทาถึงแก่ความตาย เป็นการกระทำคนละกรรม เพราะจำเลยกระทำต่อบุคคลทั้ง 2 โดยฟันแทงคนละที ไม่ใช่ฟันหรือแทงครั้งเดียว แต่เกิดผลทำให้คนถูกทำร้ายถึง 2 คน แต่การกระทำของจำเลยต่อนายแก้วตั้งแต่ฟันนายแก้ว แล้วนางทาเข้ามาขัดขวาง และในที่สุดจำเลยวิ่งไล่ตามไปฟันนายแก้วอีก จนนายแก้วถึงแก่ความตายนั้น เป็นการกระทำต่อเนื่องเป็นกรรมเดียวกัน พฤติการณ์แห่งคดีถือได้ว่าจำเลยทำร้ายนายแก้วและนางทาต่างกรรมต่างวาระกัน กรณีจึงเข้ามาตรา 91 แห่งประมวลกฎหมายอาญา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 467/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาจากฆ่าโดยเจตนาเป็นประมาท และผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าคนตายโดยเจตนา ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยทำให้คนตายโดยประมาท เมื่อโจทก์มิได้บรรยายข้อเท็จจริงอันเป็นความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทมาในฟ้อง จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 467/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากฆ่าโดยเจตนาเป็นประมาท และผลกระทบต่อการบรรยายฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าคนตายโดยเจตนาข้อเท็จจริงในทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยทำให้คนตายโดยประมาทเมื่อโจทก์มิได้บรรยายข้อเท็จจริงอันเป็นความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทมาในฟ้อง จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการวิวาทและการป้องกันตัวที่ไม่สมเหตุผล
ผู้ตายกับจำเลยด่าว่ากันแล้วผู้ตายใช้จอบตีจำเลยแต่ผิด จอบติดดิน ผู้ตายต้องใช้เวลาดึงจอบประมาณ 1 นาที ขณะที่จอบผู้ตายติดดินอยู่นี้ จำเลยมีโอกาสที่จะหลีกเลี่ยงไปได้ถ้าจำเลยไม่สมัครใจจะวิวาทกับผู้ตาย การที่จำเลยใช้จอบตีผู้ตายโดยแรงเช่นนี้แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะทำร้ายผู้ตายอันเนื่องมาจากการด่าว่ากันอย่างรุนแรง และเกิดโมโหขึ้นมา ทั้งจำเลยและผู้ตายต่างถือจอบเป็นอาวุธพร้อมที่จะทำร้ายกันได้ พอฝ่ายผู้ตายตีจำเลยผิด จำเลยก็ตีผู้ตายได้ทันที จึงเป็นเรื่องสมัครใจวิวาทกัน จะอ้างว่ากระทำไปเพื่อป้องกันสิทธิหาได้ไม่
จำเลยใช้จอบซึ่งยาวประมาณ 1 วา คมจอบกว้างประมาณ6 นิ้วฟุต ตีผู้ตายที่ศีรษะโดยแรง มีบาดแผล 2 แห่ง คือ ที่กลางกระหม่อมกว้าง 13 เซนติเมตร ยาว 18 เซนติเมตร กระโหลกศีรษะแตก และที่ขมับขวาแผลกว้าง 2 เซนติเมตร ยาว 9 เซนติเมตรกระโหลกศีรษะร้าว ตามลักษณะเช่นนี้ เห็นได้ว่าจำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำได้ว่าอาจทำให้ถึงตายได้ จึงฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการวิวาทและใช้จอบทำร้าย ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาเดิม
ผู้ตายกับจำเลยด่าว่ากันแล้วผู้ตายใช้จอบตีจำเลยแต่ผิด จอบติดดิน ผู้ตายต้องใช้เวลาดึงจอบประมาณ 1 นาที ขณะที่จอบผู้ตายติดดินอยู่นี้ จำเลยมีโอกาสที่จะหลีกเลี่ยงไปได้ถ้าจำเลยไม่สมัครใจจะวิวาทกับผู้ตาย การที่จำเลยใช้จอบตีผู้ตายโดยแรงเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะทำร้ายผู้ตายอันเนื่องมาจากการด่าว่ากันอย่างรุนแรง และเกิดโมโหขึ้นมา ทั้งจำเลยและผู้ตายต่างถือจอบเป็นอาวุธพร้อมที่จะทำร้ายกันได้ พอฝ่ายผู้ตายตีจำเลยผิด จำเลยก็ตีผู้ตายได้ทันที จึงเป็นเรื่องสมัครใจวิวาทกัน จะอ้างว่ากระทำไปเพื่อป้องกันสิทธิหาได้ไม่
จำเลยใช้จอบซึ่งยาวประมาณ 1 วา คมจอบกว้างประมาณ 6 นิ้วฟุต ตีผู้ตายที่ศีรษะโดยแรง มีบาดแผล 2 แห่ง คือ ที่กลางกระหม่อมกว้าง 13 เซ็นติเมตร ยาว 18 เซ็นติเมตร กระโหลกศีรษะแตก และที่ขมับขวาแผลกว้าง 2 เซ็นติเมตร ยาว 9 เซ็นติเมตร กระโหลกศีรษะร้าว ตามลักษณะเช่นนี้ เห็นได้ว่าจำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำได้ว่าอาจทำให้ถึงตายได้ จึงฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: การแทงเพื่อป้องกันภัยคุกคาม และเจตนา
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ผู้ตายเป็นน้องสาวจำเลย จำเลยพูดสั่งสอนผู้ตาย ผู้ตายโกรธและโดดเข้าไปจะทำร้ายจำเลยโดยผู้ตายไม่มีอาวุธอะไร จำเลยคว้าได้มีดและแทงไป 1 ที ถูกผู้ตายที่ซอกคอ แผลลึก 3 นิ้วครึ่ง ถือไม่ได้ว่าจำเลยสมัครใจจะวิวาทต่อสู้ทำร้ายซึ่งกันและกันกับผู้ตาย เห็นได้ว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันตัวให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึง แต่การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: การแทงเพื่อป้องกันตัวในเวลากลางคืนและความร้ายแรงของบาดแผล
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ผู้ตายเป็นน้องสาวจำเลยจำเลยพูดสั่งสอนผู้ตาย ผู้ตายโกรธและโดดเข้าไปจะทำร้ายจำเลยโดยผู้ตายไม่มีอาวุธอะไร จำเลยคว้าได้มีดและแทงไป 1 ทีถูกผู้ตายที่ซอกคอ แผลลึก 3 นิ้วครึ่ง ถือไม่ได้ว่าจำเลยสมัครใจจะวิวาทต่อสู้ทำร้ายซึ่งกันและกันกับผู้ตาย เห็นได้ว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันตัวให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึง แต่การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
of 223