พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,229 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 975/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉุดคร่าเพื่ออนาจาร-ข่มขืน ร่วมกันฆ่าขัดขวางเพื่อความสะดวกในการกระทำผิด
จำเลยกับพวกร่วมกันฉุดคร่าผู้เสียหายเพื่อประโยชน์ของจำเลยที่จะทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา ขณะที่การกระทำผิดฐานฉุดคร่ายังไม่สำเร็จ บิดาของผู้เสียหายวิ่งติดตามไปเพื่อขัดขวาง จำเลยสั่งให้พวกของจำเลยให้ช้อาวุธปืนยิงบิดาผู้เสียหายถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยผิดฐานร่วมเป็นตัวการฆ่าเพื่อให้เป็นความสะดวกในการที่จำเลยกับพวกจะทำการฉุดคร่าผู้เสียหายและเพื่อจำเลยจะได้ตัวผู้เสียหายไว้เพื่อทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเราอันเป็นผลประโยชน์อันเกิดแต่การกระทำผิดตามมาตรา 289(6) และ(7).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีฆ่าโดยจิตบกพร่องและรอการลงโทษเพื่อประโยชน์แก่บุตร
จำเลยยิงผู้ตายซึ่งเป็นภริยาจำเลย ก็โดยจิตบกพร่อง แต่จำเลยยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ตามกฎหมาย จำเลยจะต้องรับโทษสำหรับความผิดนี้ โดยศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
จำเลยมีบุตรอยู่ในความเลี้ยงดูของจำเลยอีก 7 คน หากจำเลยต้องถูกลงโทษแล้ว บุตรของจำเลยซึ่งยังเป็นเด็กจะขาดผู้ให้ความอุปการะ และอบรมสั่งสอน (เพราะภริยาจำเลยตายแล้ว) สมควรจะรอการลงโทษจำเลย เพื่อให้จำเลยเลี้ยงดูบุตรและกลับตนเป็นคนดีตลอดจนรักษาตัวของจำเลยให้ดีขึ้น.
จำเลยมีบุตรอยู่ในความเลี้ยงดูของจำเลยอีก 7 คน หากจำเลยต้องถูกลงโทษแล้ว บุตรของจำเลยซึ่งยังเป็นเด็กจะขาดผู้ให้ความอุปการะ และอบรมสั่งสอน (เพราะภริยาจำเลยตายแล้ว) สมควรจะรอการลงโทษจำเลย เพื่อให้จำเลยเลี้ยงดูบุตรและกลับตนเป็นคนดีตลอดจนรักษาตัวของจำเลยให้ดีขึ้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยจิตบกพร่องแต่ยังรู้ผิดชอบ และการรอการลงโทษเพื่อประโยชน์แก่บุตร
จำเลยยิงผู้ตายซึ่งเป็นภริยาจำเลยก็โดยจิตบกพร่อง แต่จำเลยยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ตามกฎหมายจำเลยจะต้องรับโทษสำหรับความผิดนี้ โดยศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
จำเลยมีบุตรอยู่ในความเลี้ยงดูของจำเลยอีก 7 คนหากจำเลยต้องถูกลงโทษแล้ว บุตรของจำเลยซึ่งยังเป็นเด็กจะขาดผู้ให้ความอุปการะและอบรมสั่งสอน (เพราะภริยาจำเลยตายแล้ว) สมควรจะรอการลงโทษจำเลย เพื่อให้จำเลยเลี้ยงดูบุตรและกลับตนเป็นคนดีตลอดจนรักษาตัวของจำเลยให้ดีขึ้น
จำเลยมีบุตรอยู่ในความเลี้ยงดูของจำเลยอีก 7 คนหากจำเลยต้องถูกลงโทษแล้ว บุตรของจำเลยซึ่งยังเป็นเด็กจะขาดผู้ให้ความอุปการะและอบรมสั่งสอน (เพราะภริยาจำเลยตายแล้ว) สมควรจะรอการลงโทษจำเลย เพื่อให้จำเลยเลี้ยงดูบุตรและกลับตนเป็นคนดีตลอดจนรักษาตัวของจำเลยให้ดีขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิในทรัพย์สิน: การยิงเพื่อป้องกันการลักกระบือในเวลากลางคืน ถือเป็นการป้องกันโดยสมควรแก่เหตุ
คนร้ายจูงกระบือไปจากใต้ถุนเรือนจำเลยเมื่อเวลาประมาณ 24 นาฬิกา จำเลยร้องถามคนร้ายหันปืนมาทางจำเลย จำเลยจึงยิงปืนไปจากบนเรือน 2 นัดถูกคนร้ายตาย จำเลยเคยถูกลักกระบือมาแล้วครั้งหนึ่ง และหมู่บ้านนั้นมีการลักกระบือเสมอ ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 68.
จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยกระทำเพื่อเป็นการป้องกัน เท่ากับจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิดจึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะนำสืบว่าจำเลยได้ยิงผู้ตายถึงแก่ความตายโดยเจตนา ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน.
จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยกระทำเพื่อเป็นการป้องกัน เท่ากับจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิดจึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะนำสืบว่าจำเลยได้ยิงผู้ตายถึงแก่ความตายโดยเจตนา ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิและทรัพย์สิน: การยิงเพื่อป้องกันตัวจากการลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
คนร้ายจูงกระบือไปจากใต้ถุนเรือนจำเลยเมื่อเวลาประมาณ24 นาฬิกา จำเลยร้องถาม คนร้ายหันปืนมาทางจำเลย จำเลยจึงยิงปืนไปจากบนเรือน 2 นัดถูกคนร้ายตาย จำเลยเคยถูกลักกระบือมาแล้วครั้งหนึ่ง และหมู่บ้านนั้นมีการลักกระบือกันเสมอ ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายพอสมควรแก่เหตุจำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยกระทำเพื่อเป็นการป้องกัน เท่ากับจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิด จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะนำสืบว่าจำเลยได้ยิงผู้ตายถึงแก่ความตายโดยเจตนา ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน
จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยกระทำเพื่อเป็นการป้องกัน เท่ากับจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิด จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะนำสืบว่าจำเลยได้ยิงผู้ตายถึงแก่ความตายโดยเจตนา ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 924/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: พฤติการณ์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยวางแผนทำร้ายผู้ตาย
พฤติการณ์ที่ยังไม่พอฟังว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 924/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: การประเมินจากพฤติการณ์และหลักฐาน
พฤติการณ์ที่ยังไม่พอฟังว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานร่วมชุลมุนต่อสู้และการฆ่าคนตาย: ฟ้องไม่ขัดแย้งหากระบุการกระทำของแต่ละจำเลย
ฟ้องว่า จำเลยที่ 1-2 ฝ่ายหนึ่ง กับผู้ตายอีกฝ่ายหนึ่งร่วมชุลมุนต่อสู้ทำร้ายกันและกันในการต่อสู้กันนี้ จำเลยที่ 1 ใช้มีดฟันผู้ตายถูกที่บริเวณศีรษะโดยมีเจตนาฆ่าให้ตาย ผู้ตายถึงแก่ความตายด้วยบาดแผลนั้นขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,294ไม่เป็นฟ้องที่ขัดแย้งกัน
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294 ผู้ที่ชุลมุนต่อสู้กันนั้นต้องมีความผิดทุกคนเว้นแต่แสดงได้ว่าได้กระทำไปเพื่อห้ามการชุลมุนต่อสู้ หรือเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294 ถ้าปรากฏว่าในพวกที่ชุลมุนกันนั้นบุคคลใดเป็นผู้กระทำให้ตาย อาจมีความผิดฐานฆ่าคนตายตามมาตรา 288 อีกบทหนึ่งต่างหากเพราะมาตรา 294 ไม่ลบล้างความผิดฐานฆ่าคนตาย
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294 ผู้ที่ชุลมุนต่อสู้กันนั้นต้องมีความผิดทุกคนเว้นแต่แสดงได้ว่าได้กระทำไปเพื่อห้ามการชุลมุนต่อสู้ หรือเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294 ถ้าปรากฏว่าในพวกที่ชุลมุนกันนั้นบุคคลใดเป็นผู้กระทำให้ตาย อาจมีความผิดฐานฆ่าคนตายตามมาตรา 288 อีกบทหนึ่งต่างหากเพราะมาตรา 294 ไม่ลบล้างความผิดฐานฆ่าคนตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานชุลมุนต่อสู้และการฆ่าคนตาย ศาลวินิจฉัยว่าฟ้องไม่ขัดแย้งกัน
ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 - 2 ฝ่ายหนึ่ง กับผู้ตายอีกฝ่ายหนึ่ง ร่วมชุลมุนต่อสู้ทำร้ายกันและกัน ในการต่อสู้กันนี้ จำเลยที่ 1 ใช้มีดฟันผู้ตายถูกที่บริเวณศีรษะโดยมีเจตนาฆ่าให้ตาย (ุ้ตายถึงแก่ความตายด้วยบาดแผลนั้น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 288,294 ไม่เป็นฟ้องที่ขัดแย้งกัน
ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 294 ถ้าปรากฏว่าในพวกที่ชุลมุนกันนั้น บุคคลใดเป็นผู้กระทำให้ตาย อาจมีความผิดฐานฆ่าคนตายตามมาตรา 288 อีกบทหนึ่งต่างหาก เพราะมาตรา 294 ไม่ลบล้างความผิดฐานฆ่าคนตาย
ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 294 ถ้าปรากฏว่าในพวกที่ชุลมุนกันนั้น บุคคลใดเป็นผู้กระทำให้ตาย อาจมีความผิดฐานฆ่าคนตายตามมาตรา 288 อีกบทหนึ่งต่างหาก เพราะมาตรา 294 ไม่ลบล้างความผิดฐานฆ่าคนตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมาย: จำเลยยิงตอบโต้หลังถูกยิงก่อน
จำเลยที่ 2 ยิงจำเลยที่ 1 ก่อนจำเลยที่ 1 กลัวจำเลยที่ 2 จะยิงซ้ำจึงยิงเอาบ้าง ถือว่าเป็นการป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ