พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,229 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อป้องกันการฉุดคร่าและการทำร้ายร่างกาย
ผู้ตายเป็นคนหนุ่มอันธพาล มารุกรานฉุดคร่าบุตรสาวจำเลยถึงในบ้าน และยังจะใช้มีดฟันจำเลยอีก จำเลยจึงยิงเอา เพราะถ้าจะรอให้ผู้ตายเข้าทำร้ายถึงตัวเสียก่อนจำเลยก็คงไม่มีทางสู้ นั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาพยายามฆ่า: การประเมินจากพฤติการณ์และข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
การที่จะลงโทษบุคคลฐานพยายามฆ่าคนนั้นข้อเท็จจริงจะต้องให้ได้ความว่าจำเลยได้มีเจตนากระทำการเพื่อฆ่า ฉะนั้นที่จำเลยถือปืนส่ายไปมาต่อหน้าคนหมู่มากแล้วกระสุนลั่นออกโดยไม่มีใครเห็นว่าจำเลยได้จ้องยิง คดีย่อมมีทางส่อให้วินิจฉัยได้ว่า จำเลยประมาทเลินเล่อทำปืนลั่นออกไปโดยไม่มีเจตนาจะเหนี่ยวไกปืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาพยายามฆ่า: การประเมินจากพฤติการณ์และข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
การที่จะลงโทษบุคคลฐานพยายามฆ่าคนนั้น ข้อเท็จจริงจะต้องให้ได้ความว่าจำเลยได้มีเจตนากระทำการเพื่อฆ่า ฉะนั้น ที่จำเลยถือปืนส่ายไปมาต่อหน้าคนหมู่มากแล้วกระสุนลั่นออกโดยไม่มีใครเห็นว่าจำเลยได้จ้องยิง คดีย่อมมีทางส่อให้วินิจฉัยได้ว่า จำเลยประมาทเลินเล่อทำปืนลั่นออกไปโดยไม่มีเจตนาจะเหนี่ยวไกปืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนต่อสู้กับคนร้ายบุกรุกบ้านและข่มขู่ด้วยอาวุธ: การกระทำเป็นเหตุป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ผู้ตายเป็นคนร้ายขึ้นไปทำการลักทรัพย์บนเรือนจำเลยจำเลยเป็นเด็กหนุ่มอายุ 16 ปี อยู่เฝ้าบ้านตามลำพัง ได้พบคนร้ายในห้องเรือนมีอาวุธมีดปลายแหลมถือขู่จะทำร้ายทั้งเก็บทรัพย์บนเรือนพยายามจะพาเอาไปด้วย จำเลยจึงเอาพร้าฟันผู้ตายซึ่งเป็นคนร้ายถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบธรรม: การกระทำเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินจากคนร้ายบุกรุก
ผู้ตายเป็นคนร้ายขึ้นไปทำการลักทรัพย์บนเรือนจำเลย จำเลยเป็นเด็กหนุ่มอายุ 16 ปี อยู่เฝ้าบ้านตามลำพัง ได้พบคนร้านในห้องเรือนมีอาวุธมีดปลายแหลมถือ - ขู่จะทำร้ายทั้งเก็บทรัพย์บนเรือนพยายามจะพาเอาไปด้วย จำเลยจึงเอาพร้าฟันผู้ตายซึ่งเป็นคนร้ายถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 899/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อย จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามมาตรา 290 จำคุกจำเลยคนละ 4 ปี ศาลอุทธรณ์คงพิพากษาว่าจำเลยผิดตามมาตรา 290 แต่ลดมาตราส่วนโทษให้นายซ้งจำเลยคนหนึ่ง 1 ใน 3 ให้จำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือน นอกนั้นวางโทษจำคุกคนละ 4 ปีและลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยคนละ 1 ใน 4 คงเหลือโทษจำคุกนายซ้ง 2 ปี จำเลยนอกนั้นคนละ 3 ปี ดังนี้ ถือว่าแก้น้อย ฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 899/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาเล็กน้อยในคดีฆ่าคนตายโดยเจตนา ทำให้ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่สำเร็จ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,83 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตาม มาตรา 290 จำคุกจำเลยคนละ 4 ปี ศาลอุทธรณ์คงพิพากษาว่าจำเลยผิดตามมาตรา 290 แต่ลดมาตราส่วนโทษให้นายซ้งจำเลยคนหนึ่ง 1 ใน 3 ให้จำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือน นอกนั้นวางโทษจำคุกคนละ 4 ปี และลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยคนละ 1 ใน 4คงเหลือโทษจำคุกนายซ้ง 2 ปีจำเลยนอกนั้นคนละ 3 ปี ดังนี้ ถือว่าแก้น้อยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 865/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากถูกข่มเหง: ลดโทษอาญาฐานทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย
จำเลยได้ออกเงินค่าสุรา แต่ผู้ตายเอาเงินนั้นใส่กระเป๋าเสีย กินสุรากันหมดครึ่งขวด ผู้ตายก็กลับเอาสุราที่เหลือไปด้วย เจ้าของร้านมาทวงค่าสุรา จำเลยบอกว่าได้ออกไปแล้วและอยู่ที่ผู้ตาย เจ้าของร้านให้จำเลยไปตามมาให้ จำเลย ตามไปทันผู้ตายและพูดว่าเงินค่าสุรายังไม่ได้ให้เขา ผู้ตายพูดว่า กูไม่ได้เอาเงินของมึงมา ไม่รู้ พูดแล้วผู้ตายก็เหวี่ยงขวดสุราตีจำเลย จำเลยหลบ ไม่ถูก ขวดสุราหลุดมือผู้ตายเข้าป่าไป ทันทีนี้จำเลยแทงผู้ตายด้วยกฤชถูกที่กระดูกไหปลาร้าขวา และผู้ตายได้ถึงแก่ความตายด้วยพิษบาดแผล ดังนี้ ถือว่า ผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุก่อนได้ยั่วให้จำเลยบันดาลโทสะ พฤติการณ์ถือได้ว่าจำเลยบันดาลโทสะเพราะถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยจึงควรได้รับการลงโทษน้อยลงตามมาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 865/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบันดาลโทสะจากการถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงและการลดโทษตามมาตรา 72
จำเลยได้ออกเงินค่าสุรา แต่ผู้ตายเอาเงินนั้นใส่กระเป๋าเสีย กินสุรากันหมดครึ่งขวด ผู้ตายก็กลับ เอาสุราที่เหลือไปด้วย เจ้าของร้านมาทวงค่าสุรา จำเลยบอกว่าได้ออกไปแล้วและอยู่ที่ผู้ตาย เจ้าของร้านให้จำเลยไปตามมาให้ จำเลยตามไปทันผู้ตายและพูดว่าเงินค่าสุรายังไม่ได้ให้เขา ผู้ตายพูดว่า กูไม่ได้เอาเงินของมึงมา ไม่รู้พูดแล้วผู้ตายก็เหวี่ยงขวด สุราตีจำเลย จำเลยหลบ ไม่ถูก ขวดสุราหลุดมือผู้ตายเข้าป่าไป ทันทีนี้จำเลยแทงผู้ตายด้วยกฤชถูกที่กระดูกไหปลาร้าขวา และผู้ตายได้ถึงแก่ความตายได้ถึงแก่ความตายด้วยพิษบาดแผล ดังนี้ถือว่า ผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุก่อน ได้ยั่วให้จำเลยบันดาลโทสะ พฤติการณ์ถือได้ว่า จำเลยบันดาลโทสะ เพราะถูกผู้ตายข่มเหง อย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจำเลยจึงควรได้รับการลงโทษน้อยลงตามมาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยในคดีอาญา มีสิทธิพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แม้ไม่ต่อสู้คดี หรือซักค้านพยานโจทก์
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าคน แม้ว่าจำเลยจะให้การปฏิเสธลอย ๆ และจำเลยไม่ได้ซักค้านพยานโจทก์ในเรื่องป้องกันตัว จำเลยก็นำสืบในเรื่องป้องกันตัวได้ เพราะกระบวนพิจารณาความในคดีอาญาต่างกับในคดีแพ่ง ในคดีอาญา จำเลยไม่ยอมให้การอย่างใดเลย ก็ไม่เป็นไรและไม่ว่าจำเลยจะให้การต่อสู้อย่างไร หรือไม่ให้การเลย ก็เป็นหน้าที่ของโจทก์ต้องนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยตามฟ้องก่อนเสมอไป และหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว จำเลยมีอำนาจนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจำเลยได้ เมื่อเป็นดังนี้ จำเลยในคดีอาญาจึงมีอำนาจนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ของจำเลยได้โดยไม่จำเป็นต้องให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ และไม่จำต้องซักค้านพยานโจทก์ในเรื่องที่จำเลยจะนำพยานเข้าสืบต่อไปไว้เลยก็ได้